เป็นที่รู้กันดีว่า “น้ำ” คือสิ่งสำคัญที่ร่างกายต้องการ หากขาดน้ำเพียง 3 วัน ก็ส่งผลอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ร่างกายมีความเสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำได้ง่ายกว่าช่วงวัยอื่นๆ เราจึงควรหมั่นสังเกตและระวังเป็นอย่างยิ่ง
สาเหตุของภาวะขาดน้ำในผู้สูงอายุ
สาเหตุที่ผู้สูงอายุมีแนวโน้มจะเกิดภาวะขาดน้ำได้ง่ายกว่าคนทั่วไป เนื่องจากร่างกายมีการตอบสนองต่อการขาดน้ำได้น้อย แม้บางครั้งผู้สูงอายุจะมีภาวะขาดน้ำแล้ว แต่ร่างกายก็อาจจะไม่รู้สึกหิวน้ำ จึงถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลยหรือมองข้ามปัญหานี้
สำหรับปริมาณน้ำที่เหมาะสมควรดื่มในแต่ละวันสำหรับคนทั่วไปนั้น สถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ (National Academy of Sciences – NAS) และสถาบันแพทยศาสตร์ (The Institute of Medicine – IOM) แนะนำให้ผู้หญิงดื่มวันละประมาณ 2.7 ลิตรต่อวันหรือ 11.5 แก้ว ส่วนผู้ชายควรดื่มวันละประมาณ 3.7 ลิตรต่อวัน หรือ 15.5 แก้ว ถือเป็นปริมาณที่เหมาะสม
แต่หากเป็นกลุ่มผู้สูงอายุโดยทั่วไป ควรดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว หรือ 1.5 ลิตร ซึ่งถือเป็นปริมาณที่เหมาะสม ยกเว้นผู้สูงอายุที่มีอาการป่วยด้วยโรคไต อาจจะมีการจำกัดปริมาณน้ำที่ต้องดื่มให้เหมาะสม ขึ้นอยู่กับว่าป่วยเป็นโรคไตระยะใด หรือต้องฟอกไตหรือไม่ ซึ่งแพทย์จะให้คำแนะนำกับกลุ่มผู้ป่วยโรคไต ในการดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน
ขณะเดียวกันก็มีผู้สูงอายุจำนวนมากดื่มน้ำได้ไม่เพียงพอ จึงมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะขาดน้ำได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอาการป่วย การได้รับยาบางชนิด เช่น กลุ่มยาขับปัสสาวะ กลุ่มยาลดความดัน ซึ่งมีผลต่อการขับปัสสาวะมากขึ้น หรือกลุ่มผู้สูงอายุที่มีปัญหาทางด้านการสื่อสาร กลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ล้วนแต่ส่งผลให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำได้
...
ภาวะขาดน้ำในผู้สูงอายุ สังเกตอย่างไร
ภาวะการขาดน้ำ เป็นภาวะที่ร่างกายเสียสมดุลของน้ำในร่างกาย ซึ่งอาจจะเกิดจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอ ร่างกายขับน้ำออกมามาก การขับน้ำออกจากร่างกายมาก ซึ่งผู้สูงอายุที่มีภาวะขาดน้ำ อาจมีอาการแสดงที่ไม่ชัดเจน แต่จะสังเกตได้ง่ายเมื่อมีความรุนแรงแล้ว โดยสามารถสังเกตได้จากอาการเหล่านี้
- ริมฝีปากแห้ง
- ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลง
- อ่อนเพลีย
- ปัสสาวะลดลง หรือมีสีเข้มขึ้น
- เป็นตะคริวง่าย
- มีชีพจรเต้นเร็วกว่า 120 ครั้งต่อนาที
- ความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่า ทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ เป็นลมง่าย
- มีภาวะสับสน
- หมดสติ
- เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวและไตวายได้
สิ่งที่น่ากังวลจากการที่ผู้สูงอายุเกิดภาวะขาดน้ำ คือ ทำให้เลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้เพียงพอ ทำให้มีการทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะอวัยวะที่ต้องมีน้ำหรือเลือดไปหล่อเลี้ยง เช่น สมอง ระบบไต ซึ่งทำให้เกิดภาวะไตวายเฉียบพลันได้
วิธีป้องกันภาวะขาดน้ำในผู้สูงอายุ
วิธีการป้องกันไม่ให้ผู้สูงวัยต้องเผชิญกับปัญหาร่างกายขาดน้ำ คือ
1. ต้องรู้จักตนเอง
ผู้สูงอายุต้องรู้ว่าตนเองป่วยเป็นโรคอะไร หากไม่ได้เป็นโรคที่มีข้อห้ามในการดื่มน้ำ เช่น ไม่ได้มีภาวะน้ำท่วมปอด ไตวายขับปัสสาวะไม่ได้ สามารถดื่มน้ำได้ในปริมาณที่เหมาะสม คือ วันละ 1.5 ลิตร
2. ตั้งขวดน้ำไว้ในจุดเห็นได้ง่าย
เพื่อป้องกันการหลงลืมในการดื่มน้ำ ให้ใช้วิธีการตั้งน้ำในปริมาณที่กำหนดไว้ในจุดที่เห็นได้ง่าย และหยิบดื่มได้สะดวก ซึ่งวิธีการดื่มน้ำที่เหมาะสม คือ การจิบน้ำเป็นระยะๆ ภายในเวลา 24 ชั่วโมง ไม่ควรดื่มน้ำในปริมาณมากๆ ภายในครั้งเดียว
ภาวะขาดน้ำในผู้สูงอายุ รักษาได้ไหม
ส่วนวิธีการรักษาผู้สูงอายุที่มีภาวะการขาดน้ำนั้น จะขึ้นอยู่กับอาการ ระดับความรุนแรงและภาวะการขาดน้ำ ผู้ป่วยที่มีอาการมาก มีภาวะซึม ความดันโลหิตต่ำ อาจจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล รวมไปถึงการได้รับสารน้ำและเกลือแร่ทางหลอดเลือดดำร่วมด้วย
ดังนั้นการดื่มน้ำไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อน แต่หากดื่มน้ำไม่เพียงพอหรือเหมาะสมกับร่างกายที่ได้รับ ก็อาจจะเกิดโทษและอันตรายถึงชีวิตได้ ผู้สูงอายุหรือคนที่ต้องดูแลผู้สูงอายุ จึงควรใส่ใจในเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ ดูแลเรื่องการดื่มน้ำอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันปัญหาเกิดภาวะขาดน้ำในผู้สูงอายุ ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ตามมาภายหลังได้เช่นกัน
...
ข้อมูลอ้างอิง : คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี, กรมประชาสัมพันธ์
ภาพ : iStock