การทำงานในองค์กรย่อมมีทั้งคนเก่ง คนไม่เก่ง และคนปานกลาง แม้ว่าแสงส่วนใหญ่จะฉายไปที่คนเก่ง จนทำให้คนทำงานปานกลาง ซึ่งเป็นสัดส่วนจำนวนมากขององค์กรรู้สึกท้อและอาจหมดหวังว่าเมื่อไหร่จะมีวันที่ตัวเองประสบความสำเร็จกับเขาบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวันนั้นเสมอไป

คุณโจ้-ธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้ผ่านบทบาทผู้บริหารในองค์กรใหญ่ๆ หลายองค์กร และเจ้าของเพจ “เขียนไว้ให้เธอ” ได้มาเผยถึงเคล็ดลับการก้าวสู่ความสำเร็จของคนปานกลาง ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะมีชีวิตดีและผลงานปัง ในงาน Chat & Share ที่ไทยรัฐ กรุ๊ป เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 

เปิด 5 เคล็ดลับความสำเร็จของคนปานกลางในสไตล์คุณธนา

แม้ว่าจากสายตาคนภายนอกจะมองว่า คุณธนา เป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แต่เขาบอกว่าแท้จริงแล้วเขาก็เป็นมนุษย์ “ปานกลาง” เหมือนคนส่วนใหญ่ ที่เลือกเรียนในคณะปานกลาง ไปเรียนต่อต่างประเทศก็เลือกมหาวิทยาลัยระดับปานกลาง กลับมาทำงานที่ไทยก็สมัครไปเกือบร้อยแห่ง แต่ได้เรียกสัมภาษณ์แค่หลักหน่วย เขาจึงไม่ได้คิดว่าตนเองเก่งมาตั้งแต่แรก แต่การจะประสบความสำเร็จในฐานะคนปานกลางแบบวันนี้ได้ก็ต้องมาจากหลายส่วนด้วยกัน

...

“การมีกัลยาณมิตรที่ดี เช่น หัวหน้าที่ดี มีที่ปรึกษาที่ดี เพื่อนร่วมงานดี ลูกน้องดี สิ่งเหล่านี้ทำให้คนปานกลางสู้คนเก่งกว่าได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลคือเราต้องเป็นคนนิสัยดีด้วยถึงจะไปได้ไกล” คุณโจ้ กล่าว

สำหรับปัจจัยที่จะนำพาให้คนปานกลางในมุมมองของคุณธนา มาจาก 5 ข้อ ดังนี้

  1. ทำสำเร็จ คือ การทำงานออกมาให้ประสบความสำเร็จได้รับการตอบรับที่ดี ไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จๆ ส่งๆ ไปเพื่อให้ทันเวลา
  2. ทำดี คือ การตั้งใจทำงานให้ออกมาดีอย่างเต็มที่
  3. ทำเกิน คือ ทำงานให้เกินกว่าที่เจ้านายคาดหวังไว้ เพราะจะทำให้เกิดการจดจำ
  4. ทำอะไรไม่รู้ ยกมือไว้ก่อน คือ ยกมือช่วยเหลืองานทุกครั้งแม้จะไม่ใช่งานที่ตนเองถนัดก็ตาม เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ
  5. ทำให้เจ้านายเป็นง่อย คือ สามารถช่วยเหลือจัดการทำงานให้เจ้านายได้ทุกอย่าง จนทำให้เขารู้สึกว่าขาดเราไม่ได้

นอกจากนี้คือควรพัฒนาศักยภาพตนเองด้วยการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้เกิดผลงานที่มีทั้งประสิทธิผลและประสิทธิภาพมากกว่าคนอื่นในเวลาที่เท่ากัน

ที่สำคัญคือควรค้นหาให้ได้ว่า “ความสำเร็จ” ในแบบของเราคืออะไร ไม่ว่าจะเป็น การได้ความรู้ ได้ประสบการณ์ ได้ความทรงจำที่ดี หรือได้สะสมคำขอบคุณจากคนรอบข้าง ด้วยการช่วยเหลือคนรอบตัวเท่าที่ช่วยได้ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม

“อย่างน้อยตอนที่ย้ายไปทำงานที่อื่นก็ควรสร้างความทรงจำที่ดีให้คนนำไปพูดถึงในทางที่ดีต่อในอนาคตเมื่อเราย้ายงาน”

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

นอกจากนี้ คุณโจ้เชื่อว่าในทุกวิกฤติจะทำให้เราเติบโตและแข็งแรงขึ้น โดยเขายกตัวอย่างเรื่องของตัวเองเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่เขาไม่ได้ดูแลตัวเองและชอบกินตามใจปากมาตลอด ทำให้มีน้ำหนักตัวมากถึงร้อยกิโลกรัม

จนกระทั่งวันหนึ่งเขามีอาการใจสั่นจนต้องเข้าโรงพยาบาล จึงเป็นจุดที่ทำให้เขาคิดว่าควรเปลี่ยนตัวเองอย่างจริงจัง ด้วยการหันมากินผักมากขึ้น และออกกำลังกายเป็นประจำ จนสามารถลดน้ำหนักลงได้ถึง 20 กิโลกรัม ภายในเวลาเพียง 2 เดือน และทำต่อเนื่องมาตลอดเป็นเวลา 18 ปีแล้ว ซึ่งนอกจากทำให้สุขภาพดีขึ้น แล้วยังทำให้เขาหายจากการเป็นโรคแพนิกเพราะกลัวตายอีกด้วย

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

“วันที่เราเกือบตายถือว่าเป็นวันที่โชคดีมากที่สุดเพราะทำให้เราปรับตัว ถ้าหากวันนั้นหมอไม่จับเข้าห้อง CCU ก็ไม่รู้สึกตัวว่าควรเปลี่ยนตัวเอง”

เพียงแค่ขอให้เรามี Growth Mindset คือกล้าที่จะเปิดใจเรียนรู้ รู้จักข้อดีข้อเสียของตน เพื่อพัฒนาตนเองต่อไปได้ รวมทั้งสร้างความเชื่อใจซึ่งกันและกันกับเจ้านาย หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน และลูกน้อง โดยเริ่มเปลี่ยนแปลงทุกอย่างจากตัวเรา เพื่อให้เราชอบในสิ่งที่ทำและเกิดเป็นความสุขขึ้นมา

...