แอปพลิเคชัน ‘inDrive’ (อินไดร์ฟ) แพลตฟอร์มด้านการเดินทาง และบริการขนส่งในเขตเมืองน้องใหม่ ประกาศเตรียมลงตลาดแอปพลิเคชันเรียกรถยนต์ในไทย หลังผ่านการรับรองโดยกรมการขนส่งทางบกเป็นที่เรียบร้อย พร้อมชู อิสระในการใช้ และให้บริการ พร้อมตัวเลือกมากมายที่ทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการเรียกรถโดยสารได้ง่าย และสะดวกสบายยิ่งขึ้น ในราคายุติธรรม
บริษัท inDrive (อินไดร์ฟ) ก่อตั้งในปี 2555 เริ่มต้นที่ไซบีเรีย จากประเทศรัสเซีย ขยับขยายจนมีสำนักงานใหญ่ที่สหรัฐอเมริกา
แอปพลิเคชันอินไดร์ฟให้บริการการเรียกรถยนต์ในการขนส่งมาแล้วหลายประเทศทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ มียอดดาวน์โหลดแอปฯ ผ่านกูเกิลสโตร์ และแอปเปิลสโตร์รวมถึง 180 ล้านครั้ง มีสำนักงานทั่วโลกมากกว่า 20 แห่ง มีพนักงานกว่า 3,000 คน
วันที่ 3 ตุลาคม 2566 inDrive (อินไดร์ฟ) ได้ประกาศเปิดตัวเพื่อเตรียมลุยตลาดขนส่ง บนแอปพลิเคชันในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ หลังได้รับการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก โดยแอปฯ อินไดร์ฟ นี้นำเสนอความแตกต่างจากแอปพลิเคชันเรียกรถโดยสารอื่นๆ ด้วยการเดินทางที่อิสระในการเลือกใช้บริการ และมีบริการที่หลากหลาย เช่น เรียกรถ รับส่งระหว่างเมือง ขนส่ง ขนส่งในองก์กร ฯลฯ
...
บนแอปพลิเคชันอินไดร์ฟ ผู้โดยสารสามารถเลือกคนขับที่ต้องการได้ จากโปรไฟล์ เรตติ้ง รถยนต์ การให้บริการ และเวลาถึงจุดหมายโดยประมาณ อีกทั้งคนขับก็สามารถเลือกผู้โดยสารได้เช่นกัน โดยดูได้จากระยะทาง ข้อมูลต่างๆ เป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นในการสร้างรายได้มากขึ้น และเพื่อความสะดวกของทั้ง 2 ฝ่ายทั้งผู้ให้บริการ และรับบริการ โดยไม่ผูกมัด
ค่าโดยสารของอินไดร์ฟ จะถูกกำหนดตามเกณฑ์ของกรมการขนส่งทางบกเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ปัจจุบัน คนขับสามารถใช้ inDrive สร้างรายได้โดยไม่ต้องเสียค่าบริการแพลตฟอร์ม อย่างไรก็ดีในเร็วๆ นี้ บริษัทจะเริ่มคิดค่าบริการอัตราต่ำ 9.99% สำหรับแต่ละงาน เพื่อช่วยให้คนขับสร้างรายได้ง่ายขึ้น
inDrive มีจุดเด่น และคุณสมบัติการทำงานดังนี้
- ผู้โดยสารสามารถตั้งราคาได้ และต่อรองราคาได้ (ในประเทศไทยยังไม่มีฟังก์ชันนี้)
- คนขับสามารถเลือกราคาได้ตามความต้องการ (ในประเทศไทยยังไม่มีฟังก์ชันนี้)
- การแชร์ตำแหน่ง GPS และรายละเอียดการเดินทางแบบเรียลไทม์กับผู้ติดต่อที่เชื่อถือได้
- ฟีเจอร์ความปลอดภัย ปุ่มฉุกเฉินที่จะเชื่อมต่อผู้ใช้งานไปยังหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายโดยตรง
- สามารถแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางได้
- ฟังก์ชันแชตที่ช่วยให้ผู้โดยสาร และคนขับสามารถสื่อสารกันได้ โดยยังคงรักษาความเป็นส่วนตัว
- การสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ผ่านการแชตในแอปฯ และอีเมล
- ขั้นตอนการลงทะเบียนคนขับที่เข้มงวดรัดกุม
แพลตฟอร์มนี้ยังนำเสนอข้อกำหนดด้านความปลอดภัย (Safety Pact) เพื่อเสริมสร้างความตระหนักรู้ และแนวปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งข้อกำหนดด้านความปลอดภัยจะเรียกร้องให้เกิดความร่วมมือสามฝ่ายระหว่างผู้โดยสาร คนขับ และแอปฯ อินไดร์ฟเพื่อแบ่งปันความรับผิดชอบในการสร้างหลักประกันความปลอดภัยในการเดินทางทุกครั้ง ซึ่งข้อกำหนดดังกล่าวสามารถดูรายละเอียดได้บนเว็บไซต์ของ inDrive
โรมัน เออร์โมชิน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอินไดร์ฟ กล่าวถึงความท้าทายในตลาดประเทศไทยว่า ตอนนี้ทางเราได้รับใบอนุญาต ที่สอดคล้องตามข้อกำหนดกฎหมายแล้ว ซึ่งหมายความว่าในขณะนี้ ประตูทุกบานเปิดรอเราอยู่เพื่อการพัฒนาต่อไปให้สอดรับกับกลยุทธ์ ให้ควบคู่ไปกับการสนับสนุนของรัฐบาล ความมุ่งมั่นของเรา คือ การปฏิบัติตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบก และการสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจบริการเรียกรถโดยสารในประเทศไทย โดยการบริการอย่างมีทางเลือก และบริการที่น่าเชื่อถือแก่ผู้บริโภคเป็นลำดับแรกจากคนในประเทศไทย
...
วรุณเทพ ตันละมัย หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจอินไดร์ฟ ประจำประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ขณะนี้จำนวนคนขับของอินไดร์ฟอยู่ที่ 20,000 คนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีผู้ใช้บริการเกือบ 200,000 คน ซึ่งแผนของอินไดร์ฟ คือ การขยับตัวให้ขึ้นสู่ top player ของตลาด ตามลำดับ โดยเริ่มจากขยายฐานผู้ใช้งานให้ได้ทั่วประเทศ
อินไดร์ฟมีกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด คือ พื้นที่เมืองหลัก 3 ลำดับ คือ กรุงเทพฯ, ภูเก็ต และเชียงใหม่ และจุดประสงค์ต่อไปเป็นการขยับพื้นที่เพื่อให้เติบโตไปอย่างยั่งยืนทั้งคนให้บริการ และผู้ใช้งานใหม่ๆ ให้มากที่สุด เสมือนการแนะนำตัวของแอปฯ และประชาสัมพันธ์
สิ่งที่ลูกค้าได้รับที่ต่างออกไปจากแอปพลิเคชันอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟีเจอร์ความปลอดภัย, การแชร์ตำแหน่ง GPS, การเลือกรถยนต์ และที่สำคัญคือ ฟังก์ชันในการแบ่งปันประสบการณ์การเดินทาง เพื่อต้องการความคิดเห็นจากยูสเซอร์ ในการปรับปรุง แก้ไข พัฒนาให้ดีขึ้นในลำดับต่อไป
...
ปัจจุบันอินไดร์ฟ พร้อมให้บริการเรียกรถโดยสารในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา ซึ่งสามารถทดลองใช้งานได้ที่ App Store และ Google Play Store