“พระนารายณ์” เป็นเทพเจ้าแห่งการพิทักษ์ปกป้องและรักษา เมื่อใดก็ตามที่โลกตกอยู่ในอันตราย หรือเมื่อความชั่วร้ายคุกคามเอาชนะความดี พระนารายณ์ก็อวตารลงมาบนโลก การอวตารของพระองค์มีอยู่หลายครั้ง โดยอวตารแรกคือ “มัสยาวตาร” (มัสยาคือปลา)
ตัดตอนมาที่ตำนานมัสยาวตารปรากฏกายมาทวงคืนพระเวท ในครานั้นกล่าวไว้ว่าครั้นเมื่อปลามัสยาตามล่าหัยครีพจนพบความใหญ่โตของปลาอวตารนั้นทำให้อสูรครั่นคร้าม จึงสั่งบริวารให้นำคัมภีร์ไปฝากสังขอสูร (อสูรหอยสังข์) เอาไว้...คิดว่าหากเสียทีเทพคัมภีร์ก็ยังอยู่กับอสูรอยู่ดี
และแล้วสิ่งที่หัยครีพคิดก็ไม่ผิด มันถูกปลาอวตารสังหาร แต่มัสยากลับหาคัมภีร์ไม่เจอ พระองค์เพ่งญาณจนรู้ว่า คัมภีร์อยู่กับสังขอสูรโดยมันกลืนเก็บไว้ในร่าง เมื่อตามพบก็มีการต่อสู้แย่งชิงและจบลงด้วยฝ่ายร้ายถูกสังหาร ปลาอวตารคืนร่างเป็นเทพ ใช้พระหัตถ์ล้วงเข้าไปในร่างของอสูรตนนั้น
...ควานหาคัมภีร์จนพบแล้วหยิบออกมา
ด้วยกำลังของเทพ หัตถ์ของพระวิษณุก็ทิ้งรอยเอาไว้ที่เปลือกหอย พระองค์จึงออกโอษฐ์ว่า “ด้วยเหตุที่สังข์เคยกลืนเอาคัมภีร์พระเวทเข้าไป และเราก็ยังประทับรอยหัตถ์ไว้ที่เปลือกสังข์นี้ จากนี้ไปจึงถือได้ว่าสังข์เป็นของมงคลแล้ว หากมนุษย์จะประกอบการมงคลใดๆ จงใช้สังข์เข้าร่วมในพิธีด้วย น้ำที่บรรจุในสังข์และหลั่งรดออกมา หรือเสียงที่มาจากการเป่าสังข์ถือเป็นมงคลยิ่ง สามารถขจัดเสนียดจัญไร ป้องกันภูตผีและอัคคีภัยได้” ซึ่งสังข์มงคลนั้น...ก้นหอยจะเวียนขวา
...
@@@@@@
พระเจ้าสามองค์ของฮินดู เรียกชื่อรวม “ตรีมูรติ”...พระพรหม พระวิษณุ พระศิวะ แบ่งงานกันทำ พระพรหมเป็นผู้สร้าง พระวิษณุผู้รักษาพระศิวะเป็นผู้ทำลาย
กิเลน ประลองเชิง คอลัมน์ “ชักธงรบ” เรื่อง “นารายณ์แปลงรูป” เขียนไว้ว่าสามพระองค์ผลัดกัน ใหญ่ ศิษย์พระศิวะก็ว่าพระศิวะใหญ่ ศิษย์พระวิษณุก็ว่าพระวิษณุใหญ่ พระพรหมผู้สร้างโลกทั้งใบ...ดูจะเล็กกว่าใครอื่น
บางคัมภีร์ว่า “พระพรหม” เกิดในดอกบัวที่ออกจากพระนาภี ขณะนารายณ์บรรทมสินธุ์ พระนารายณ์แปลว่าผู้เคลื่อนไหวในน้ำ เป็นอีกชื่อ “พระวิษณุ” ที่แปลว่าผู้อยู่ทั่วทุกทิศ
พจนานุกรมศัพท์วรรณกรรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน บอกว่าในบรรดาเทพเจ้าทั้งสาม “พระวิษณุ”...สำคัญที่สุดเพราะเป็นผู้ช่วยแก้ปัญหา พิทักษ์รักษาโลก เมื่อใดโลกเกิดภัยพระวิษณุจะอวตารลงมา...
คัมภีร์พระเวทเล่าว่าพระวิษณุคือปรากฏการณ์ธรรมชาติของดวงอาทิตย์ที่ขึ้นจากขอบฟ้าทิศตะวันออก แล้วขึ้นสูงสุดบนสวรรค์เวลาเที่ยงวัน (1 ก้าว) ลงต่ำจดขอบฟ้าตะวันตก (1 ก้าว) แล้วกลับมาปรากฏใหม่ยังทิศตะวันออก (1 ก้าว) ได้อีกชื่อว่าตรีวิกรม แปลว่าผู้ย่างสามก้าว
คัมภีร์ปุราณะหลายเล่ม เล่าเรื่องวิษณุอวตารหรือนารายณ์สิบปางไว้ดังนี้ มัสยาวตาร ปางที่ 1 อวตารเป็นปลา กูรมาวตาร ปางที่ 2 อวตารเป็นเต่า วราหาวตาร ปางที่ 3 อวตารเป็นหมูป่า นรสิงหาวตาร ปางที่ 4 อวตารครึ่งสิงห์ครึ่งคน วามนาวตาร ปางที่ 5 อวตารเป็นคนแคระ
ปรศุรามาวตาร ปางที่ 6 อวตารเป็นพราหมณ์ชื่อปรศุราม รามจันทราวตาร ปางที่ 7 อวตาร เป็นพระราม กฤษณาวตาร ปางที่ 8 อวตารเป็นพระกฤษณะ พุทธาวตาร
ปางที่ 9 อวตารเป็นพระพุทธเจ้า
กัลกยาวตาร ปางที่ 10 อวตารเป็นพระกัลกี บุรุษผิวขาวขี่ม้าขาวถือดาบมาปราบผู้ไม่เคารพพระเจ้า เป็นอวตารที่ทำนายไว้ในอนาคตว่า เมื่อกลียุคจะสิ้น กัลกีจะสังหารผู้ชั่วร้าย และสร้างโลกยุคใหม่ที่บริสุทธิ์ดีงาม
ผู้รู้ตั้งข้อสังเกต ปางที่ 9 พุทธาวตารนั้นอาจแต่งขึ้นใหม่ เพื่อสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างชาวฮินดูกับชาวพุทธ...
เรื่องเดิมในปางที่ 9 พลรามาวตาร พระวิษณุเสกพระเกศาสองเส้น เส้นสีขาวเกิดเป็นพระรามผู้พี่ เส้นสีดำเกิดเป็นพระกฤษณะผู้น้อง พลรามผู้พี่มีอาวุธสำคัญเป็นคันไถ
...
คัมภีร์บอกด้วยว่า สีกายพระวิษณุต่างกันไปตามยุค ยุคแรกมนุษย์ประกอบกรรมดีมีศีลธรรม มีสีกายขาวบริสุทธิ์ ยุคสองมนุษย์เสื่อมลง 1 ใน 4 สีกายเป็นสีแดง ยุคสามมนุษย์ยิ่งเลวลง 2 ใน 4 สีกายเหลือง...
ถึงยุคที่ 4 คือยุคนี้กลียุคมนุษย์จะเสื่อมลง 3 ใน 4 สีกายพระวิษณุจึงเป็นสีดอกอัญชันหรือสีดำ...ชาวฮินดูเชื่อว่า พระวิษณุจะเสด็จมาเยี่ยมโลกปีละครั้ง ในวันแรม 1 ค่ำ เดือนยี่ ประทับอยู่เพียง 5 วัน
พิธีต้อนรับเรียกว่า “พิธีตรีปวาย”
ในรามเกียรติ์ พระวิษณุอวตารหรือพระนารายณ์แปลงรูปมาเป็นพระราม ยักษ์ที่สู้กับพระราม เมื่อถูกสังหารก่อนตาย ก็จะเห็นรูปจริง...“อันนารายณ์นั้นมีสี่หัตถา ทรงตรีคทาจักรสังข์” แล้วยักษ์ก็มักสำนึกผิดที่ไปหาญสู้โดยไม่รู้กะลาหัว
นี่คืออีกเรื่องเล่าตำนานสำคัญของ “พระวิษณุอวตาร”...จอมเทพผู้ยิ่งใหญ่
@@@@@@
“โอม นารายะณายะ นะมะ” บทสวดคาถาบูชา “พระนารายณ์” หรือ “พระวิษณุ” อย่างย่อ...
...
พระคาถาพระวิษณุนารายณ์ “โอม นะมัสวิษณุนารายณ์ สะวะหะ นะมะฮา” 9 จบ ลูกขอนอบน้อมคารวะสักการบูชาพ่อพระวิษณุนารายณ์ด้วยจิตศรัทธา มหาเทพแห่งการดูแลรักษาดำรงอยู่ คุ้มครอง
ลูกขอตั้งจิตอธิษฐาน ขอน้อมถวายของบูชา...... ขอองค์พ่อโปรดเมตตารับและขอบารมี โปรดเมตตาประทานพร ขอปัญญา ความเข้าใจ ซึ้ง ประจักษ์ ในการดูแลรักษาดำรงอยู่แก่ลูก สันติสุข สาธุ สาธุ โอม
ขอพรช่วยให้ชีวิตประสบความสำเร็จ สมหวัง
“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.
...
รัก-ยม