กราฟไม่เคยหลอกใคร นอกเสียจากหลอกตัวเอง!! “เสี่ยป๋อง–วัชระ แก้วสว่าง” คือเซียนหุ้นอันดับต้นๆของเมืองไทยที่ปั้นพอร์ตจาก 500,000 บาท จนเติบโตเป็นพันล้าน โดยใช้กราฟเทคนิคเป็นเครื่องมือสร้างกำไร ล้างภาพเก่าๆว่านี่คือวิชามารของพวกเก็งกำไร จนกลายเป็นต้นแบบของนักเทรดหุ้นรุ่นใหม่

“ผมเริ่มเล่นหุ้นตอนอายุ 19 ตั้งแต่ปี 2535 ลงทุนก้อนแรกขอเงินพ่อแม่ 500,000 บาท เล่นตั้งแต่ดัชนีหุ้นอยู่ 700 จุด จนขึ้นไปที่ 1,700 จุด ได้กำไรหลายล้าน ที่บ้านนึกว่าลูกชายเก่ง เลยส่งเงินมาให้เพิ่ม ช่วงนั้นหลายคนมองว่าไทยจะไปอีกไกล ที่ไหนได้เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ดัชนีหุ้นร่วงลงมาถึง 200 จุด โชคดีที่ผมตัดขาดทุนแถวๆ 600 จุด ตอนนั้นเลิกเล่นหุ้นไปเป็นปี บริหารพอร์ตให้ที่บ้าน 60 ล้านบาท ทำขาดทุนไป 40 ล้านบาท เหลือกลับบ้าน 20 ล้านบาท คิดว่าเลิกเล่นเด็ดขาดแล้ว ต้องกลับไปนั่งขายวัสดุก่อสร้างอยู่บ้านที่ตาคลี นครสวรรค์ เจ็บปวดสุดคือตอนขายตะปู ทั้งแหลมทั้งดำ เจ็บมือด้วยเพราะตะปูทิ่มนิ้ว แล้วเราต้องชั่งขายทีละกิโล ช่างไม้มาซื้อเฮียตะปูโลหนึ่ง พอช่างตะปูเสร็จเราไปล้างมือยังไม่ทันแห้ง มีคนมาซื้อตะปูอีกแล้ว ตะปูกิโลละ 25 บาท โอ้โหพูดในใจนะกูต้องขายตะปูกี่โลเนี่ยกว่าจะได้กำไรหุ้นคืนมา มันรู้สึกรันทดใจ!! เราไม่น่าเลยทำให้พ่อแม่เสียเงินขนาดนี้ ตอนนั้นอายุ 21 หุ้นขึ้น 1,700 จุด โอ้โหซ่าส์เลย ได้จับเงินหลายสิบล้าน ยังคิดว่าชีวิตเราสบายแล้ว แต่กลายเป็นว่าเละ”...เสี่ยป๋องเล่าแบบไม่มีกั๊กถึงจุดเริ่มต้นเข้ายุทธจักร

...

พลิกกลับมาตั้งหลักใหม่ได้อย่างไรคะ

ตอนนั้นแต่งงานแล้ว มีลูกสองคน ถือเป็นวิกฤติชีวิตเลย สุดท้ายนั่งคิดว่าต้องกลับมาเล่น เพราะเราเสียกับหุ้น แล้วจะไปนั่งทำการค้าให้ได้คืนมามันไม่ง่าย เลยตัดสินใจลองกลับเข้าดู และสัญญากับตัวเองว่าถ้าภายใน 3-4 ปี เราเอาคืนไม่สำเร็จ ก็จะกลับบ้านไปชั่งตะปูขายเหมือนเดิม โชคดีประสบความสำเร็จในปีสุดท้าย คือปี 2546 ทำกำไรและได้ทุนคืนมาหมด จากที่พ่อให้ทุนมาอีก 30 ล้านบาท จุดพลิกชีวิตคือตอนเข้ากรุงเทพฯได้เจอ “พี่โอ๋” และ “เฮียแอร์” ถือเป็นอาจารย์ด้านกราฟของผมเลย เฮียศึกษาเองเรียนเองจนสามารถเอาคืนมาได้จากที่ขาดทุนหนักช่วงต้มยำกุ้ง กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผมอ่านหนังสือและศึกษาเรื่องเทคนิคจริงจัง ทำให้เข้าใจว่าการลงทุนที่ผ่านมาผิดตลอด เพราะเราใช้หูเล่นอย่างเดียวไม่มีวิชา นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมกลับมาดูด้านเทคนิคอย่างเดียว ผมฝึกมาเรื่อยๆจนจำแพตเทิร์นกราฟได้ทุกตัว นั่งดูกราฟทุกวัน ตั้งแต่ 4 ทุ่ม จนถึงตีหนึ่ง บางคนอาจดูแค่กราฟกับวอลลุ่ม ส่วนผมจะดูเทคนิคเกือบทุกเครื่องมือ

จริงไหมที่ว่าวิชากราฟไม่เคยหลอกใคร นอกจากหลอกตัวเอง

มันคือเครื่องมือบันทึกพฤติกรรมของนักลงทุนทุกคนลงไปอยู่ในกราฟให้เราเห็นเหมือนผลเลือด ถ้าเป็นเบาหวานหรือคอเลสเทอรอลสูงมันหลอกไม่ได้หรอก พอคนซื้อมันก็ค่อยๆพล็อตขึ้น ทำนองเดียวกันถ้ามีคนรู้ก่อนว่าตัวนี้จะไม่ดีเขาขายออกมา หุ้นก็พล็อตลงๆ ทุกอย่างจะชนะกันให้เห็นในกราฟว่าคนซื้อหรือคนขายชนะ

ถ้าวิชากราฟดีขนาดนี้ ทำไมคนจำนวนมากถึงยังขาดทุน

การดูกราฟไม่ได้ช่วยเรา 100% แต่ช่วยให้เราทำถูกมากกว่าผิดก็พอใจแล้ว อย่างน้อยมันเป็นเครื่องมือที่ช่วยเราตัดสินใจออกมาตั้งหลักใหม่ได้ การพูดเหมือนง่าย แต่ชีวิตจริงไม่ง่าย คนมีวินัยเท่านั้นถึงจะรอด กราฟไม่เคยหลอกใครก็จริง แต่มันอยู่ที่เราตีความมันอย่างไรด้วย เปรียบเทียบว่าถ้าไม่เห็นกราฟเลย แต่มีคนมาบอกให้ซื้อไปเลยหุ้นตัวนี้ 2 บาท จะไป 10 บาท ความโลภเกิดแล้ว หารู้ไม่ว่าเดือนที่แล้ว 50 สตางค์ ฉะนั้นกราฟมันช่วยได้ ดูกราฟเยอะๆ มันจะจำ แพตเทิร์นนี้ใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ แพตเทิร์นไหนได้เงินสมองมันจำแล้ว ถ้าผมไม่ได้วิชากราฟคงไม่สามารถกู้พอร์ตจากขาดทุนมาเป็นกำไร สำคัญคือต้องมีวินัย ถ้าเขาส่งสัญญาณขายก็ต้องขาย

...

เล่นหุ้นมา 30 กว่าปี ทำยังไงถึงแอ็กทีฟและไม่หมดไฟ

ทุกวันนี้ผมจะใช้ชีวิตกับเก้าอี้ นั่งดูกราฟแทบทั้งวัน ตั้งแต่ 7 โมงเช้า อ่านข่าวเสร็จทำธุระส่วนตัวเสร็จ 10 โมงตลาดเปิด เที่ยงครึ่งปิด แล้วก็ภาคบ่ายสองโมงครึ่ง เล่นจนถึง 4 โมงครึ่ง มีทดเวลาบาดเจ็บ 10 นาที ก็อยู่จนจบ แล้วทำการบ้านต่อถึงหนึ่งทุ่ม ผมทำแบบนี้ทุกวัน และจะทำซ้ำไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดแรงไปข้างหนึ่ง ผมว่าทุกคนมีเหตุผลเดียวกันคือทุกคนอยากรวย แต่เรามีโอกาสจะเข้าถึงมันหรือเปล่า ผมชอบประโยคหนึ่งของพี่ยักษ์นะ สิ่งที่คุณทำมันคู่ควรกับสิ่งที่คุณฝันหรือเปล่า ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย คุณสมควรจะได้ไหม เชื่อเถอะไม่มีใครรวยเพราะคนอื่นหรอก ต้องลงมือทำเอง หมั่นฝึกฝนเข้าไว้ หากไม่ฝึกฝนก็จะไม่เกิดชัยชนะ

ขอล้วงเทคนิคเทรดหุ้นยังไงให้ชนะ

นักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญคือต้องหมั่นทบทวนความผิดพลาดว่าเราพลาดเพราะอะไร แล้วเอามาปรับใช้ หาวิธีของตัวเองให้เจอ ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนเอาจริงเอาจัง สุดท้ายมันจะค้นพบสิ่งที่นำพาเราไปสู่ความสำเร็จ และขาดไม่ได้เลยคือต้องมีวินัย ต้องเชื่อในสัญญาณกราฟ อย่าหลอกตัวเองเพราะความโลภหรือความกลัว กราฟสวยคือ ทรงทะลุไฮ, ทรงเบรกสามเหลี่ยม และทรงไซด์เวย์อัพ แต่ถ้าทรงลงอย่างเดียวเหมือนตกหน้าผาตาย ต้องขายตอนหลุดเทรนด์ แค่เราเห็นควันไม่ต้องรอเปลวไฟก็ต้องหนีตายก่อน อย่างตอนก่อนเกิดวิกฤติโควิด ผมสังเกตเห็นเส้นค่าเฉลี่ย 75 เดือน ถูกทดสอบมาหลายครั้ง ปรากฏว่ามันหลุด เลยโพสต์เฟซบุ๊กเตือนคนล่วงหน้าเป็นเดือน ทำให้หลายคนรอดจากวิกฤติ

...

อยากมูให้ปังแบบเสี่ยป๋องต้องทำอย่างไร

ผมเชื่อมากว่าคนเราถ้าอยู่ถูกที่ถูกเวลาก็รวยได้ ผมเคยบนบานขอเจ้าแม่ทับทิมตาคลีให้รวยหุ้นพันล้านด้วยครับ ขอปี 2545 ได้ปี 2553 ห้องเทรดผมที่เอเชียพลัสต้องปรับฮวงจุ้ยทุกปีตามที่อาจารย์สั่ง อาจารย์ดูให้ผมตั้งแต่พอร์ตเล็กๆมีแค่ 30 ล้าน ผมย้ายห้องเทรดหุ้นมา 4 ห้องแล้ว ห้องไหนหมดพลังผมก็ขอย้าย แต่ช่วงหลังโควิดไม่ได้ไปนั่งที่เอเชียพลัสเลย ยกอุปกรณ์ทุกอย่างมาอยู่ที่บ้านแทน

สมัยนี้เล่นหุ้นยากขึ้นเยอะ เสี่ยป๋องดิสรัปตัวเองยังไง

ผมเทรดช้าลงเยอะ ตอนนี้พยายามจะเป็นวีไอด้วย ไม่ใช่เทคนิคัลร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว ยอมรับว่ามีข้อจำกัดเรื่องสมองด้วย ปีนี้อายุ 50 แล้ว เล่นหุ้นมา 30 กว่าปี เราสู้เด็กรุ่นใหม่ไม่ได้หรอก ความกล้าบ้าบิ่นก็ไม่เหมือนเดิม สมัยเป็นวัยรุ่นผมบ้ามากครับ ลุยซื้อๆขายๆแหลกไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แต่ปัจจุบันกลัวจะพลาดตอนแก่ หุ้นที่ผมเล่นจึงเป็นหุ้นใหญ่ทั้งนั้น มีอีกพอร์ตเล่นหุ้นซิ่งเข้าไปแจมนิดๆหน่อยๆ แต่ส่วนใหญ่จะติด เราต้องใช้เงินให้เหมาะสมกับขนาดของหุ้นด้วยใช้เงินใหญ่เล่นหุ้นเล็ก เวลาติดก็ออกไม่ได้ ผมมองว่านักลงทุนสมัยนี้เก่งรู้เรื่องกราฟกันหมด เราเลยต้องเป็นนักเก็งกำไรหุ้นพื้นฐาน เอาไทมิ่งมาจับเพื่อทำกำไร ผมอ่านเปเปอร์เยอะนะ แต่เราเอากราฟคอยจับจังหวะ การเล่นหุ้นที่จะประสบความสำเร็จในยุคต่อไปต้องเป็น “ไฮบริด อินเวสเตอร์” คือเป็นทั้งวีไอและวีไอวีไอคือไวไว มีวิชากราฟด้วย นอกจากคนจะเก่งขึ้นแล้ว เอไอก็เก่งกว่าเราเยอะ

...

ขอเคล็ดลับพ่อสอนลูกรวยสไตล์เสี่ยป๋อง

ผมมีแต่เรื่องหุ้นที่เป็นมรดกให้ลูกๆได้ สอนเขาว่าป๊ารวยจากการเล่นหุ้นและดูกราฟนะ ก็ได้แต่ถ่ายทอดวิชาพวกนี้ให้ลูกๆทั้งสามคน และรอให้มาสานต่อ ผมยังสอนลูกๆให้ดูพี่ๆรุ่นใหม่เป็นตัวอย่างด้วย เช่น บอย ท่าพระจันทร์, เสี่ยฮง สถาพร และหมอวิน

กราฟชีวิตตอนนี้ของเสี่ยป๋องเป็นทรงอะไร

ก็อยากให้ไซด์เวย์อัพทุกวัน ปีนี้อายุ 50 แล้ว เกินครึ่งชีวิตมาแล้ว ผ่านอะไรมาเยอะมาก เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีตและนำมาปรับหาวิธีการที่เหมาะกับตัวเองให้อยู่รอดมาตลอด ทุกวันนี้ถือว่ามาถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่เด็กแล้ว ที่เหลือเป็นกำไรชีวิตผมไม่กล้าอัดมาร์จิ้นเต็มพอร์ตและซัดตัวเดียวแบบสมัยก่อนแล้วตอนนี้ประคองพอร์ตไม่ให้เสียหายอย่างเดียว จะเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ไม่หยุดจนสุดทางชีวิต และยึดหลักเดิมที่ทำมาตลอดคือต้องขยัน,ใฝ่รู้, อดทน และไม่ประมาท

ขอหุ้นเด็ดปี 2566 ฝากแฟนๆหน่อย

ปี 2566 ผมคิดว่ามีข่าวดีเยอะ มีทั้งธีมนักท่องเที่ยวกลับมา แถมมีธีมเลือกตั้ง ทำท่าว่าเศรษฐกิจเมืองไทยจะสดใส ช่วงปลายปีที่แล้วผมซื้อหุ้นตัวใหญ่ดักไว้หลายตัว ก็ได้กำไรพอสมควร แต่ปีนี้ไปไม่ถูกเลย ยังไงก็ขออวยพรให้ทุกๆท่านโชคดี มีกำไร ปลอดภัยจากการลงทุนนะครับ.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ