เชื่อว่าชาวเน็ตหลายคนที่จะรู้สึกคุ้นเคยกับ "มีม" ที่ได้กลายเป็นสีสันเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะคู่โลกออนไลน์ ในหลายๆ ครั้งมีมก็ยังถูกใช้ในการสื่อความหมายถึงเหตุการณ์ที่กำลังเป็นดราม่าหรือถูกถกเถียงผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ รวมไปถึงใช้เป็นภาพสำหรับแซวหยอกล้อขำขันแทนตัวอักษรได้อีกด้วย
ไทยรัฐออนไลน์ จะพาไปทำความรู้จักมีมให้มากขึ้น มีมคืออะไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร และทำไมการเล่นมีมจึงกลายเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวเน็ตยุคนี้ หาคำตอบได้ที่นี่
ทำความรู้จัก "มีม" คืออะไร?
มีม (Meme) คือ มุกขำขันล้อเลียนที่สะท้อนถึงความคิดและมุมมองทางวัฒนธรรม ปรากฏอยู่ในรูปแบบของการเขียน รูปภาพ คลิปวิดีโอสั้นๆ ฯลฯ มักเป็นการลอกเลียนสถานการณ์ คน สัตว์ สิ่งของ หรือสิ่งต่างๆ ที่สร้างความขบขันในวัฒนธรรมนั้นๆ ซึ่งปัจจุบันมีมถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายบนโลกออนไลน์ เพราะมีมสามารถสื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์ถึงสิ่งที่ต้องการพาดพิงถึงได้ง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้เวลาอธิบายให้ยืดยาว
...
เปิดที่มาของคำว่า "มีม" (Meme)
คำว่า "มีม" มีที่มาจากคำว่า "Gene" (พันธุกรรม) ผสมกับภาษากรีก "mɪmetɪsmos" หรือ mimema ที่หมายถึง การลอกเลียนแบบ จนกลายเป็นคำว่า "Meme" ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
ประวัติและจุดเริ่มต้นของ "มีม"
มีม กำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี 1976 เมื่อนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ที่มีชื่อว่า ริชาร์ด ดอว์กินส์ (Richard Dawkins) เป็นคนแรกที่เริ่มใช้คำว่า "Meme" ในหนังสือเรื่อง The Selfish Gene
หนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับทฤษฎีวิวัฒนาการ การเผยแพร่ของชุดความคิดต่างๆ ที่สอดคล้องกับปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมในแต่ละยุคสมัย ซึ่งในยุคนั้นมีการนิยามว่า "มีม" หมายถึง ไอเดียและชุดข้อมูลทางวัฒนธรรมที่ถูกส่งต่อกันมาเรื่อยๆ และได้รับการพัฒนาต่อยอดไปตามยุคสมัย
ต่อมาในปี 1996 มีกราฟิกดีไซเนอร์ที่มีชื่อว่า Michael Girald ได้ลองสร้างซอฟต์แวร์พร้อมโปรแกรมเคลื่อนไหวภาพ โดยโมเดลแรกที่เขาสร้างก็คือ "Cha-Cha-Cha" มีลักษณะเป็นภาพเด็กทารกยืนเต้นเคลื่อนไหวไปมาตามจังหวะชะชะช่า ซึ่งต่อมาก็ได้กลายเป็นที่มาของไฟล์ภาพแบบ .GIF ส่วนภาพทารกยืนเต้นก็ได้รับความนิยม ถูกส่งต่อกันผ่านอีเมลอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้กลายเป็นต้นแบบของสิ่งที่เรียกว่า "มีม" ในปัจจุบันนั่นเอง
ตัวอย่างมีมสุดฮิตไวรัลบนโลกออนไลน์
สำหรับมีมที่ชาวเน็ตนิยมใช้กันมากที่สุด มักปรากฏในรูปแบบของรูปภาพ เนื่องจากสามารถบันทึกภาพและส่งต่อผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ได้โดยง่าย โดยเฉพาะภาพตลกๆ ฮาๆ พร้อมข้อความที่สื่อถึงอารมณ์ขัน สามารถเลือกนำไปใช้ให้เหมาะสมกับแต่ละสถานการณ์ได้ ซึ่งบางครั้งภาพมีมเป็นภาพที่ไม่ได้มีคุณภาพความคมชัด แต่เป็นภาพที่คนในวัฒนธรรมนั้นๆ เห็นแล้วรู้จักหรือคุ้นเคย และสามารถเข้าใจความหมายที่ต้องการสื่อได้เลย ยกตัวอย่างภาพมีมที่หลายคนมักเห็นบนโลกออนไลน์ ดังนี้
...
อย่างไรก็ตาม มีมไม่ได้เป็นภาพที่มีรูปแบบตายตัว เช่นเดียวกับข้อความที่ปรากฏบนภาพมีม สามารถปรับเปลี่ยนไปได้เสมอ ขึ้นอยู่กับกระแสไวรัลของเหตุการณ์และสถานการณ์ต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัว และในหลายๆ ครั้งภาพมีมก็สะท้อนถึงมุมมองอารมณ์ขันในแต่ละวัฒนธรรม รวมถึงข้อความที่มักนำมาใช้ ก็จะเป็นคำแสลง ศัพท์ฮิตวัยรุ่น หรือประโยคสั้นๆ ที่ชาวเน็ตกำลังนิยมใช้ในแต่ละช่วงเวลา
อ่านข่าวเพื่มเติม