“คลินิกเสริมความงาม” ในปัจจุบันมีให้เลือกมากมายจนลานตา แต่จะเลือกอย่างไรให้ปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงเจอกับคลินิกที่ไม่ได้คุณภาพและไม่ปลอดภัยต่อชีวิต เรามีวิธีคัดกรองเบื้องต้นมาแนะนำ
1. มีใบอนุญาตประกอบการ
ใบอนุญาตประกอบการจากกระทรวงสาธารณสุขจะช่วยคัดกรองความน่าเชื่อถือให้กับคลินิกเสริมความงามว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กระทรวงกำหนด ซึ่งต้องมีความปลอดภัยและพร้อมให้บริการ นั่นคือต้องมีเครื่องมือพื้นฐานทางการแพทย์และอุปกรณ์พร้อมสำหรับกรณีฉุกเฉินรองรับ เช่น เครื่องวัดความดันโลหิต เครื่องตรวจสอบคลื่นหัวใจหรืออุปกรณ์กู้ชีพ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญต่อการดูแลความปลอดภัยของคนไข้ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงกรณีฉุกเฉิน
2. ศัลยแพทย์ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ
ศัลยแพทย์ หรือแพทย์ผู้ให้การรักษาต้องผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น แพทยสภา ซึ่งเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับคลินิกและผู้เข้ารับบริการก็มั่นใจในความปลอดภัยว่าได้รับบริการหรือรักษาจากมืออาชีพ โดยแพทยสภาได้จัดระบบตรวจสอบอัตโนมัติผ่านเว็บไซต์ 24 ชั่วโมง ไว้ที่ http://www.tmc.or.th/check_md/ วิธีตรวจสอบคือนำชื่อและนามสกุลที่ถูกต้องของแพทย์ที่ต้องการตรวจไปใส่ในช่องค้นหา หากมีใบรับรองจากแพทยสภาจะมีข้อมูลปรากฏทันที
3. ราคาที่สมเหตุสมผล
หลายคนมักเลือกคลินิกเสริมความงามจาก “ราคา” เป็นหลัก ยิ่งถูกก็ยิ่งดึงดูดมากเป็นเท่าตัว แต่ความเป็นจริงแล้วราคาที่ถูกเกินไปยิ่งมีความเสี่ยงสูงว่าอาจจะได้รับบริการที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีคุณภาพ เพราะอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ ไปจนถึงยาต่างๆ ล้วนมีต้นทุนค่อนข้างสูง การที่มีราคาถูกเกินไปก็มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นของปลอม ยาหมดอายุ ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตของคนไข้หรือผู้ใช้บริการในระยะยาว ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกที่ราคาถูกมีโปรโมชั่นดี ควรพิจารณาราคาจากคลินิกเสริมความงามหลายๆ แห่งที่น่าเชื่อถือว่าราคามาตรฐานเป็นอย่างไร ซึ่งไม่ควรถูกหรือแพงจนเกินไป เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเจอคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน
...
4. มีบริการปรึกษาแพทย์ฟรีก่อนทำศัลยกรรมหรือทำหัตถการ
คลินิกเสริมความงามที่มีคุณภาพมักจะมีบริการให้คำปรึกษาฟรีสำหรับลูกค้า เพื่อสามารถสอบถามและปรึกษาความต้องการกับแพทย์ หรือศัลยแพทย์ว่า ปัญหาที่พบหรือต้องการแก้ไขนี้สามารถทำได้หรือไม่อย่างไร
5. การตกแต่งคลินิกที่สะอาด
การตกแต่งคลินิกเสริมความงามก็เป็นส่วนหนึ่งที่ควรใช้พิจารณา หากได้เข้าไปรับการปรึกษาจากแพทย์ก่อนตัดสินใจใช้บริการ ควรประเมินความสะอาดตั้งแต่พื้นไปจนถึงผนังห้อง อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ว่ามีความสะอาดและได้รับการดูแลอย่างดีหรือไม่ เพราะสะท้อนถึงการดูแลเอาใจใส่คนไข้เช่นกัน
6. สามารถตรวจสอบยา หรืออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ได้ว่าเป็นของแท้
คลินิกเสริมความงามที่ดีควรให้ลูกค้าหรือคนไข้สามารถตรวจสอบยารวมถึงอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ว่าได้มาตรฐานหรือเป็นของแท้หรือไม่ เช่น เช็กกล่องโบท็อกซ์ หรือฟิลเลอร์ว่าเป็นของแท้หรือไม่ ซิลิโคนได้มาตรฐานเป็นของแท้จากผู้ผลิตหรือเปล่า อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ได้มาตรฐานหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยต่อการใช้บริการ
...
7. ผู้ทำหัตถการต้องเป็นแพทย์เท่านั้น
คลินิกเสริมความงามบางแห่งอาจใช้วิธีลดต้นทุนค่าตัวแพทย์ หรือศัลยแพทย์ประจำคลินิกด้วยการให้พนักงานหรือเจ้าหน้าที่ประจำคลินิกเป็นผู้ทำหัตถการแทนแพทย์ เพราะไม่ซับซ้อนเท่าการทำศัลยกรรม แต่ความจริงแล้วการทำหัตถการบางอย่างเองก็ต้องใช้เทคนิคและความสามารถสูงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการฉีดโบท็อกซ์ เติมฟิลเลอร์ การทำไฮฟุ อัลเทอร์ร่า เทอร์มาจ หากพบว่าคลินิกเสริมความงามใดให้พนักงานเป็นผู้ทำหัตถการเหล่านี้แทนแพทย์ก็ไม่ควรเสี่ยง เพราะหากพลาดขึ้นมาก็ไม่คุ้มกัน
...
8. อ่านรีวิวจากหลายๆ แหล่ง
อีกหนึ่งวิธีที่ช่วยคัดกรองความน่าเชื่อถือของคลินิกเสริมความงามได้ดีคือ “รีวิว” จากผู้ใช้บริการจริง ว่ามีประสบการณ์จากการรับบริการเป็นอย่างไร พบปัญหาหรือไม่ คลินิกมีแนวทางแก้ไขอย่างไร ซึ่งสามารถอ่านรีวิวได้หลายช่องทาง เช่น เฟซบุ๊ก กูเกิล อินสตาแกรม ยูทูบ แต่ขณะเดียวกันก็ควรระวังรีวิวที่เป็นรูปแบบการซื้อโฆษณาด้วยเช่นกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกรับบริการควรอ่านเรีวิวจากหลายๆ แหล่ง เพื่อประเมินถึงความน่าเชื่อถือให้มากที่สุด
เพราะเรื่องรูปลักษณ์ความสวยงามเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะในปัจจุบันที่โลกโซเชียลส่งผลต่อความมั่นใจเพราะใครๆ ก็อยากดูดี ดังนั้นการเลือกคลินิกเสริมความงามไม่ว่าจะเป็นการทำหัตถการหรือการทำศัลยกรรมก็ล้วนแต่ต้องใช้การพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพราะถ้าเจอคลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานก็ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ สุขภาพ และการใช้ชีวิตในระยะยาวอย่างแน่นอน
ส่วนคลินิกที่ไม่ได้รับอนุญาตตั้งสถานประกอบการอย่างถูกต้องจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มาตรา 16 ห้ามมิให้บุคคลใดประกอบกิจการสถานพยาบาล เว้นแต่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต การขอ การออกใบอนุญาตและการประกอบกิจการสถานพยาบาลประเภทใดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ข้อมูลอ้างอิง: สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.)