แม้จะมีข่าวว่า เริ่มใช้งานศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์โฉมใหม่มาหลายวันแล้ว แต่หัวหน้าทีมซอกแซกเพิ่งจะไปเยี่ยมชมและเดินสำรวจเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง

เนื่องในโอกาสไปเดินดูงาน “SX 2022” หรืองาน “SUSTAINABILITY EXPO 2022” มหกรรมด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาเซียน จัดโดย ไทยเบฟฯ และพันธมิตร ตามมาด้วยงานแถลงข่าวเปิดตัวห้างใหม่ “ดิเอ็ม สเฟียร์” ในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป...รวมแล้ว 2 งานซ้อนๆ ห่างกันแค่ 3-4 วัน

ระหว่างดูงานหาความรู้ ก็ถือโอกาสสำรวจศูนย์สิริกิติ์ในฐานะผู้ที่คุ้นเคยและเคยใช้งานศูนย์นี้ มาแล้วในอดีตไปด้วยในตัว

ทั้งดีใจทั้งตื่นเต้นครับ ที่พบว่าศูนย์การประชุมแห่งแรกของประเทศไทยได้รับการพัฒนาต่อเติมและต่อยอดไปสู่ความทันสมัยและใหญ่โตกว่าเดิมขึ้นอีกเป็นอันมาก

แต่ก็ยังเก็บความสวยงามและความขลังอันเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์การประชุมแห่งนี้เอาไว้อย่างครบถ้วน

เริ่มจากแต่เดิมมีแค่ชั้นเดียวในอาคารใหญ่ และ 3 ชั้นโดยประมาณในอาคารเล็กข้างๆ...มาคราวนี้กลายเป็นอาคารใหญ่หลังเดียว น่าจะสูง 4 ชั้น (ชั้น LG, G และชั้น 1 ชั้น 2 ไม่รวมชั้นใต้ดินจอดรถยนต์) เพิ่มเนื้อที่การใช้งานจากเดิมถึงเกือบ 5 เท่า

จากพื้นที่ใช้งานเดิมจาก 65,000 ตารางเมตร เป็น 300,000 ตารางเมตร จำนวนห้องประชุมจากเดิม 13 ห้อง เป็น 50 ห้อง เพิ่มที่จอดรถจากเดิม 600 คัน เป็น 3,000 คัน โดย ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 15,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี

ครับ! ทั้งหมดข้างต้นนี้ก็คือข้อมูลตัวเลขอย่างกว้างๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในเชิงกายภาพว่าใหญ่โตมากขึ้นขนาดไหน

...

ซึ่งเมื่อเข้าไปเดินแล้วจะเห็นความเปลี่ยน แปลงที่ชัดเจนและต้องยอมรับ โดยไม่สามารถ ปฏิเสธได้เลยว่าใหญ่โตมโหฬารกว่าเดิมจริงๆ

งานแรกทีมงานซอกแซกแวะไปเยือนโดยใช้รถส่วนตัว จึงมีโอกาสได้ทดลองใช้ที่จอดรถใต้ดิน ซึ่งจำไม่ได้แล้วว่ามีกี่ชั้น...แต่จำได้ว่าแม้จะมีหลายชั้นและจุได้ถึง 3,000 คัน อย่างที่ เขาประชาสัมพันธ์ไว้...พอเจองานใหญ่อย่างงาน “SX 2022” ก็ยังเต็มอยู่ดีต้องเวียนหาที่จอดอยู่หลายนาทีกว่าจะโชคดีมีคนขับรถออกไป 1 คัน

ส่วนงานที่ 2 หัวหน้าทีมฉายเดี่ยวไปด้วยรถไฟฟ้า MRT สายใต้ดินสายเก่า เพื่อขึ้นสู่สถานี “ศูนย์สิริกิติ์” ดังที่เคยไปและเคยขึ้นสู่สถานีแห่งนี้ ไม่ต่ำกว่า 100 ครั้งในอดีต

ยังจำภาพที่เดินออกจากสถานีแล้ววิ่งหลบฝนนิดหน่อยก่อนเข้าสู่ศูนย์ฯ ได้อย่างแม่นยำ เพราะไปเจอวันฝนตกอยู่หลายหน

แต่ไปคราวนี้ในยุคใหม่ ไม่ต้องกลัวแดดกลัวฝนแล้วครับ เพราะเขาจัดทำอุโมงค์รอรับไว้เลย ขึ้นจากบันไดเลื่อนก็เข้าสู่ศูนย์การประชุมฯ พร้อมกับเจอคำขวัญต้อนรับและแอร์เย็นฉ่ำ รออยู่ข้างหน้า

อะไรไม่อะไรยังเจอร้าน กาแฟสตาร์บัคส์ ร้านไอศกรีม แดรี่ ควีน ร้านแฮมเบอร์เกอร์ “เบอร์เกอร์คิงส์” และร้านกาแฟ “คาเฟ่อเมซอน” ดักรออยู่ใกล้ๆ

เดินเข้าไปหน่อยเดียวมีบันไดลงสู่ชั้นล่างที่เป็นศูนย์อาหารหรือฟู้ดคอร์ตในชื่อ “ฟู้ดสตรีท” มีอาหารคาวหวานสารพัดเช่นเดียวกับศูนย์อาหารทั้งหลาย...สนนราคาก็ประมาณห้างดังๆแหละครับ

แต่เท่มากคือ วิธีแลกบัตรหรือคูปอง ซึ่งจะต้องไปแลกที่เครื่องสอดธนบัตร เข้าไปแลก “การ์ด” เพราะเขาจะใช้ “การ์ด” เช่นเดียวกับศูนย์ อาหารทุกๆแห่งเพียงแต่ไม่มีคนมานั่งรับแลกเท่านั้น

เดินออกจาก “ฟู้ดสตรีท” ได้หน่อยเดียวก็เจอแล้ว “ยักษ์ใหญ่” สัญลักษณ์ของศูนย์สิริกิติ์ เก่าที่อยู่หน้า เพลนารีฮอลล์ โดยแซะมาทั้งตัว และทั้งแผ่นกระดาน มาประดับไว้ไม่ใกล้ไม่ไกลจากทางเดินเข้าด้านรถใต้ดินเท่าไรนัก

พูดถึงของเก่าที่เป็นสัญลักษณ์ ก็ต้องบอกว่าน่าชื่นชมมากที่เขาเก็บเอาไว้เกือบหมด นอกจากยักษ์ตนที่ว่าแล้ว ด้านนอกของศูนย์ฯ ซึ่งมีประติมากรรม “โลกุตระ” หรือยอดเกตุมาลา เหนือเศียรพระพุทธรูปสีทองเจิดจ้าจากฝีมือท่าน อาจารย์ ชลูด นิ่มเสมอ ศิลปินแห่งชาติ ปี 2541 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นนั้น ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม...และยังคงมองเห็นได้แต่ไกลเหมือนยุคเก่าทุกประการ เมื่อนั่งรถผ่านไป

อีก 1 จุดที่ยังอยู่เหมือนเดิม และสวยกว่าเดิมคือ วิวของ “สวนเบญจกิติ” ทั้งสวนซึ่งสวยงามมาก มีสระนํ้าใหญ่อยู่กลาง และมองไปจะเห็นตัวตึกสูงของย่านสุขุมวิทรายล้อมอยู่รอบๆ เหมือน แผ่นปฏิทินแผ่นใหญ่อย่างไรอย่างนั้น

เมื่อก่อนเราจะนั่งดูผ่านร้านอาหารที่อยู่ด้านเหนือศูนย์สิริกิติ์...แต่ยุคนี้มีที่ดูใหม่ คือขึ้นไปยังชั้นบน ซึ่งเป็นบริเวณเพลนารีฮอลล์ใหม่ และจะมีผนังกระจกกั้นอยู่มองจากชั้น 2 จึงเห็น สวนเบญจกิติ งดงามขึ้นอีกหลายเท่า

หัวหน้าทีมซอกแซกไปค้นพบโดยบังเอิญ ในวันไปงานแถลงข่าวของ “เดอะมอลล์ กรุ๊ป” นั่นแหละครับ แอบถือแก้วนํ้าส้มหลบไปยืนดูที่บริเวณด้านเหนือตอน 5 โมงเย็นเห็นจะได้...สวยอย่าบอกใครเชียว

สรุปของใหม่ก็ใหม่ทันสมัยตื่นตาตื่นใจ และกว้างมาก เดินขาลากเลยละครับ กว่าจะรอบทั้ง 2-3 ชั้น ในขณะที่ของเก่าเขาก็เก็บรักษาไว้ เพื่อให้ความเป็นศูนย์สิริกิติ์ยังคงอยู่ครบถ้วน

...

วันที่ 12-23 ตุลาคมนี้ ศูนย์การประชุม แห่งชาติสิริกิติ์ จะมีงานใหญ่ที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์อีกงานหนึ่ง ได้แก่ “มหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 27” ที่หัวหน้าทีมซอกแซกเขียนถึงใน “เสาร์สารพัน” เมื่อวานนี้

อย่าลืมกลับไปรำลึกความหลังในงาน “มหกรรมหนังสือ” กันด้วยนะครับ...และอย่าลืมลากกระเป๋าเดินทางไปขนหนังสือด้วยเช่นเคย แต่ต้องเอาลูกที่มีล้อแข็งแรง เลื่อนไหลได้ดีไปนะครับ ถ้าล้อฝืดๆละก็เหนื่อยแน่เลย กว่าจะลากไปถึงอุโมงค์ลงรถใต้ดิน...

เหตุเพราะศูนย์สิริกิติ์ใหม่ใหญ่ยาว และกว้างกว่าเดิมหลายเท่านั่นแหละครับ.

“ซูม”