อนุทิน ชาญวีรกูล หรือ เสี่ยหนู ที่อยู่ในแวดวงการเมืองมานาน แม้มีเหตุสะดุดให้ต้องเว้นวรรคการเมือง 5 ปีในช่วงที่ผ่านมา แต่นี่คือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้อนุทินได้เข้ามาสู่แวดวงการบินอย่างไม่ได้ฝันไว้มาก่อน

หากย้อนดูประวัติของ อนุทิน ชาญวีรกูล ที่ถูกเรียกกันว่า เสี่ยหนูในปัจจุบัน เจ้าตัวเคยเล่าว่า ก่อนหน้านี้ชื่อที่ผู้ใหญ่ในแวดวงการเมือง และวงสังคมเรียกเขายังมีอีกชื่อหนึ่งว่า ตี่ เพราะมีโอกาสติดตามคุณพ่อไปพบกับบุคคลต่างๆ ในสังคม ส่วนการศึกษานั้น ด้วยความเป็นลูกเสี่ยใหญ่ธุรกิจก่อสร้าง จึงต้องเดินตามสูตร ที่เข้าเรียนและสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ จากนั้นบินไปเรียนต่างประเทศ ด้านวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัย Hoftra ประเทศสหรัฐอเมริกา

ส่วนเส้นทางการเมืองของอนุทิน กว่า 20 ปีที่ผ่านมา จะเห็นภาพชัดในความเป็นอนุทินในวันนี้ เพราะการเป็นลูกชายของ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล ที่นอกจากเป็นนักธุรกิจก่อสร้างรายใหญ่ ชวรัตน์ยังเป็นนักการเมืองที่เคยมีตำแหน่งต่างๆ มาแล้วในหลายรัฐบาล ตั้งแต่ปี 2539 เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในยุครัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และมีโอกาสรับตำแหน่งกระทรวงสำคัญในเกือบทุกรัฐบาลต่อมา ตั้งแต่สมัคร สุนทรเวช ทักษิณ ชินวัตร สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการ 14 วัน ช่วงรอยต่อรัฐบาลสมชาย กับอภิสิทธิ์ เมื่อปี 2551

ชวรัตน์ กับ อนุทิน เมื่อเดือนตุลาคม 2555
ชวรัตน์ กับ อนุทิน เมื่อเดือนตุลาคม 2555

...

การเป็นบุตรชายของนักธุรกิจใหญ่ ที่ลงมาเล่นการเมืองเอง ทำให้อนุทินลงสนามการเมืองได้อย่างมั่นใจ จนมาร่วมเป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย และที่สำคัญ คือความสนิทสนมร่วมเดินกับกลุ่ม เนวิน ชิดชอบ นักการเมืองคนดังที่เคยใกล้ชิด ทักษิณ ชินวัตร

จนในยุคปลายไทยรักไทยรุ่งเรือง อนุทินได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาลทักษิณ 2 เมื่อปี 2547 จนปี 2549 มีการรัฐประหาร อนุทินในฐานะกรรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จึงเป็น 1 ใน 111 คนที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี เมื่อครบกำหนด 5 ปี อนุทินมาเป็นหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ต่อจาก ชวรัตน์ ตั้งแต่ ตุลาคม 2555 โดยมี ศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายเนวิน ชิดชอบ เป็นเลขาธิการพรรค

ขณะลงพื้นที่กับนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนธ.ค.2562
ขณะลงพื้นที่กับนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนธ.ค.2562

เมื่อได้เวลากลับเข้าสู่อำนาจ หลังเลือกตั้งปี 2562 แม้พรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคขนาดกลาง ด้วยคะแนนที่นั่ง ส.ส. 51 คน แต่อำนาจต่อรองสูง สามารถเข้าร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมกับเลือกกระทรวงเกรดเอไปครอบครองหลายกระทรวง โดยอนุทินเองได้นั่งเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ท่ามกลางความท้าทายที่อนุทินต้องเผชิญโดยเฉพาะการระบาดของโควิด-19 จนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ตลอดเวลา

จุดเริ่มอนุทิน ชาญวีรกูล กับการขับเครื่องบิน

ความโดดเด่นภาพจำอีกด้านหนึ่งที่สังคมมีต่ออนุทิน คือการขับเครื่องบิน ที่อนุทินเล่าว่า เรื่องการได้พบกับความชอบในการขับเครื่องบิน เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีแห่งการถูกเว้นวรรค ที่ทำให้อนุทิน มีโอกาสใช้เวลาพบปะเพื่อนฝูงเครือข่ายอัสสัมชัญมากขึ้น โดยวันหนึ่งได้ไปพักผ่อนที่เขาใหญ่ ที่เดินทางด้วยรถยนต์ได้ แต่มีเพื่อนคนหนึ่งขับเครื่องบินส่วนตัวมาเอง

นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ เกิดคำถามว่า รถหรูก็มีแล้ว ทำไมเสี่ยหนูจะขับเครื่องบินเองไม่ได้บ้าง จึงเริ่มเรียน ทดสอบ ฝึกบินในวัย 45 ปี และเป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัวเองได้ในที่สุด โดยยิ่งบินได้ ก็ยิ่งบินไกลขึ้น

อนุทินมีเครื่องบินส่วนตัว 2 ลำ ตามที่เคยแจ้งบัญชีทรัพย์สินไว้กับ สำนักงานป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เมื่อครั้งรับตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อปี 2562 คือ เครื่องบิน CIRUS SR 22T ได้มาเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2556 มูลค่าขณะนั้น 22.70 ล้านบาท

อีกลำที่สำคัญคือ เครื่องบิน Aircraft TBM 930SOCATA TMB 930 (TMB 700 N) ที่ได้มาเมื่อวันที่ 28 ธ.ค. 2559 มูลค่าขณะนั้น 139.23 ล้านบาท ที่อนุทินขับมาแล้วทั้งระยะใกล้และไกล โดยระยะใกล้ในประเทศไทย คือภารกิจลงพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ และภารกิจสำคัญคือการรับส่งอวัยวะสำคัญ อย่างหัวใจ ที่มีคนบริจาคแก่ผู้ที่รอเปลี่ยนถ่ายอวัยวะมาแล้ว รวมไปถึงบินไปในประเทศต่างๆ ในอาเชียน อย่างสิงคโปร์ที่ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง หรือไปเวียดนาม ลาว มาเลเซีย

...

ส่วนเส้นทางที่บินไกลมาแล้ว คือไปถึงอังกฤษ โดยมีนักบินมาช่วยบินด้วย บินแบบแวะพักระหว่างทาง เพราะเครื่องบินลำนี้ยังต้องแวะเติมน้ำมัน โดยเริ่มจากดอนเมือง แวะจิตตะกอง ที่บังกลาเทศ ดูไบ บาห์เรน ไซปรัส กรีซ โมนาโก ฝรั่งเศส

การขับเครื่องบินคือการได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยไม่ได้มีความฝันมาก่อนว่าจะเป็นนักบิน และที่ภาคภูมิใจคือ การได้ทำประโยชน์ในการช่วยส่งหัวใจช่วยชีวิตผู้คน นั่นคือสิ่งที่อนุทินบอกกับคนรอบข้างอย่างภูมิใจ

เช่นเดียวกับที่วันนี้ อนุทิน ชาญวีรกูล ในวัย 56 ปี บนเส้นทางการเมืองที่มาไกล และคิดว่าจะไปไกลได้อีก โดยยังคงวางเป้าหมายให้พรรคภูมิใจไทย ที่เขาเป็นหัวหน้าพรรค เป็นพรรคขนาดกลาง ที่ใครๆ ก็อยากชักชวนให้ร่วมเป็นรัฐบาลด้วยนานๆ