สำหรับคอกาแฟที่ชื่นชอบรสชาติเข้มข้นของเมนูเอสเปรสโซ (Espresso) อาจคิดว่าเป็นเพียงชื่อเมนูกาแฟดำที่เสิร์ฟเป็นชอตเล็กๆ เท่านั้น ความจริงแล้วเอสเปรสโซคืออะไร วันนี้เราจะมาทำความรู้จักให้มากขึ้น

ที่ผ่านมามีหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าเอสเปรสโซคือชนิดเมล็ดกาแฟหรือรูปแบบการคั่ว แต่ความจริงแล้วคือกระบวนการชงกาแฟรูปแบบหนึ่ง ที่ชงจากกาแฟบดละเอียดและน้ำแรงดันสูง ไหลผ่านกาแฟคั่วบด ทำให้ได้น้ำกาแฟที่มีความเข้มข้นมาก ซึ่งมีอัตราส่วนและน้ำหนักของเหลวที่อัตรา 1:2 นับหน่วยความเข้มข้นของกาแฟเอสเปรสโซจะเรียกเป็น ชอต (shot) มีปริมาณกาแฟต่อ 1 ชอตเท่ากับ 30 มิลลิลิตร หรือ 1 ออนซ์

ต้นกำเนิดเอสเปรสโซ

เอสเปรสโซมีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลีในช่วงที่มีการล่าประเทศเอธิโอเปียเป็นอาณานิคม ทำให้มีการนำเมล็ดกาแฟมาปลูกที่อิตาลีมากขึ้น โดยชื่อเอสเปรสโซมาจากคำว่า “Esper mere” ซึ่งหมายถึง “กดออก” หรือกด ไม่ใช่คำว่า Express ที่หมายความว่า “รวดเร็ว” อย่างที่หลายคนเข้าใจ

ความแตกต่างจากกาแฟทั่วไป

...

สิ่งที่ทำให้เอสเปรสโซแตกต่างจากกาแฟทั่วไปคือวิธีการชงแบบใช้แรงอัด ทำให้เอสเปรสโซมีรสชาติกาแฟที่เข้มข้นและหนักแน่น ต่างจากกาแฟทั่วไปซึ่งชงแบบผ่านน้ำหยด ด้วยรสชาติเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้คอกาแฟดื่มเอสเปรสโซโดยไม่ปรุงด้วยน้ำตาลหรือนม และมักจะเสิร์ฟเป็นชอต (แก้วแบบจอก) เพื่อให้ปริมาณไม่มากจนเกินไป (ประมาณ 1-2 ออนซ์ หรือ 30-60 มิลลิลิตร) นอกจากนี้ เอสเปรสโซยังมีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน เพื่อไม่ให้เสียรสชาติจึงควรดื่มตอนชงเสร็จใหม่ๆ

เป็นมากกว่ากาแฟดำ

ความพิเศษของเอสเปรสโซมีมากกว่าการเป็นกาแฟดำรสชาติเข้มข้น แต่ยังเป็นเมนูพื้นฐานที่สามารถต่อยอดเป็นเมนูอื่นๆ ได้อีกมากมายหลากหลายรสชาติ ไม่ว่าจะเป็น

ริสเทรตโต (Ristretto)

เมนูนี้คือ กาแฟเอสเปรสโซครึ่งชอต โดยปริมาณผงกาแฟที่ใช้อัดลงไปนั้นจะใช้ปริมาณเท่ากับการสกัดเอสเปรสโซตามปกติ แต่ใช้ปริมาณน้ำสกัดเพียง 15 มิลลิลิตร เท่านั้น จึงทำให้ได้ปริมาณแก้วที่เล็กแต่มีความเข้มข้นกว่าเอสเปรสโซนั่นเอง

มัคคิอาโต (Macchiato)

คำว่า มัคคิอาโต ในภาษาอิตาเลียนแปลว่า รอยเปื้อน เมื่อนำมาประยุกต์ใช้ในเมนูกาแฟ จึงหมายถึงกาแฟที่หยอดแต้มฟองนมจำนวนเล็กน้อยลงบนครีมสีทองอมน้ำตาลของเอสเปรสโซ โดยใช้ช้อนตักฟองนมแล้ววางเบาๆ ให้ฟองนมก้อนกลมๆ สีขาว ลอยเด่นอยู่เหนือผิวเอสเปรสโซ ทำให้รสชาติเอสเปรสโซโดดเด่นมากขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่คิดว่าเอสเปรสโซมีรสชาติที่เข้มเกินไป และคาปูชิโนก็อ่อนเกินไป

คาปูชิโน (Cappuccino)

คาปูชิโน
คาปูชิโน

เป็นการนำเอสเปรสโซมาผสมผสานกับนมร้อนและฟองนม โดยมีอัตราส่วนของเอสเปรสโซ 1 ส่วน ผสมกับนมร้อนผ่านไอน้ำ 1 ส่วน และนมตีเป็นฟองละเอียด 1 ส่วน วางอยู่ด้านบน ตกแต่งฟองนมด้วยการโรยผงอบเชยหรือผงโกโก้เล็กน้อยตามความชอบ ความโดดเด่นของคาปูชิโนคือกลิ่นหอมของกาแฟที่ผสมผสานกับนมจนเกิดเป็นรสชาติที่หอมกรุ่นและหวานมันเป็นเอกลักษณ์

คาเฟ่ลาเต้ (Cafe Latte)

คาเฟ่ลาเต้
คาเฟ่ลาเต้

ลาเต้หรือกาแฟลาเต้คือกาแฟใส่นมที่ประกอบด้วยเอสเปรสโซหนึ่งหรือสองชอต รินนมอุ่นๆ ในปริมาณมาก และขั้นสุดท้ายใส่ฟองนมไล่ระดับชั้นบางๆ ที่ด้านบน โดยมีสัดส่วนเอสเปรสโซกับนมที่ประมาณ 1:3 จึงทำให้มีรสชาติอ่อนเหมือนนมรสกาแฟ ต่างจากคาปูชิโนที่มีสัดส่วนเอสเปรสโซ 1 ส่วน นม 1 ส่วน และฟองนม 1 ส่วน จึงมีรสชาติกาแฟเข้มข้นกว่า

อเมริกาโน (Americano)

เป็นเมนูที่ใช้น้ำร้อนผสมกับเอสเปรสโซ โดยเกิดจากในยุคสงครามโลกที่ทหารอเมริกาเดินทางไปอิตาลีแล้วอยากดื่มกาแฟ แต่เอสเปรสโซมีรสชาติเข้มข้นเกินไปจึงเติมน้ำร้อนจนกลายเป็นเมนูอเมริกาโนที่มีรสชาติกำลังดีไม่ขมจนเกินไปนั่นเอง

...

มอคค่า (Mocha)

มอคค่า
มอคค่า

เป็นเมนูที่ต่อยอดจากการนำเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน ผสมกับน้ำนมร้อน 2/3 ส่วน มีการชงคล้ายกับคาเฟ่ลาเต้ ต่างกันที่มอคค่าจะมีส่วนผสมของช็อกโกแลต โดยมักจะใส่ในรูปของน้ำเชื่อมช็อกโกแลต เสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็นใส่น้ำแข็ง มักมีวิปครีมปิดหน้า

เรียกได้ว่าเอสเปรสโซเป็นเมนูกาแฟเบสิกที่สามารถสร้างสรรค์เป็นเมนูต่างๆ ได้มากมาย ใครชอบรสชาติแบบไหนก็เลือกดื่มได้ตามใจเลย.