ยอมรับว่าหนักสุดในชีวิตแล้วจริงๆ!! เมื่อต้องนำทัพ “KE Group” ฝ่าวิกฤติโควิด-19 แต่ซีอีโอหญิงแกร่ง “มาดามตุ๋ม–ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์” ก็ยังถือคติต้องยิ้มสู้ คิดบวก และห้ามบ่น เป็นคาถานำชีวิต พร้อมเดินหน้าลุยเต็มร้อยเพื่อรับมือทุกสถานการณ์ นอกจากให้คำมั่นว่าจะไม่ทิ้งพันธมิตร, ร้านค้า และลูกน้องแล้ว บอสใหญ่แห่งเคอี กรุ๊ป ยังเป็นโต้โผของวงการค้าปลีกและผู้ประกอบการธุรกิจไทย ริเริ่มทำแผนเสนอภาครัฐเพื่อขอปลดล็อกเปิดห้างฯเปิดธุรกิจให้กลับมาหายใจหายคอได้อีกครั้ง หลังพิษล็อกดาวน์โควิด-19 ทำเศรษฐกิจพังเสียหายไปแล้วมากกว่า 700,000 ล้านบาท ทั้งๆที่สาเหตุของการติดเชื้อที่มาจากศูนย์การค้า, คอมมูนิตี้มอลล์ และสนามกอล์ฟต่ำมาก

“ในฐานะกรรมการในสมาคมศูนย์การค้าไทย ได้มีโอกาสคุยกับพี่ๆห้างต่างๆเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทุกท่านพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้เปิดห้างฯ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจ, ร้านค้า และพนักงานแย่มากแล้ว ตุ๋มจึงลุกขึ้นทำแผนนำเสนอต่อสมาคมฯ พร้อมหารือกับอีก 8 สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจไทย คือสมาคมภัตตาคาร, สมาคมร้านอาหาร, สมาคมวิชาชีพช่างผมไทย, สมาคมคลินิกเอกชน, สมาคมสปาไทย, สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย, สมาคมอุตสาห กรรมเฟอร์นิเจอร์ และสมาคมสนามกอล์ฟ เพื่อยื่นหนังสือเปิดผนึกต่อเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด–19 (ศปก.ศบค.) รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำเสนอแนวทางการลดระดับการล็อกดาวน์ เพื่อรักษาสภาพเศรษฐกิจ พร้อมข้อเสนอแนะแนวทางการเปิดศูนย์การค้า, คอมมูนิตี้มอลล์ และสนามกอล์ฟ แบ่งเป็น 3 ระยะ ตามประเภทธุรกิจ หลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการประกาศล็อกดาวน์ของภาครัฐ ที่มีคำสั่งให้ปิดกิจการเป็นระยะๆเรื่อยมา จนผู้ประกอบการและลูกจ้างต้องประสบปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยความเสียหายจากการล็อกดาวน์ศูนย์การค้า, ร้านอาหาร และร้านค้าประเภทต่างๆ มีมูลค่ารวมกว่า 700,000 ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่สาเหตุของการติดเชื้อที่มาจากศูนย์การค้า, คอมมูนิตี้มอลล์ และสนามกอล์ฟ นั้นต่ำมาก จนถึงขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่มีความเข้าใจมากขึ้นในการดูแลด้านสุขอนามัย และภาคเอกชนก็พร้อมให้ความร่วมมือในการดำเนินการตามมาตรฐานทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของประชาชนที่มาใช้บริการ”...ซีอีโอหญิงเก่งแห่งเคอี กรุ๊ป บอกเล่าถึงความพยายามในการต่อสู้กับวิกฤติโควิด-19

...

โน้มน้าวภาครัฐอย่างไรให้เห็นใจผู้ประกอบการไทย จนยอมผ่อนคลายล็อกดาวน์เร็วกว่าที่คาด

ตุ๋มยกกรณีศึกษาจากเมืองใหญ่ๆ และประเทศอื่นๆในโลก เช่น นิวยอร์ก, อังกฤษ, สิงคโปร์, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, อิสราเอล, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ที่มีการปลดล็อกให้ศูนย์การค้า,ร้านอาหาร และสนามกอล์ฟ ได้เปิดบริการตามปกติกันมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ โดยหลายประเทศใช้เกณฑ์การได้รับวัคซีนของประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญ ซึ่งมีตั้งแต่ 45-70% ของประชากร รวมถึงใช้แนวโน้มของผู้ติดเชื้อและอัตราการเสียชีวิตที่ลดลงตามลำดับ ในขณะที่อังกฤษใช้เกณฑ์ 66% กรุงเทพฯของเรามีประชากรมากกว่า 90% ที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้ว แถมยังมีอัตราการติดเชื้อต่ำกว่าหลายประเทศข้างต้น จึงน่าจะเริ่มเปิดได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2564 เมื่อนำเสนอไปแบบนี้ ทาง ศปก.ศบค.และรัฐมนตรีสาธารณสุข ก็รับฟังเป็นอย่างดี จนกลายเป็นที่มาของการผ่อนคลายล็อกดาวน์กิจกรรมบางส่วนเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา ยอมให้ศูนย์การค้า, คอมมูนิตี้มอลล์ และร้านอาหาร กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง ภายใต้มาตรการรักษาระยะห่าง การดูแลความสะอาดและความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ ก็ได้ขอให้ภาครัฐให้ความสำคัญด้านการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงโดยเร็วที่สุด ซึ่งในอนาคตหากเรามีความพร้อมสามารถบริหารจัดการวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็อาจผลักดันให้กรุงเทพฯกลายเป็น “วัคซีน เดสติเนชั่น” สำหรับประเทศข้างเคียงในภูมิภาค เพื่อตอกย้ำถึงระบบสาธารณสุขที่ดีเยี่ยมของประเทศไทย ส่วนตัวแล้วต้องขอบคุณภาครัฐที่เข้าใจเอกชน และรับฟังข้อเสนอแนวทางของพวกเรา

ครั้งนี้ถือเป็นวิกฤติหนักสุดในชีวิตเลยไหมคะ

ยอมรับว่าหนักสุดในชีวิตจริงๆ!! ชีวิตนี้ขอเจอแบบนี้แค่ครั้งเดียวพอ ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่สุดแล้ว เตือนสติได้ดีไม่ว่าทำอะไรอย่าประมาท, ต้องกระจายความเสี่ยง และไม่มีอะไรสำคัญกว่าการดูแลสุขภาพไม่ให้เจ็บป่วย

กัดฟันสู้วิกฤติโควิด–19 จนรอดมาได้อย่างไร

ศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ทั้ง 12 แห่ง ได้รับผลกระทบเต็มๆจากการล็อกดาวน์เป็นระยะๆ รายได้หายไปเกือบ 100% เพราะรายได้หลักมาจากค่าเช่า แต่ตุ๋มก็ไม่เคยทอดทิ้งผู้เช่าเลย กำชับพนักงานทุกคนให้ดูแลผู้เช่าอย่างดีที่สุด ต้องให้ความช่วยเหลือทุกอย่าง เพื่อให้สมกับเป็นพันธมิตรกันเป็นครอบครัวเดียวกัน ต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขกันจริงๆในยามเกิดวิกฤติ ทำให้อัตราการสูญเสียผู้เช่าเกิดขึ้นน้อยมากๆ ขณะเดียวกัน เราถือจังหวะนี้ในการรีโนเวทศูนย์การค้าหลายแห่ง เพื่อจะได้สร้างประสบการณ์ที่ว้าวให้ลูกค้า เมื่อพร้อมกลับมาเปิดให้บริการเต็มตัวอีกครั้ง โดยจะมีแบรนด์ดังใหม่ๆเข้ามาเสริมทัพอีกหลายแบรนด์

...

“คุณตุ๋ม” ย้ำบ่อยเรื่องการกระจายความเสี่ยง?

ถือเป็นกลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญที่สุดของ “เคอี กรุ๊ป” ก็ว่าได้ ที่เรามีธุรกิจค่อนข้างหลากหลายทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงกระจายความเสี่ยงออกไปได้มาก นอกจากธุรกิจหลักคือ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์, การบริหารศูนย์การค้า และเทรดดิ้งสินค้า ตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 เรายังหันไปลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ โดยเปิดกองรีท “ALLY REIT” เน้นการลงทุนในห้างฯ-ออฟฟิศ-โกดังทำเลดีๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม พร้อมๆกับกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศเพื่อมองหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยมีการเปิดบริษัทจัดการการลงทุน “KE Capital Partner” ซึ่งเราได้ลงทุนไปแล้วหลายแห่ง เช่น อาคารสำนักงานที่ตั้งอยู่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 17% และอาคารพาณิชย์ย่านโซโห ให้รีเทิร์นปีละ 19-20% นอกจากนี้ เรายังเป็นพาร์ตเนอร์กับ “อาลีบาบา คลาวด์” ผู้นำโลกในด้านดิจิทัล อินเทลลิเจนส์ จับมือกันเปิดแพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ “Sky OS Technology” เพื่อต่อยอดให้กับร้านค้าและลูกค้าในการสร้างยอดขายสร้างฐานลูกค้าอย่างไม่จำกัด ขณะเดียวกัน ก็ร่วมกับ “Yardi” ผู้นำด้านระบบเทคฯการบริหารศูนย์การค้าเบอร์หนึ่งของอเมริกา เปิดตัว “Sky Commercial” แพลตฟอร์มใหม่สำหรับผู้เช่า ที่สามารถชำระเงินผ่านระบบและบริการได้อย่างครบครัน พร้อมเชื่อมต่อศูนย์การค้าและคอมมูนิตี้มอลล์ทั้ง 12 แห่งเข้าด้วยกัน รวมไปถึงอาคารสำนักงานให้เช่า และธุรกิจอื่นๆในเครือ

...

เชื่อว่าโลกยุคหลังโควิด–19 จะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างไร

คนส่วนใหญ่จะมีความระมัดระวังตัวในการใช้ชีวิตมากขึ้น ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยมากขึ้น โดยส่วนตัวคิดว่าเราควรเริ่มทำความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้นว่าสุดท้ายแล้วโควิด-19 ก็จะอยู่กับเราไปอีกนาน ไม่ใช่สิ่งที่จะหายไปได้ทันที ฉะนั้น เราต้องอยู่กับโควิดให้ได้ ด้วยการเตรียมตัวเองให้พร้อม ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทและระมัดระวังตัว เราอาจเดินตามรอยอังกฤษ, สิงคโปร์ และอิสราเอล ที่หันมาติดตามจำนวนผู้ป่วยหนักที่อยู่ในไอซียู มากกว่าจะโฟกัสกับจำนวนผู้ติดเชื้อ เพราะเราต้องยอมรับความจริงว่า หลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกที่โควิดจะอยู่กับเราไปอีกนาน และโควิดติดได้แต่ก็ต้องรีบดูแลทานยารักษาให้หาย

...

ช่วยแบ่งปันกำลังใจให้ผู้ประกอบการตัวเล็กๆบ้างสิคะ

ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาสนะคะ ฉะนั้นต้องคิดบวก อย่าเพิ่งท้ออย่าเพิ่งหมดกำลังใจ อยากให้มองโลกในแง่ดี และยิ้มสู้เข้าไว้ ตุ๋มมีแต่เดินหน้าและมีแต่รอยยิ้ม เพราะต้องเป็นแบบอย่างให้ทุกคนในองค์กร เราต้องมีพลังต้องวิ่งไปข้างหน้าให้เร็วและรอบคอบที่สุด

จนถึงตอนนี้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์หรือยัง

ต้องบอกว่าเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสมอ เป็นคนไม่คิดลบ จะคิดบวกกับทุกเรื่องเสมอ และชอบปลุกพลังให้ทุกคน เพราะเชื่อว่าทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส อยากให้มองไปข้างหน้าอย่าท้อแท้ ถือโอกาสนี้วางกลยุทธ์ให้ก้าวไกล มองเทรนด์อนาคตให้เจอ เพราะโลกเปลี่ยนไปมากแน่ๆ เราต้องปรับตัวให้ทัน เปิดรับสิ่งใหม่ๆให้เร็ว ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องบริหารชีวิตให้มีความสุข, ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง, ลุกขึ้นมาออกกำลังกาย ให้อารมณ์ดี, พยายามกระตุ้นตัวเองให้มีพลัง จะได้มีแต่รอยยิ้มและแบ่งปันพลังบวกให้คนรอบข้าง ตุ๋มเชื่อมั่นว่าอีกไม่นานเราจะต้องสามารถเปิดประเทศได้อย่างมีคุณภาพ และเศรษฐกิจไทยจะต้องฟื้นกลับมา.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ