เป็นหนึ่งในตระกูลดังที่มุ่งมั่นตอบแทนคืนแผ่นดินไทยเสมอมา สำหรับครอบครัวสิริวัฒนภักดีของ “คุณเจริญ สิริวัฒนภักดี” และในฐานะลูกสาวคนเล็กของบ้าน “คุณโอ๊ะ–ฐาปณี เตชะเจริญวิกุล” กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี กรรมการและเหรัญญิกมูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี ได้รับการปลูกฝังให้สืบทอดปณิธานดังกล่าวมาตั้งแต่เด็ก จนเกิดเป็นความมุ่งมั่นที่อยากทำความดีเพื่อช่วยเหลือสังคมโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

“ในครอบครัวสิริวัฒนภักดี ได้เห็นคุณพ่อ (คุณเจริญ) และคุณแม่ (คุณหญิงวรรณา) ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างมาตลอด ท่านเน้นย้ำเสมอว่าการทำกุศลเพื่อสังคม การได้มีโอกาสช่วยผู้มีความลำบาก หรือผู้ที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างแท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องบอกใคร แต่ท่านทั้งสองได้พาเราไปด้วยในบางกิจกรรม จึงมีโอกาสรับรู้เรื่องราวต่างๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ทำจากผู้หลักผู้ใหญ่ ทำให้ทราบถึงสิ่งต่างๆที่ท่านทำว่าส่งผลออกมาเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างไรบ้าง”...คุณโอ๊ะ-ฐาปณีบอกเล่าถึงสิ่งที่ได้รับการปลูกฝังตั้งแต่เด็ก

คำสอนไหนของคุณพ่อที่จดจำขึ้นใจมาถึงวันนี้ 

คำสอนของคุณพ่อมักจะเริ่มต้นจากนิทานชีวิตของคุณพ่อจริงๆเมื่อสมัยยังเด็ก ทำให้ได้เห็นแนวทางปฏิบัติดำรงชีวิตของท่านด้วย ท่านจะพูดถึงเวลาเล่นซ่อนหาตอนเด็กๆ จะไม่มีการแกล้งกัน หรือแตะข้างหลัง ที่ท่านคอยเล่าให้โอ๊ะฟังตอนยังเด็ก และตอนนี้ก็เล่าให้หลานฟังบ้าง เพราะต้องการสื่อความหมายว่า เราต้องเอาใจเขามาใส่ใจเรา ต้องมีความจริงใจ ไม่ลอบทำร้าย หรือทำอะไรลับหลังคนอื่น เป็นสิ่งที่คุณพ่อได้รับคำสอนมา แล้วท่านก็นำมาใช้ในการดำรงชีวิต

...

คุณพ่อคุณแม่เป็นแบบอย่างด้านใดบ้าง

สิ่งที่เห็นชัดตลอดชีวิต 45 ปี ของโอ๊ะ ที่ได้อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ คือท่านจะมีความมั่นคง และปฏิบัติต่อผู้ใหญ่โดยให้ความเคารพสม่ำเสมอ คุณพ่อมีความอดทนมากค่ะ ส่วนคุณแม่จะเน้นการประพฤติปฏิบัติตัวให้สุภาพเรียบร้อย, มีสัมมาคารวะ และเรื่องประหยัด ท่านจะคอยปฏิบัติให้เห็นและเล่าให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องชุดที่ใส่แล้ว และข้าวของเครื่องใช้ของคุณพ่อคุณแม่ ท่านทั้งสองภูมิใจเสมอที่ใช้ข้าวของต่างๆได้นานและยังรักษาไว้เป็นอย่างดี เพราะการรักษาสุขภาพออกกำลังกายทำให้รูปร่างไม่เปลี่ยนแปลง เสื้อผ้าและของใช้ต่างๆจึงสามารถใช้ได้นานกว่า 10 ปี ท่านเน้นให้ประหยัดและเห็นคุณค่าของสิ่งของอย่างแท้จริง คุณพ่อคุณแม่ยังเป็นไอดอลเรื่องการใช้ชีวิตคู่ ท่านให้ความสำคัญกับการมีคู่ชีวิตและใช้ชีวิตแบบเป็นคู่จริงๆ ท่านทั้งสองมักไปไหนด้วยกันทำอะไรด้วยกัน แลกเปลี่ยนความเห็นกัน ถึงจะมีความเห็นไม่เหมือนกันเกือบตลอดเวลา แต่ก็ได้ข้อตกลงและข้อสรุปร่วมกันเสมอ ท่านให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นที่หนึ่ง เพราะครอบครัวคือแกนกลางของชีวิต ถ้าครอบครัวไม่ดีเวลาเราทำงาน หรือออกไปข้างนอก จะทำให้มีภาระทางใจ เวลาทำอะไรอาจไม่ราบรื่น และไม่ประสบความสำเร็จ ท่านทั้งสองจะให้เวลากับครอบครัวเท่ากับเวลางาน โดยพาครอบครัวไปร่วมทำงานด้วยตลอด ตั้งแต่โอ๊ะและพี่น้องยังเด็ก ทุกทริปการเที่ยวทุกมื้ออาหารจะมีทีมบริหารผู้ใหญ่ร่วมด้วยเสมอ จนกลายเป็นใกล้ชิดเสมือนงานและครอบครัวก็เชื่อมไปด้วยกัน ไปเที่ยวกับคณะผู้บริหารก็เหมือนเป็นผู้ใหญ่ของครอบครัว ทำให้เราได้รู้จักแล้วก็ใกล้ชิดในงานของคุณพ่อคุณแม่ ได้มีความผูกพัน และได้เคารพนับถือผู้ใหญ่ในองค์กรเสมือนผู้ใหญ่ของครอบครัวเราเองดีใจที่มีโอกาสใกล้ชิดคุณพ่อคุณแม่ทั้งๆที่เป็นเด็ก ได้นั่งอยู่หน้าห้องประชุม ได้อยู่ในห้องประชุม และได้อยู่ข้างๆคุณพ่อคุณแม่ จนตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ยังให้คำแนะนำเสมอทั้งเรื่องงานและการใช้ชีวิต

นอกจากจะเป็นหัวเรือใหญ่บริหารกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ทราบว่า “คุณโอ๊ะ” ทุ่มเทเวลาให้มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี อย่างมาก

หัวใจสำคัญของมูลนิธิฯคือ สร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรบีเจซีและบิ๊กซี ตลอดจนผู้บริหารและพนักงานทุกคน ซึ่งนำทิศทางโดยคุณแม่ (คุณหญิงวรรณา) ในฐานะประธานกรรมการของมูลนิธิฯ ท่านให้แนวทางการสนับสนุนต่างๆไว้ชัดเจน ขณะเดียวกัน ก็มีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่าน ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่นับถือขององค์กรคอยให้คำชี้แนะ คือ ท่านอาจารย์ ศ.(กิตติคุณ) นพ. ภิรมย์ กมลรัตนกุล กับท่านอาจารย์ ศ.(พิเศษ) ประสิทธิ์ โฆวิไลกูล และผู้บริหารในกลุ่มบริษัท เช่น คุณวิภาดา ดวงรัตน์ และคุณธีระ วีรธรรมสาธิต ทุกๆท่านให้การสนับสนุนและคำแนะนำเป็นอย่างดี ทำให้การดำเนินงานของมูลนิธิฯเดินไปข้างหน้าเป็นอย่างดี อีกส่วนที่สำคัญที่สุดคือคู่ค้า, ลูกค้า และชุมชนต่างๆ ที่มีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมขององค์กรบีเจซีและบิ๊กซี ทั้งในรูปแบบการบริจาค, เข้าร่วมกิจกรรม และสนับสนุนงานต่างๆของมูลนิธิฯ

...

อะไรคือเป้าหมายสำคัญของการทำมูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี

เป้าหมายหลักของมูลนิธิฯ คือเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เราเน้นการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ซึ่งครอบคลุมทั้ง 4 มิติ ประกอบด้วย สาธารณสุขและชุมชน, ศาสนาวัฒนธรรม, การศึกษา และสิ่งแวดล้อม โดยด้านสาธารณสุขและชุมชน เราโชคดีที่มีองค์กรบีเจซี บิ๊กซี อยู่ในชุมชนทุกๆพื้นที่ของประเทศ จึงมีโอกาสเป็นเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียง และช่วยเหลือได้ทันท่วงทีอย่างเต็มความสามารถ ส่วนด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งโรงงาน, สาขาบิ๊กซี และองค์กร ต่างคำนึงถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอ อาทิ โครงการหลังคาเขียว, โครงการโซลาร์รูฟท็อปในสาขาบิ๊กซี, โครงการบริจาคอาหารส่วนเกินบิ๊กซี, โครงการรีไซเคิลต่างๆ ทั้งกระดาษ, พลาสติก และอะลูมิเนียม สำหรับด้านศาสนาวัฒนธรรม เป็นกิจกรรมที่ได้รับความร่วมมือจากทุกคนในองค์กร รวมถึงชุมชนท้องถิ่น และหน่วยงานภาครัฐ เช่น พิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน 5 ภาค ทั่วประเทศ ซึ่งทางมูลนิธิฯดำเนินการเป็นประจำต่อเนื่องทุกปี ขณะที่ด้านการศึกษา ทั้งบีเจซีและบิ๊กซี ดำเนินกิจกรรมมาตลอดกว่า 20 ปี มีการซ่อมแซมและสร้างโรงเรียน ตลอดจนให้โอกาสและทุนการศึกษา

กับความตั้งใจที่จะช่วยเหลือสังคม โครงการไหนภูมิใจที่สุด

พวกเราทุกคนภูมิใจกับทุกโครงการ แต่ด้วยสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 1-2 ปีนี้ ทางมูลนิธิฯจึงมุ่งดำเนินโครงการใหม่ๆเพื่อรับมือให้ทันสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น กล่องรับบริจาคสิ่งของจำเป็น ภายใต้กิจกรรม “Big C Extra Care” เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19, โครงการกระดาษปันรัก รับบริจาคกระดาษรีไซเคิลให้โรงพยาบาลสนาม, มอบเงินสมทบทุนวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโควิด-19 แก่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ, จัดตั้งโรงพยาบาลสนามบีเจซี บิ๊กซี และโรงพยาบาลในเครือบางปะกอก โดยร่วมกับโรงพยาบาลบางปะกอก 1 เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ทั้งผู้ป่วยสีแดง สีเหลือง และสีเขียว, โครงการกล่องข้าวจากใจ สนับสนุนข้าวกล่อง 7,000 กล่องต่อวัน ให้สาธารณสุขจังหวัด พร้อมส่งมอบบุคลากรทางการแพทย์, เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครทั่วประเทศ ตลอดจนบริจาคชุดตรวจโควิด-19 ด้วยน้ำลาย จำนวน 200,000 ชิ้น มูลค่า 50 ล้านบาท เพื่อส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า, ประชาชน และหน่วยงานอาสาสมัครที่เกี่ยวข้องทั่วประเทศ เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการตรวจโควิด-19 ได้รวดเร็วขึ้น อีกหนึ่งโครงการภูมิใจที่สุด รวมถึงโครง การที่เริ่มตั้งแต่ก่อตั้งมูลนิธิฯ คือการมีส่วนร่วมกับมูลนิธิหัวใจเด็ก ช่วยเหลือการผ่าตัดเด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ทำให้เด็กมีชีวิตที่ดีขึ้น ทุกโครงการจะสอด คล้องกับการตั้งมั่นขององค์กร ที่มุ่งมั่นเป็นห้างคนไทยเพื่อคนไทย

...

ถามถึงบทบาทภรรยาและคุณแม่ลูกสามบ้าง

โอ๊ะโชคดีค่ะ ได้มีสามี (คุณวิน-อัศวิน เตชะเจริญวิกุล) ที่เป็นคนดีจิตใจดี ให้ความสำคัญกับครอบครัว ตั้งใจขยันทำงานและมีความสามารถ โอ๊ะจึงสามารถใกล้ชิดและให้เวลากับลูกๆเต็มที่ โอ๊ะมีลูก 3 คน คนโตอายุย่าง 13 ปี คนที่สอง 10 ขวบ และคนเล็ก 7 ขวบ โอ๊ะตั้งใจตั้งแต่วันแรกที่เป็นคุณแม่ว่า อยากเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง ได้ลงมือทำกิจกรรมต่างๆกับลูก และใช้เวลากับเขาอย่างเต็มที่ อาจจะไม่ได้เป็นรูปแบบที่สมบูรณ์นะคะ แต่โอ๊ะเชื่อว่าการได้ใช้เวลาใกล้ชิดกับลูกๆ ได้ทำทุกอย่างกับเขาด้วยตัวเอง ด้วยความหวังดีที่สุดต่อเขา ซึ่งวันนี้เด็กๆอาจยังไม่เข้าใจ แต่สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเกิดเป็นความผูกพัน และเมื่อเขาเติบโตขึ้นได้มองย้อนกลับมา ก็จะเป็นความทรงจำที่ดีร่วมกัน

สำหรับคุณโอ๊ะแล้ว อะไรคือความสุขที่หาซื้อไม่ได้

คงจะย้อนไปที่ความมั่นใจในความเชื่อที่ได้รับการปลูกฝังจากคุณพ่อคุณแม่ เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็ปฏิบัติตัวเช่นนี้ ความสุขที่หาซื้อไม่ได้ในมุมมองของโอ๊ะคือ ความอิ่มใจในคุณงามความดีที่เราได้ปฏิบัติ หรือตั้งใจทำมันเต็มที่ สิ่งที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ดี คิดดีทำดี ทำให้มีโอกาสไปสู่เป้าหมายที่ดี สุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้คือความอิ่มอกอิ่มใจค่ะ

...

ถึงวันนี้ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจหรือยัง

อันนี้ต้องขอบคุณ “วิน” นะคะ ที่ให้กำลังใจ เสมือนคู่ชีวิตในทุกๆวัน “วิน” จะคอยบอกว่า โอ๊ะอาจมีความตั้งใจและความคาดหวังที่สูง การมีความคาดหวังสูง เราอาจได้ก้าวไปข้างหน้า หรือไปข้างบน แต่คำจำกัดความถึงความสำเร็จของโอ๊ะค่อนข้างสูง หากถามว่าวันนี้รู้สึกประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจหรือยัง โอ๊ะคิดว่ายังสามารถพยายามต่อไปได้เรื่อยๆ แต่โชคดีว่าเรามีเป้าหมายเล็กๆของในทุกวัน การได้ทำดีที่สุดของในวันนี้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในวันนั้นๆ ทุกๆกิจกรรมที่ทำก็ยังตื่นเต้นนะคะ และยังรอคอยที่จะได้ทำเพิ่มเติม ถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จรายวัน

ยามเจออุปสรรคท้อแท้ผิดหวัง มีอะไรเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ

เมื่อเจอปัญหาจะเลือกปรึกษาคนใกล้ตัวที่สุด ก็คือ “วิน” จะคุยแลกเปลี่ยนแล้วก็ถามความเห็นของเขา ซึ่งเขาจะคอยให้กำลังใจอย่างดี แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ใหญ่หนักยากจริงๆ โอ๊ะมักขอคำปรึกษาจาก “คุณอาบุญคลี ปลั่งศิริ” ท่านเป็นที่ปรึกษาผู้ใหญ่อาวุโส โอ๊ะกับวินโชคดีมากที่ได้มีโอกาสเรียนรู้จากท่านมาตลอด 15 ปีของชีวิต เรื่องที่เราคิดว่ายากแล้วท้าทายที่สุดแล้ว เมื่อได้ปรึกษากับท่าน ท่านจะให้มุมมองที่ชัดเจน สามารถนำไปปฏิบัติใช้อย่างเรียบง่าย และตอบโจทย์ได้ทุกครั้ง คือพลิกมุมมองของโอ๊ะทุกครั้ง ในทุกๆคำถามในทุกๆคำแนะนำคำสอนจากท่าน จะทั้งเรื่องงานหรือเรื่องชีวิตก็ตาม นอกจากนั้น โอ๊ะจะฟัง “หลวงพ่อไพศาล วิสาโล” เป็นประจำ ท่านมีทั้งคำสอนและนิทานต่างๆ ที่สามารถเอามาพลิกใช้กับชีวิตของโอ๊ะ ขณะเดียวกัน “วิน” ก็จะพาโอ๊ะสวดมนต์ด้วยกันทุกวัน และกรวดน้ำร่วมกัน ทำให้อิ่มอกอิ่มใจไปด้วยกัน ถือว่าเป็นโชคดีของโอ๊ะอย่างมากที่ได้คู่ชีวิตที่ดี.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ