ณ วันที่ 22 สิงหาคม 2564 คนไทยเกือบทั้งประเทศคงเคยได้ยินและได้รู้จักกับคำว่า “ภูมิ” โดยเฉพาะภูมิที่ได้จากการฉีดวัคซีนชนิดต่างๆ ทั้งนี้ เป็นที่ดีอกดีใจกันยกใหญ่ ที่ตัวเลขภูมิที่ตรวจได้จากเลือดมีปริมาณสูงเป็น 1,000 เป็น 10,000 และเป็นที่เข้าใจกันว่า ภูมิดังกล่าวสามารถป้องกันการติดเชื้อรวมกระทั่งถึงการป้องกันไม่ให้เกิดอาการหนักจนกระทั่งถึงเสียชีวิตได้

กลไกในการป้องกันการติดเชื้อค่อนข้างตรงไปตรงมาในโควิด ทั้งนี้ เกิดจากการที่มีภูมิที่สามารถยับยั้งไวรัสไม่ให้เกาะติดกับเซลล์เนื้อเยื่อของคน นั่นก็คือที่เยื่อบุต่างๆ ทั้งที่จมูก ลำคอ ตา ปาก กระพุ้งแก้ม เป็นต้น โดยภูมิที่ว่านี้จะมีหลายตัวทำงานที่ช่วยกัน ร่วมมือกัน

สำหรับภูมิที่ป้องกันอาการหนักหรือไม่ให้ตายนั้น จะมีตัวทำงานที่เยอะและซับซ้อนมากกว่า โดยต้องควบรวมกับการทำงานของเซลล์เพื่อที่จะมาทำลายไวรัสที่เข้าไปติดเชื้อในเซลล์หรือในเนื้อเยื่อแล้ว ในขณะเดียวกันการทำลายที่ว่าจะต้องไม่เกิดความเสียหายกับเนื้อเยื่อมากเกินควร เหมือนกับจะยิงผู้ร้ายโจรปล้นบ้าน กลายเป็นเผาบ้านไปด้วย

นอกจากนั้นการทำงานของเซลล์ยังต้องไม่ปล่อยสารอักเสบมั่ว แทนที่จะเจาะจงไปที่ตัวไวรัสกลับทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกายเกิดเป็นมรสุมภูมิวิกฤติ และคนป่วยตายจากการติดเชื้อ การกระตุ้นภูมิที่เบี่ยงเบนไปทำให้เกิดการอักเสบเป็นทวีคูณ และส่งผลเป็นลูกโซ่ทำให้เกิดมีระบบเลือดและเม็ดเลือดผิดปกติและทุกอวัยวะเสียหาย

กลับมาพูดถึงคำว่า ภูมิ หมายถึง ภูมิตอบสนองของร่างกาย ไม่ว่าต่อเชื้อโรคหรือต่อวัคซีนโควิดที่ได้รับเข้าไป

ภูมิตอบสนอง..ดี เลว ชั่ว

...

ภูมิดังกล่าวสามารถจำแนกได้ว่าเป็น ภูมิดี เลว ชั่ว เหมือนหนังคาวบอยสมัยก่อนที่มีชื่อหนังว่า the good the bad and the ugly

ภูมิดีนั้น คือภูมิตอบสนองที่สามารถคุ้มกันได้ เป็นภูมิคุ้มกันดีที่ปกป้องจากการติดเชื้อและผ่อนหนักเป็นเบาให้อาการน้อยหรือจะตายก็แค่คางเหลืองและไม่เสียชีวิต
ภูมิตอบสนองที่เป็นภูมิเลวนั้น เป็นที่ทราบกันมาเป็นชาติแล้ว ที่รู้จักกันดีในตัวย่อว่า ADE หรือ Antibody dependent enhancement ยกตัวอย่างเช่น ในกรณีของไข้เลือดออกที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี่ (dengue) เช่น ปีที่แล้วติดเชื้อไวรัสพี่ พอมาปีนี้มาติดเชื้อไวรัสตัวเดิมแต่เป็นไวรัสน้อง

ภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นต่อไวรัสตัวพี่ เมื่อมาเห็นตัวน้อง กลับเพียงแค่เข้ามาจับมือเฉยๆ และลากพาเข้าไปในเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดโมโนไซท์ (monocyte) และแม็คโครฟาจ (macro-phage) ทำให้มีการปล่อยสารอักเสบออกมาและแทนที่จะทำให้โรคเบาลงกลับทำให้หนัก ช็อก ซึ่งกลไกในลักษณะนี้ก็เกิดขึ้น เช่นเดียวกันในการติดเชื้อจาก feline infectious peritonitis virus และตัวโควิดเองดังที่กล่าวข้างต้นและในโคโรนาอื่น เช่น ซาร์ส เมอร์ส และภูมิเลว อาศัยกลไกมาตรฐาน canonical pathway โดยผ่านทางขา Fc ของอิมมิโนกลอบูลิน

ภูมิตอบสนอง..ดี เลว ชั่ว

แต่แล้วก็พบว่า ภูมิตอบสนองที่เลวนั้นในกลไกของ ADE พบว่ามีแบบชั่วร้ายด้วย ดังที่รายงานในวารสารเซลล์ วันที่ 24 มิถุนายน 2564 ทั้งนี้ โดยคณะผู้วิจัยพบว่าในคนที่ติดเชื้อโควิด-19 นั้น ภูมิที่เกิดขึ้น ถ้าเป็น ภูมิที่ดีจะต้องเป็นภูมิคุ้มกันที่สามารถยับยั้งไวรัสได้ หรือ Neutralizing antibody โดยที่ระดับการยับยั้งที่ตรวจที่ห้องปฏิบัติการของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาของเรา ถ้าสามารถยับยั้งไวรัสได้ในระดับ 20% ถือว่ามีภูมิคุ้มกันที่ยับยั้งแต่ถ้าจะสอบผ่านหมายความว่าต้องเกินที่ระดับ 68% และทั้งนี้ถ้ายิ่งสูงเต็ม 100% จะยิ่งดีในการป้องกัน

สำหรับภูมิชั่วนั้น กลับกลายเป็นภูมิตอบสนองต่อไวรัสแต่ไม่สามารถยับยั้งไวรัสได้และไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายโดยผ่านกลไก ADE ที่มี Fc เป็นตัวการ แต่ใช้กลไกอีกชนิดหนึ่งโดยทำให้ส่วนของไวรัสจำเพาะที่จะเกาะติดกับผิวเซลล์ของคนหรือเนื้อเยื่อเก่งมากขึ้นโดยการไปถ่าง อ้า ให้ส่วนของไวรัสจำเพาะที่เรียกว่า RBD หรือ Receptor binding domain ที่อยู่ในท่อน S1 ของไวรัส และมี NTDท(N terminal domain) อยู่ด้วย

RBD ของไวรัสที่ถูกปรับทิศทาง ปรับมุมองศา จากการชักใยด้วยภูมิชั่ว จะสามารถเข้าไปจับเหมาะเหม็งกับตัวรับในเซลล์ของมนุษย์ที่เรียกว่า ACE2 และนั่นหมายความว่าจะทำให้มีการติดเชื้อได้เก่งขึ้นไวขึ้นและเมื่อไวรัสเข้าเซลล์เป็นจำนวนมหาศาลได้ในเวลาอันรวดเร็วก็จะเป็นข้ออธิบายว่าโรคที่เกิดขึ้นก็จะดำเนินไปในทิศทางเลวร้ายลงไปอีก

ไวรัสโควิด-19 สายเพี้ยนอังกฤษ อัลฟา มีการปรับรูปพรรณสัณฐานให้ตัวจับและตัวรับเหมาะสมกันมากกว่าสายดั้งเดิมที่เกิดระบาดตั้งแต่ตอนต้น แต่การศึกษาก็ยังพบว่าภูมิเลวที่เกิดขึ้นในคนที่ติดเชื้ออัลฟานี้ เชื้อจะยิ่งเก่งมากขึ้นไปอีก และสมกับที่เรียกว่าเป็นภูมิชั่วชัดเจน

...

ภูมิตอบสนอง..ดี เลว ชั่ว

กลับมาถึง การวัดระดับภูมิที่วัดกันทั่วไป ภูมิดังกล่าวเป็นภูมิตอบสนองเช่นต่อวัคซีนโดยเป็นภูมิรวมทั้งหมด และมิได้หมายความว่าเป็นภูมิคุ้มกันดีที่สามารถยับยั้งไวรัสได้ทั้งหมด ดังนั้น การพินิจพิจารณาตัวเลขดังกล่าวตั้งตระหนักว่า การที่เห็นภูมิขึ้นในลักษณะดังกล่าวอาจบอกไม่ได้ว่าในภูมิรวมนั้นเป็นภูมิดี และมีแบบเลวและแบบชั่วปนอยู่หรือไม่ และถ้ามี มีอยู่เป็นจำนวนเท่าใด

ตัวภูมิเลวและภูมิชั่วนี้เองที่เป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดให้คนที่ติดเชื้อโควิด-19 มีอาการเลวร้ายกว่าคนอื่น จนกระทั่งถึงต้องจับตามองว่าคนที่ฉีดวัคซีนไปแล้วแทนที่จะป้องกันการติดเชื้อได้กลับติดเชื้อมากขึ้นและเมื่อติดเชื้อไปแล้วกลับอาการหนักมากกว่าคนที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือไม่

และนี่เป็นบทพิสูจน์อีกบทหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า โควิด–19 นั้นฉลาด เจ้าเล่ห์และยอกย้อน ดังนั้น กลยุทธ์ในการต่อสู้จำเป็นต้องรู้ว่าไวรัสไปทำอะไรและข้อมูลที่จะสื่อถึงประชาชนนั้นต้องตรงตามความเป็นจริงรวมทั้งมีการแยกแยะ ไม่เพียงแต่หวังว่าจะทำให้ฟังแล้วสบายใจเฉยๆ.

...