ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย การ์ตูนแอนิเมชันยังคงเป็นสื่อบันเทิงที่ครองใจผู้ชมมายาวนาน เรื่องราวของชีวิต ความรัก ความฝัน และจินตนาการ ถูกนำมาเรียงร้อยเรื่องราวผ่านภาพเคลื่อนไหวสีสันสวยงาม ไทยรัฐออนไลน์แนะนำ 10 แอนิเมชันสนุกๆ ที่คุณไม่ควรพลาด ดังต่อไปนี้

10 การ์ตูนแอนิเมชันสนุกๆ ที่คอหนังไม่ควรพลาด

การ์ตูนแอนิเมชันตั้งแต่อดีต-ปัจจุบัน มีครบรสหลากหลายแนว ไม่ว่าจะเป็นแนวตลก ผจญภัย หรือแฟนตาซี โดยเล่าเรื่องราวสนุกๆ ผ่านตัวละครที่คาแรกเตอร์น่ารัก พร้อมเพลงประกอบที่ติดหูคนฟัง สิ่งที่การ์ตูนแอนิเมชันเหล่านี้มักมอบให้ผู้ชมก็คือ ข้อคิดและกำลังใจดีๆ ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้นั่นเอง

1. The Nightmare Before Christmas (1993)
ผลงานการเขียนบทของผู้กำกับฯ ชื่อดังอย่าง "ทิม เบอร์ตัน" ที่หยิบยกโลกจินตนาการของเมืองผี ที่ชื่อว่าฮาโลวีนทาวน์ เมื่อ "แจ็ค" ราชาของเมือง เริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายกับการหลอกหลอนผู้คน เขาจึงคิดอยากจัดงานบรรยากาศรื่นเริงแบบวันคริสต์มาสแทน แต่ชาวเมืองทุกคนไม่คุ้นเคยกับงานสนุกๆ ทำให้ซอมบี้สาว "แซลลี่" ต้องเข้ามาช่วยสานฝันราชาแจ็คให้เป็นความจริง ทั้งนี้ 2 ตัวละครหลักของเรื่องนี้ ยังกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เนื้อเพลง "I Miss You" ของวง Blink-182 อีกด้วย

...

2. Spirited Away (2001)
การ์ตูนแอนิเมชันญี่ปุ่นจากสตูดิโอจิบลิ สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะอนิเมะเรื่องแรกที่คว้ารางวัลออสการ์มาครองได้สำเร็จ ปัจจุบันมีฉายให้ชมใน Netflix เล่าเรื่องราวแนวแฟนตาซี-ผจญภัย ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่พลัดหลงเข้าไปยังโลกวิญญาณ พ่อแม่ถูกสาปให้เป็นหมู เธอจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือพ่อแม่ให้หลุดออกจากมิติวิญญาณ Spirited Away ครองแชมป์แอนิเมชันที่ทำรายได้สูงสุดในญี่ปุ่นนานถึง 19 ปี ทำรายได้ไว้ที่ 31,700 ล้านเยน (ประมาณ 9,200 ล้านบาท) ก่อนจะถูก "ดาบพิฆาตอสูร" ล้มแชมป์ในปี 2020

3. Finding Nemo (2003) 
การ์ตูนแอนิเมชันดิสนีย์ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ "นีโม่ฟีเวอร์" ไปทั่วโลก กับเรื่องราวของปลาการ์ตูนตัวเล็กๆ ที่มีชื่อว่า "นีโม่" พลัดหลงจากแนวปะการังใหญ่ และถูกจับไปอยู่ในตู้ปลา นีโม่ต้องพยายามหาทางออกเพื่อกลับไปหาครอบครัว ภาพการ์ตูนน่ารักๆ ที่สอดแทรกข้อคิดเตือนใจ พร้อมกระตุ้นให้ผู้ชมเห็นความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อม กลายเป็นแอนิเมชันการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นและสนุกสนาน จนสามารถคว้ารางวัลออสการ์ไปครองถึง 4 สาขาด้วยกัน

4. Up (2009)
แอนิเมชันฟีลกู๊ดจากพิกซาร์ (Pixar) ที่นำเรื่องราวของความรัก ความฝัน และความทรงจำ มาถ่ายทอดผ่านตัวละคร "ปู่คาร์ล" ชายชราที่เคยสัญญากับภรรยาว่าจะสานฝันให้ด้วยการพาไปเที่ยวที่อเมริกาใต้ แต่สัญญานั้นไม่มีวันเป็นจริง จนกระทั่งปู่คาร์ลได้พบกับเหตุการณ์ที่ปัดฝุ่นความฝันในอดีตขึ้นอีกครั้ง นำไปสู่การผจญภัยสนุกๆ ปนซึ้ง เชื่อว่าภาพบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งกำลังถูกลูกโป่งนับพันลูกยกให้ลอยขึ้นบนท้องฟ้า น่าจะเป็นภาพจำที่สร้างความประทับใจให้ใครหลายคนอมยิ้ม เมื่อพูดถึงแอนิเมชันเรื่องนี้

...

5. Inside Out (2015)
กว่าที่เด็กสักคนจะเติบโตอย่างมีความสุขไม่ใช่เรื่องง่าย เช่นเดียวกัน "ไรลีย์" เด็กหญิงวัย 11 ขวบ ที่มีปัญหาทางอารมณ์ หลังเธอต้องย้ายตามครอบครัวไปอยู่เมืองที่ไม่คุ้นเคย ความน่าสนใจของแอนิเมชันเรื่องนี้อยู่ที่การคิดจินตนาการว่า หากในสมองของเรามีศูนย์ควบคุมศูนย์กลางในจิตใจจะเป็นเช่นไร หากมันคอยบัญชาการให้เราแสดงอารมณ์ต่างๆ ออกไปตลอดเวลา เช่น ความสุข ความเศร้า ความกลัว ความโกรธ และความน่ารังเกียจ นี่คือการ์ตูนเด็กที่เป็นตัวแทนสะท้อนความสับสนของผู้ใหญ่ ในวันที่ชีวิตไม่สามารถแสดงออกทุกอย่างได้ตามใจนึก

6. Your Name (2016)
อนิเมะญี่ปุ่นเรื่องดัง ผลงานของผู้กำกับฯ "มาโกโตะ ชินไค" ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ทำรายได้แซงหน้าแอนิเมชันดีกรีออสการ์อย่าง "Spirited Away" หลังเข้าฉายเพียงไม่กี่เดือน Your Name ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านลายเส้นสีสันสวยงาม เล่าเรื่องราวล้ำจินตนาการของตัวละคร "มิตสึฮะ" และ "ทาคิ" นักเรียนชั้นมัธยมปลายที่มักฝันถึงกันเสมอ โดยที่ทั้งคู่ไม่รู้จักกันมาก่อน

...

ทั้งนี้ กระแสตอบรับที่ประสบความสำเร็จ ส่งผลให้วงอินดี้ร็อกของญี่ปุ่น "Radwimps" ที่ร้องเพลงประกอบอนิเมะมีชื่อเสียงโด่งดังตามไปด้วย ไม่เพียงเท่านั้น Your Name ยังถูกซื้อลิขสิทธิ์ ไปสร้างรีเมกฉบับของฮอลลีวูด ซึ่งจะกำกับฯ โดย "ลี ไอแซค ชุง" (จากผลงานเรื่อง Minari)

7. Coco (2017)
เรียกได้ว่าเป็นแอนิเมชันดีกรีออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ที่สร้างความประทับใจให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ทั่วโลก เรื่องราวของ "มิเกล" เด็กชายวัย 12 ปี เกิดมาในครอบครัวที่มีกฎเหล็กห้ามสมาชิกในบ้านเป็นนักดนตรี แต่เขากลับชื่นชอบดนตรีและเสียงเพลงในหัวใจ นำไปสู่เรื่องราวการผจญภัยที่เรียกน้ำตาจากผู้ชม นอกจากนี้ Coco ยังมีเนื้อหาที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเทศกาลวันแห่งความตาย (Day of the Dead) ของประเทศเม็กซิโก

...

8. Isle of Dogs (2018)
ผลงานการ์ตูนแอนิเมชันของ "เวส แอนเดอร์สัน" ผู้กำกับฯ ที่ได้ชื่อว่าเคร่งครัดกับเรื่องสมมาตรภาพมากที่สุด โดย Isle of Dogs สร้างด้วยเทคนิคสตอปโมชั่น โดยใช้ฉากหลังเป็นภาพสไตล์ญี่ปุ่น เล่าเรื่องราวของโลกดิสโทเปีย เมื่อนายกเทศมนตรีแห่งเมืองเมงาซากิ ออกคำสั่งเนรเทศสุนัขทุกตัวในเมืองไปยังเกาะขยะรกร้างห่างไกล เด็กหนุ่มคนหนึ่งจึงออกเดินทางเพื่อตามหาสุนัขของเขา นำไปสู่การผจญภัย การได้พบเพื่อนใหม่เป็นสุนัขหลายสายพันธุ์ และการแสดงความกล้าหาญเพื่อหาทางช่วยชีวิตสุนัขบนเกาะแห่งนี้

9. Spider-Man: Into the Spider-Verse (2018)
หนึ่งในการ์ตูนแอนิเมชันที่เชิดชูความหลากหลายทางสังคม เมื่อตัวละครเอกเป็นสไปเดอร์แมนผิวสี โดยเลือกเล่าเรื่องผ่านตัวละคร "ไมลส์ โมราเลส" เด็กชายผิวสี ที่ได้รับพลังแมงมุม จนสุดท้ายได้เริ่มออกช่วยเหลือผู้คนในเมืองจากภัยร้าย การ์ตูนเรื่องนี้มอบแรงบันดาลใจให้ผู้ชม แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าใครก็เป็นสไปเดอร์แมน หรือ "ฮีโร่" ได้ นอกจากจะกวาดรายได้ทั่วโลกมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว ยังคว้ารางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม อีกทั้งทำให้เพลงประกอบภาพยนตร์อย่าง "Sunflower" ของ Post Malone โด่งดังติดชาร์ตเพลงทั่วโลก 

10. Soul (2020)
การ์ตูนแอนิเมชันแนะนําสำหรับคนที่กำลังรู้สึกท้อแท้และหลงลืมความฝัน เล่าเรื่องราวของ "โจ การ์ดเนอร์" ครูสอนดนตรีที่มีความฝันอยากเป็นนักดนตรีแจ๊ส แต่ระหว่างนั้นก็ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต โดยยังไม่มีโอกาสทำความฝันให้เป็นจริง เขาต้องเดินทางไปยังโลกหลังความตาย พบเจอกับดวงจิตหมายเลข 22 ที่ไม่อยากไปเกิดบนโลกมนุษย์ นำไปสู่มิตรภาพที่ทำให้ทั้งคู่ต้องร่วมกันค้นหาความหมายของการมีชีวิตร่วมกัน

หากไม่รู้จะว่าดูการ์ตูนแอนิเมชัน 2021 เรื่องไหนดี ก็สามารถเริ่มต้นตามลิสต์รายชื่อเหล่านี้ได้เลย รับรองว่านอกจากจะได้รับความสนุกสนานแล้ว ยังได้ข้อคิดและแรงบันดาลใจดีๆ กลับไปเติมพลังใจให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกด้วย