สาวรุ่นใหม่ที่มากด้วยอุดมการณ์และความ สามารถ กมลพร บุรณศิริ ได้ใช้ความรู้มาทำงานพัฒนาตนเองและองค์กร ด้วยความทุ่มเทและรับผิดชอบต่อหน้าที่ เพื่อก้าวสู้ความสำเร็จตามเป้าหมาย

นุก-กมลพร บุรณศิริ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของ “ม.ล.รดีเทพ เทวกุล” วัย 23 ปี มีดีกรีเกียรติ นิยมอันดับ 1 คณะอักษรศาสตร์และจิตวิทยา ที่ Georgetown University วอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐฯ ปัจจุบันเป็น นักบริหารทรัพยากรบุคคลรุ่นใหม่ไฟแรง ในตำแหน่ง Unilever Future Leader Program (UFLP) ในบริษัท ยูนิลิเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่ง นุก-กมลพร อธิบายงานที่ทำว่า ตอนที่นุกทำวิทยานิพนธ์ได้ทำเกี่ยวกับผลกระทบของโลกร้อน (Climate Change) ที่มีต่อประเทศไทย เมื่อเรียนจบเลยหวังว่าจะทํางานในบริษัทที่ให้ความสำคัญสูงเกี่ยวกับความยั่งยืน โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ซึ่งบริษัทยูนิลิเวอร์ตอบโจทย์นั้นเลย สำหรับตำแหน่งของการทำงานเป็นโปรแกรมที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อสรรหาและสร้างสรรค์ผู้บริหารรุ่นใหม่ให้กับองค์กร ผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่ได้ลงมือปฏิบัติงานที่ท้าทาย ที่จะมีโอกาสได้ไปทำงานต่างประเทศในระดับภูมิภาคและระดับโลก ซึ่งตำแหน่งนี้มีการแข่งขันสูง ต้องผ่านการคัดเลือกมากมายจากนักศึกษาจบใหม่ที่ต่างคนก็มีดีที่ไม่ธรรมดาส่งเข้ามาสมัครกันมากมาย

“เมื่อได้มาทำงานจริงๆ นุก ได้นำสิ่งที่เรียนรู้บวกกับความเป็นตัวตนของตัวเองมาประยุกต์ใช้ ซึ่งมองว่ามันคือโอกาส และความท้าทาย เพราะไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อน ทำให้ต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง เข้าใจในโจทย์ที่รับมา และตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน พร้อมมุ่งมั่นที่จะลงมือทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จและให้ดีที่สุด นุก ไม่ได้มองแค่ว่าเราจะทำงานแค่ตามเป้าหมายของบริษัทเพียงอย่างเดียวแต่คำว่าเป้าหมายของ นุก มันต้องมากกว่านั้น ต้องทําให้ได้เหนือกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นุกถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กจากที่บ้าน โดยเฉพาะจากคุณตา (ม.ร.ว.เทพกมล เทวกุล) ที่สอนให้เป็นคนที่ต้องเรียนรู้ที่จะพึ่งพาและหาคำตอบด้วยตนเอง ให้มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่การงาน รู้จักแบ่งปัน และที่สำคัญที่สุดต้องไม่ลืมที่จะช่วยเหลือคนรอบข้าง และเคารพผู้อื่นค่ะ”

...

สาวไฟแรงคนนี้ยังบอกอีกว่า ตลอดเวลา 1 ปีของการทำงานได้สัมผัสกับผู้คนที่มีความหลากหลาย มีความแตกต่างทางความคิดและวัฒนธรรม และยังมีโอกาสได้ร่วมงานใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับสูง ทำให้ได้เรียนรู้ ความคิด และวิสัยทัศน์ในแง่มุมต่างๆของผู้นำองค์กร เป็นการทำงานที่มีความสุขมาก เพราะมันคือส่วนหนึ่งของตัวเรา ที่มีโอกาสได้ช่วยเหลือคนอื่น ด้วยการช่วยให้เขามีความเติบโตก้าวหน้า และประสบความสำเร็จในสายงานตามที่เขาคาดหวัง อีกทั้งยังเป็นการช่วยบริหารดูแลทรัพยากรของบริษัท รวมไปถึงความช่วยเหลือคนอื่นๆ ที่ขยายวงกว้างไปสู่สังคมระดับโลก

ปัจจุบัน นุก ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นําอยู่ 2 โปรเจกต์ คือการเข้าไปช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และช่วยสร้างสังคมที่เท่าเทียมให้มากขึ้นตามนโยบายของบริษัท ที่จะรับคนพิการเข้ามาทำงานให้ได้ถึง 5% ของพนักงานทั้งหมด ภายใน 5 ปี ทำให้เราต้องศึกษาว่ามีงานด้านไหนที่จะเหมาะกับพวกเขา ไปพร้อมกับการจัดฝึกอบรมพนักงานในองค์กร เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีและความเข้าใจให้มากเพียงพอที่จะร่วมงานกับคนพิการในอนาคตได้ ส่วนอีกโปรเจกต์คือส่งเสริมการมีสุขภาพจิตที่ดีให้กับพนักงาน ซึ่งเรื่องนี้ต่างประเทศให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่ในเมืองไทยอาจยังไม่ค่อยโฟกัสเรื่องนี้มากนัก ยิ่งในสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ปัญหาสุขภาพจิตและความเครียดในเรื่องต่างๆของพนักงานเป็นอีกเรื่องที่ท้าทายให้เราเข้าไปช่วยเหลือ และเอาใส่ใจสุขภาพจิตของพนักงานให้มากเป็นพิเศษ

“ความฝันของนุกต่อไปก็คืออยากดึงคนรุ่นใหม่ขึ้นมาเพื่อที่จะเป็นผู้นำในแต่ละหน่วยงานของบริษัท และพร้อมจะขับเคลื่อนการทำงาน และแบ่งปันโอกาสดีๆนี้ ไปสู่ทุกคนและสังคมต่อไปค่ะ” สาวเก่งคนนี้บอกในตอนท้าย.