"กฎแรงดึงดูด" (Law of Attraction) เป็นแนวคิดที่ถูกพูดถึงมาอย่างยาวนาน บ้างก็เรียกกฎนี้ว่า "กฎจักรวาล" ซึ่งหากนำมาปรับใช้อย่างสร้างสรรค์ เพื่อสร้างพลังความคิดเชิงบวก ก็จะช่วยดึงดูดความสำเร็จในด้านต่างๆ มาสู่ชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นการงาน การเงิน ความรัก และสุขภาพ ไทยรัฐออนไลน์จะพาไปทำความรู้จักกฎแห่งแรงดึงดูดผ่านบทความนี้

กฎแรงดึงดูด กฎจักรวาล คืออะไร?

กฎแรงดึงดูด คือ แนวคิดที่เชื่อว่าจิตของมนุษย์มีพลังอำนาจมากพอ ที่จะดึงดูดทั้งสิ่งดีและไม่ดีเข้ากับในชีวิตผ่านเหตุการณ์และสถานการณ์ต่างๆ หากเรามีความคิดบวกก็จะดึงดูดแต่เรื่องดีๆ แต่หากมีความคิดลบก็สามารถดึงดูดเรื่องแย่ๆ ได้เช่นกัน พูดง่ายๆ ก็คือ "เราจะดึงดูดสิ่งที่เราคิด เข้ามาในชีวิตเสมอ"

เมื่อเราคิดบวก จิตของเราจะคัดสรรว่าต้องการให้อะไรเข้ามาในชีวิตบ้าง สมองจะถูกกระตุ้นโดยความคิด โน้มน้าวจิตสำนึกสร้างแรงผลักดันให้เราบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ กฎนี้จึงถูกเรียกว่า "กฎแรงดึงดูด" เปรียบเสมือนแม่เหล็กที่คอยดึงดูดสิ่งดีๆ ที่เราคิด และต้องการให้เข้ามาในชีวิตนั่นเอง

ขณะที่คำว่า Universe (จักรวาล) ก็เป็นคำที่มักถูกนำมาใช้ควบคู่กับกฎแห่งแรงดึงดูด โดยทฤษฎีนี้เชื่อว่าจักรวาลมีพลังงาน เชื่อมโยงกับพลังจิตและความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ ทำให้สิ่งที่เราหมกมุ่นอยู่ในความคิดตลอดเวลาเกิดขึ้นจริงๆ เช่น สมมติเราจอดรถทิ้งไว้ แล้วในใจกลัวว่าจะมีโจรมาทุบกระจกรถแตก จักรวาลจะจดจำความคิดนี้ไว้ และเมื่อเรากลับมา กระจกรถก็อาจโดนทุบแตกจริงๆ หรืออีกนัยหนึ่งคล้ายๆ กับความคิดเวลาที่เรารู้สึกสังหรณ์ใจนั่นเอง

ทฤษฎีนี้จึงมีเรื่องราวความเชื่อเหนือธรรมชาติและพลังจิตเข้ามาเกี่ยวข้อง แม้จะไม่มีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ แต่การนำเรื่องจักรวาลมาใช้ควบคู่กัน ทำให้บางครั้งกฎนี้ถูกเรียกว่า "กฎจักรวาล" หรือ "กฎแรงดึงดูดของจักรวาล" นั่นคือ จักรวาลจะมีพลังและแรงดึงดูดสิ่งที่คิดให้เกิดขึ้นจริงกับเรา คราวนี้จะเริ่มเห็นชัดขึ้นแล้วว่า จริงๆ แล้วเรื่องของกฎจักรวาลอาจจะเป็นเพียงกุศโลบายหนึ่งที่ช่วยให้คนเรามีเป้าหมายที่แน่วแน่ เกิดกระบวนการคิดที่ตอกย้ำจิตสำนึกให้ทำในสิ่งที่มุ่งหวังไว้ให้สำเร็จ

...

ขณะที่ในทางจิตวิทยามองว่ากฎแรงดึงดูด เป็นเรื่องของ Selective Attention (การเลือกสิ่งที่ตนสนใจ) ที่จับคู่กับการอธิบายปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นด้วยอคติของเราเอง หรือการที่เราเลือกที่จะสนใจ ใส่ใจ รับรู้ และตอบสนองเฉพาะในสิ่งที่เราต้องการเท่านั้น

ทำไม "กฎแรงดึงดูด" ถูกพูดถึง และได้รับความนิยม

แนวคิดเรื่องกฎแรงดึงดูด ปรากฏครั้งแรกในหนังสือของ Helena Blavatsky นักปรัชญาและนักเขียนชาวรัสเซีย เมื่อปี 1877 ซึ่งได้อธิบายถึงพลังจิตของมนุษย์ที่สามารถดึงดูดสิ่งต่างๆ ได้ หลังจากนั้นถูกนำไปพัฒนาเป็นแนวคิดและงานเขียนต่างๆ อีกมากมาย จนกระทั่งปี 2006 มีการตีพิมพ์หนังสือที่ชื่อว่า "The Secret" ของ Rhonda Byrne นักเขียนชาวออสเตรเลีย มีเนื้อหาเกี่ยวกับกฎแรงดึงดูด ที่สร้างความมหัศจรรย์ให้ชีวิตในด้านต่างๆ เมื่อนำมาปรับใช้กับวิธีคิดอย่างสม่ำเสมอ กลายเป็นหนังสือขายดีที่จำหน่ายได้ถึง 19 ล้านเล่ม และได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆ ถึง 40 ภาษา รวมทั้งภาษาไทย จึงกล่าวได้ว่าหนังสือ The Secret มีอิทธิพลอย่างมากที่ทำให้แนวคิดนี้แพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน

วิธีนำ "กฎแรงดึงดูด" มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน

หนังสือ The Secret ได้อธิบายว่า กระบวนการสร้างสรรค์ (Creative Process) เพื่อให้สอดคล้องกับกฎแรงดึงดูดของจักรวาล ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนต่อไปนี้

1. ขอ (Ask) : การตั้งจิตให้แน่วแน่เพื่อให้พลังจักรวาลรับรู้สิ่งที่ต้องการ หากคิดดีจักรวาลจะดึงดูดสิ่งดีๆ มายังตัวคุณ
2. เชื่อ (Believe) : เชื่อในสิ่งดีๆ เรื่องราวเชิงบวก เชื่อด้วยใจจริงว่าวันหนึ่งสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นกับคุณอย่างแน่นอน
3. รับ (Receive) : ยอมรับผลลัพธ์ ชื่นชมกับสิ่งที่ได้รับ หากยังไม่สมหวังให้ไตร่ตรอง เพื่อปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

อิทธิพลของทั้ง 3 ขั้นตอน ขอ-เชื่อ-รับ มาจากพื้นฐานที่เชื่อในพลังจิตของมนุษย์ ว่ามีพลังในการดึงดูดสิ่งต่างๆ ที่คิดไว้ให้เกิดขึ้นจริงได้ แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องของการตั้งใจจำ และทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างแน่วแน่ ทว่าในชีวิตจริงนั้นเป็นเรื่องยากที่เราจะคิดแต่เรื่องดีๆ ตลอดเวลา เพราะมนุษย์มักมีความคิดแง่บวกและลบ โดยเฉพาะ Automatic Thought ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นการเผลอโทษตัวเอง ด่าคนอื่น หรือตัดสินผู้อื่นตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น วิธีการคือต้องปรับเปลี่ยนไปใช้วิธีคิดเชิงบวก เมื่อทำเช่นนี้บ่อยๆ สมองเราจะเริ่มสร้างกลไกการคิดแบบ Positive Thinking ต่อไปเมื่อเจอปัญหาอะไร เราจะมีมุมมองบวกและแก้ปัญหาด้วยวิธีที่มีอิทธิพลด้านบวกมากขึ้น

...

ตัวอย่าง : หากคุณอยากมีรถสปอร์ตสักคัน แต่ในใจลึกๆ กลับรู้สึกว่า เราคงไม่มีทางซื้อรถราคาแพงแบบนั้นได้หรอก จะไปเทียบกับคนฐานะร่ำรวยอยู่แล้วได้อย่างไร การคิดเช่นนี้จักรวาลก็จะดึงดูดแต่สิ่งที่เสมอตัวมาให้คุณอยู่เสมอ แต่หากคุณคิดว่า อยากจะมีรถสปอร์ตสักคัน เชื่ออย่างแน่วแน่ว่าสักวันจะต้องซื้อรถสปอร์ตได้ กลไกทางจิตของคุณจะทำให้คุณมองหาแนวทางที่จะทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง พลังจักรวาลจะดึงดูดผู้คน โอกาส งาน และเงิน ที่จะทำให้คุณได้สิ่งที่ต้องการ

สิ่งที่ยากที่สุดที่ทำให้หลายคนไม่ประสบความสำเร็จกับการนำกฎแรงดึงดูดมาใช้ ก็คือ ลึกๆ แล้ว พวกเขาไม่ได้เชื่อในสิ่งที่คิดจริงๆ เช่น คิดว่าต้องประสบความสำเร็จ แต่ลึกๆ ในจิตใจแล้วกลับแย้งว่าตัวเองไม่มีทางประสบความสำเร็จได้หรอก เป็นต้น ทั้งนี้ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราไม่ได้สิ่งที่ต้องการ ก็เพราะเรามัวแต่ใช้เวลาส่วนใหญ่คิดถึงแต่สิ่งที่เราไม่ต้องการ มากกว่าสิ่งที่ต้องการจริงๆ

ซึ่งหากต้องการนำกฎแห่งแรงดึงดูดมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ก็สามารถเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการปรับเปลี่ยนแนวคิด-ปรับเปลี่ยนความรู้สึก-คิดบวกเข้าไว้-พยายามทำสิ่งที่คิดให้สำเร็จ เมื่อนั้นชีวิตคุณจะดึงดูดแต่สิ่งดีๆ เข้ามาแน่นอน 

กฎแรงดึงดูดการงาน และการเงิน 

เชื่อว่ามีหลายคนที่มักประเมินความสามารถของตัวเองต่ำเกินจริง และไม่เชื่อในประสิทธิภาพที่มี เมื่อคิดเช่นนี้เป็นประจำ คุณก็จะมีความคิดที่จำกัดความสามารถของตัวเอง คิดว่าตัวเองไม่เก่ง ไม่กล้าทำงานใหม่ๆ ไม่กล้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ไม่กล้าเสี่ยงแสวงหาความร่ำรวย กลไกความคิดลักษณะนี้จะทำให้คุณปิดกั้นโอกาสดีๆ ในชีวิตโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นต้องเริ่มตั้งเป้าหมาย ปรับเปลี่ยนวิธีคิด เมื่อนั้นพฤติกรรมของคุณก็จะเริ่มเปลี่ยนไป ชีวิตคุณจะดึงดูดสิ่งที่เป็นพลังงานบวก และเมื่อนั้นกฎแห่งแรงดึงดูดก็จะเริ่มทำงาน

...

กฎแรงดึงดูดความรัก 

"Like Attracts Like" คนที่เหมือนๆ กันก็มักจะดึงดูดซึ่งกันและกัน ข้อความนี้น่าจะนำมาปรับใช้กับกฎแรงดึงดูดได้เห็นภาพมากที่สุด เพราะความคิดและทัศนคติที่คุณมี ถ่ายทอดออกมาผ่านคำพูด การกระทำ และวิธีการใช้ชีวิต มักจะดึงดูดคนที่มีลักษณะใกล้เคียงกับตัวคุณเข้ามาในชีวิต สำหรับกฎแรงดึงดูดในเรื่องของความรัก สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณต้องเรียนรู้ที่จะรักตัวเองและเห็นคุณค่าในตัวเองอย่างแท้จริงเสียก่อน แล้วจึงมอบสิ่งดีๆ เหล่านี้ไปยังผู้คนรอบข้าง เมื่อนั้นพลังของจักรวาลก็จะมอบความรักและผู้คนแบบเดียวกันนี้กลับมาให้คุณ

อย่างไรก็ตาม แม้ "กฎแรงดึงดูด" อาจจะฟังดูซับซ้อนในเรื่องของกระบวนการ มีเรื่องของพลังจักรวาลเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่พื้นฐานของทฤษฎีนี้หากจะสรุปง่ายๆ ก็คือ การคิดดี ทำดี แล้วชีวิตก็จะดึงดูดสิ่งดีๆ มาให้คุณ ไม่ว่าจะในรูปแบบการงาน ความร่ำรวย หรือความรัก ให้จำไว้ว่าทุกสิ่งที่คิด คือพื้นฐานของทุกๆ สิ่งที่จะเข้ามาในชีวิตนั่นเอง

...