อุตสาหกรรมภาพยนตร์ทั่วโลกกำลังซบเซาอย่างหนัก เนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ในประเทศญี่ปุ่นกลับมีสถิติที่น่าสนใจเกิดขึ้น เมื่อ "ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์" กลายเป็นภาพยนตร์อนิเมะที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น โค่นแชมป์เก่าดีกรีออสการ์อย่าง "Spirited Away" ลงได้สำเร็จ ทำให้ "ดาบพิฆาตอสูร" ถูกพูดถึงอย่างมากบนโลกออนไลน์ ทั้งในแง่กระแสความนิยม และการมีบทบาทสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจญี่ปุ่นในปีที่ผ่านมา
เรื่องย่อ และความเป็นมาของดาบพิฆาตอสูร
ดาบพิฆาตอสูร (Demon Slayer) คือ หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น (มังงะ) แนวผจญภัย-แฟนตาซี เขียนโดย โคโยฮารุ โกโตเกะ ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกใน พ.ศ.2559 จนถึงปัจจุบันมียอดขายมากกว่า 120 ล้านเล่ม อีกทั้งถูกนำไปสร้างเป็นซีรีส์อนิเมะทางโทรทัศน์อีกหลายตอน จนได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ ทำให้ดาบพิฆาตอสูรเป็นการ์ตูนที่สามารถทำรายได้ในญี่ปุ่นสูงถึง 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยล่าสุดในปี 2563 ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมะเรื่อง "ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์" ซึ่งประสบความสำเร็จอีกเช่นกัน
สำหรับเรื่องย่อดาบพิฆาตอสูร เล่าเรื่องราวในยุคไทโชของประเทศญี่ปุ่น เด็กหนุ่มผู้มีชื่อว่า "คามาโดะ ทันจิโร" เป็นลูกชายคนโตของครอบครัวที่มีอาชีพเผาถ่านขาย เขาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำงานเพื่อเลี้ยงดูแม่และน้องๆ หลังพ่อเสียชีวิต แต่แล้ววันหนึ่งในขณะที่ทันจิโรเดินทางกลับจากขายถ่าน เขาพบว่ามีอสูรบุกเข้ามาฆ่าครอบครัว เหลือน้องสาว "เนซึโกะ" เพียงคนเดียวที่รอดชีวิต ทว่าเธอกลับกลายเป็นอสูร ทันจิโรจึงตัดสินใจฝึกฝนร่างกายเพื่อเป็นนักดาบที่เก่งกาจแห่งหน่วยพิฆาตอสูร เขามีภารกิจในการตามชำระแค้น และหาหนทางให้น้องสาวกลับมาเป็นมนุษย์เหมือนเดิมอีกครั้ง เรื่องราวการต่อสู้ผจญภัยจึงเริ่มต้นขึ้น
...
ตัวละครหลักในดาบพิฆาตอสูร
- ทันจิโร : เด็กหนุ่มผู้มีจิตใจอ่อนโยนที่เดินเข้าสู่เส้นทางนักล่าอสูร เพื่อหาทางทำให้น้องสาวที่เป็นอสูรกลับมาเป็นมนุษย์อีกครั้ง
- เนซึโกะ : น้องสาวของทันจิโร รอดชีวิตจากเหตุการณ์อสูรบุกฆ่าครอบครัว แต่เธอต้องกลายร่างเป็นอสูร และต่อสู้ร่วมกับพี่ชายเพื่อปกป้องมนุษย์
- อิโนะสุเกะ : นักล่าอสูรบ้าพลัง ที่สวมหน้ากากหมูป่าไว้ตลอดเวลา เนื่องจากใบหน้าที่แท้จริงอ่อนหวานเหมือนผู้หญิง
- เซนอิตซึ : นักล่าอสูรที่ขี้กลัวและไร้ความมั่นใจในตัวเอง แต่กลับมีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งเมื่อเขาสลบไม่ได้สติ
จากมังงะยอดนิยม สู่ภาพยนตร์ "ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่"
กระแสฮิตของมังงะเรื่องนี้นำไปสู่การสร้างซีรีส์อนิเมะที่ใช้ชื่อว่า Demon Slayer: Kimetsu No Yaiba หรือ "ดาบพิฆาตอสูร" ในปี พ.ศ.2563 มีทั้งหมด 26 ตอนจบ กลายเป็นอนิเมะที่ได้รับความนิยมไปทั่วเอเชีย ขณะที่ในประเทศไทยเองก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เพราะดาบพิฆาตอสูรซับไทยที่ฉายผ่าน Netflix ติดอันดับ Top 10 ซีรีส์ที่คนไทยชมมากที่สุดหลายสัปดาห์ติดต่อกัน
ไม่เพียงเท่านั้น ในปีที่ผ่านมาดาบพิฆาตอสูร ยังถูกนำไปสร้างเป็นเวอร์ชั่นภาพยนตร์ "ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์" (Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train) ซึ่งเป็นภาคต่อจากซีรีส์อนิเมะนั่นเอง โดยในภาพยนตร์ยังคงมีตัวละครหลักที่แฟนๆ ชื่นชอบ และตัวละครใหม่เข้ามาเพิ่มสีสัน ซึ่งเป็นการเล่าเรื่องราวการต่อสู้ของ คามาโดะ ทันจิโร อีกเช่นเคย แต่ครั้งนี้เขาและเพื่อนๆ นักดาบหน่วยพิฆาตอสูรต้องไปทำภารกิจปราบปิศาจบนรถไฟนิรันดร์ เพื่อต่อสู้กับ เอ็นมุ อสูรข้างแรมฝีมือฉกาจ เรื่องราวการต่อสู้แสนสนุกจึงเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
...
เมื่อ "ดาบพิฆาตอสูร" มากู้วิกฤติเศรษฐกิจญี่ปุ่น
เป็นที่ทราบกันดีว่ารัฐบาลญี่ปุ่นส่งเสริมนโยบาย "Cool Japan" ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการผลักดันสินค้าและบริการอันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น เช่น มังงะ การ์ตูน อนิเมะ ภาพยนตร์ เพลง ดนตรี เกม ฯลฯ เพื่อหวังเจาะกระแสตลาดกระแสความนิยมในต่างประเทศ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ซึ่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์ก็ถือเป็นอีกหัวใจหลักที่สร้างรายได้มหาศาลให้ญี่ปุ่น ทั้งในรูปแบบลิขสิทธิ์ สินค้า บริการ และการท่องเที่ยวต่างๆ
...
แม้สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในรอบปีที่ผ่านมา จะทำให้เศรษฐกิจในทุกวงการซบเซาอย่างเห็นได้ชัด แต่ในวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นกลับเห็นแสงสว่างแห่งความหวัง เมื่อภาพยนตร์ "ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์" เข้าฉายในเดือนตุลาคม พ.ศ.2563 และเกิดกระแส "ดาบพิฆาตอสูรฟีเวอร์" ในเวลาต่อมา ทำให้คนญี่ปุ่นยอมซื้อตั๋วเข้าโรงภาพยนตร์ สอดคล้องกับแนวทางของภาครัฐที่ไม่ได้สั่งปิดโรงภาพยนตร์ แต่ออกกฎให้ผู้ชมปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่เชื้อ และรักษาระยะห่างอย่างเคร่งครัดนั่นเอง
...
นับตั้งแต่เข้าฉาย ดาบพิฆาตอสูร ทำรายได้ในโรงภาพยนตร์ เฉพาะในประเทศญี่ปุ่น เป็นมูลค่ากว่า 32,500 ล้านเยน (ประมาณ 9,465 ล้านบาท) ขึ้นแท่นมังงะที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล ล้มแชมป์เก่าที่ครองสถิตินานถึง 19 ปี อย่าง "Spirited Away" ผลงานชื่อดังดีกรีรางวัลออสการ์ ของสตูดิโอจิบลิ ที่เคยทำรายได้ไว้ที่ 31,700 ล้านเยน (ประมาณ 9,200 ล้านบาท) ซึ่งในทำเนียบภาพยนตร์ญี่ปุ่น มีอนิเมะเพียง 2 เรื่องนี้เท่านั้นที่ทำรายได้สูงเกิน 30,000 ล้านเยน
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างงดงามในบ้านเกิด ดาบพิฆาตอสูร ก็เริ่มเดินสายฉายในต่างประเทศ แม้จะถูกจำกัดโรง เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่จากข้อมูลของ Box Office Mojo เว็บไซต์รายงานตัวเลขรายได้ของภาพยนตร์ทั่วโลก ระบุว่า ตั้งแต่เข้าฉายจนถึงปัจจุบัน ดาบพิฆาตอสูรเดอะมูฟวี่เรื่องนี้ กวาดรายได้ทั่วโลกไปแล้ว 318 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 9,500 ล้านบาท) นับเป็นอนิเมะสุดฮิตที่สร้างรายได้และทำกำไรให้วงการภาพยนตร์ญี่ปุ่นท่ามกลางสภาวการณ์เศรษฐกิจเช่นนี้
ทั้งนี้ ภาพยนตร์เรื่องดาบพิฆาตอสูร ก็เข้าฉายในประเทศไทยเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน และทำรายได้ในไทยทะลุ 100 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ลายเส้นที่สวยงาม เนื้อหาที่สนุกสนาน พร้อมข้อคิดดีๆ ที่สอนให้ไม่ยอมจำนนต่ออุปสรรคในชีวิต ล้วนเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ "ดาบพิฆาตอสูร" ครองใจผู้ชมส่วนใหญ่ แต่ในขณะเดียวกัน การได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลญี่ปุ่นอย่างจริงจัง ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกอบกู้วงการภาพยนตร์ให้รอดพ้นจากวิกฤติในครั้งนี้.