เป็นประเพณีอันดีงามอย่างหนึ่งของคนไทยยุคใหม่ไปแล้วนะครับสำหรับในทุกๆเทศกาล “ขึ้นปีใหม่” ซึ่งนอกจากจะมีงานเฉลิมฉลอง มีการ “เคาต์ดาวน์” นับถอยหลังพร้อมจุดพลุ หรือยิงแสงเลเซอร์อันยิ่งใหญ่เกรียงไกรแล้ว เรายังมีพิธี “สวดมนต์ข้ามปี” และประเพณี “ไหว้พระ 9 วัด” เข้ามาเสริมอีกด้วย
นับเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่งดงามมาก แสดงให้เห็นว่าคนไทยเรามิใช่จะมุ่งหน้าแต่ในเรื่องสนุกสนานครึกครื้นหรือบันเทิงเริงรมย์เท่านั้น ยังมีเรื่องบุญเรื่องกุศลควบคู่กันไป
ปกติแล้วทุกวันขึ้นปีใหม่เราก็มีประเพณีทำบุญตักบาตรมาตั้งแต่โบราณกาลโน่นแล้วละ ทุกวันนี้ก็ยังยึดถือและปฏิบัติต่อเนื่อง
แต่มาเสริมเรื่อง “สวดมนต์ข้ามปี” ในภายหลัง รวมทั้งการเดินทางไปไหว้พระให้ครบ 9 วัด ซึ่งน่าจะเริ่มขึ้นเมื่อ 10 กว่าปีมานี้เอง
ซึ่งในการเลือก 9 วัดนั้นก็สุดแต่ศรัทธาประสาทะของแต่ละบุคคลแต่ละท้องที่ท้องถิ่น... โดยจะเป็นวัดใดก็ได้ขอให้ไหว้ครบ 9 วัดก็แล้วกัน
ในส่วนของ กทม. ทาง ขสมก. และ ททท. ได้ช่วยกันจัดเชิญชวนพี่น้องประชาชนไปไหว้พระ 9 วัด ในเทศกาลปีใหม่มา 10 กว่าปีดังกล่าว โดยจะมีบริการรถเมล์ฟรีนำพี่น้องประชาชนไปไหว้พระตามวัดดังต่างๆ
ในช่วงหลังๆทีมงานซอกแซกมีโอกาสเข้าร่วมในประเพณีอันดีงามนี้มาโดยตลอด โดยจะชักชวนกันขับรถไปตั้งหลักจอดรถไว้ ณ จุดใดจุดหนึ่ง จากนั้นก็จะขึ้นโดยสาร รถเมล์ ที่ ขสมก.จัดไว้ไปสักการะวัดต่างๆจนครบ 9 วัด
แต่สำหรับปีนี้ไม่แน่ใจว่า ขสมก.จะยังจัดอยู่หรือไม่ และถึงแม้จะยังจัดอยู่ แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดระลอกสองที่รุนแรงมากของโควิด-19 คงไม่สะดวกนักที่จะขึ้นรถเมล์เบียดเสียดกันไปตามวัดต่างๆ
...
หรือเมื่อไปถึงวัดต่างๆแล้ว ก็ต้องระมัดระวังเช่นกัน ที่จะต้องหลีกเลี่ยงความแออัด หรือการเดินเบียดเสียดขณะเข้าไปไหว้ในพระอุโบสถหรือในบริเวณวัด ซึ่งมีผู้คนจำนวนมาก
ด้วยเหตุนี้ทีมงานซอกแซก โดยเฉพาะครอบครัวซอกแซกที่นัดกันไว้แล้วว่า อย่างไรเสียเราก็จะเดินทางไปไหว้พระให้ “ครบ 9 วัด” ให้ได้เช่นทุกปี เพียงแต่ปีนี้จะขอไหว้แบบ “นิวนอร์มอล” คือจะขับรถกันไปเองโดยไม่อาศัยบริการของ ขสมก. และจะไปชะลอหรือถ้าจอดได้ก็จะจอดใกล้ๆวัดหรือพระอุโบสถของวัดแต่ละแห่งแล้วยกมือไหว้พนมมือขอพรท่านจากบริเวณนอกวัดนั้นเลย
ทั้งนี้ได้เตรียมเส้นทางและกำหนดวัดที่สามารถจะเดินทางโดยรถส่วนตัวได้อย่างสะดวกไว้แล้ว...
โดยจะเริ่มที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นวัดแรกเช่นเดียวกับทุกๆปี เพื่อไหว้ พระแก้วมรกต อันเป็นที่เคารพอย่างสูงยิ่งเป็นปฐม ซึ่งเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ในเทศกาล “วันพ่อแห่งชาติ” หัวหน้าทีมซอกแซกได้มีโอกาสมากราบอย่างใกล้ชิดถึงในพระอุโบสถแล้วครั้งหนึ่ง
จากนั้นจะผ่าน วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ เป็นวัดที่สอง พร้อมกับยกมือไหว้อธิษฐานขอพรจาก พระพุทธไสยาสน์ ที่เคยไหว้เป็นประจำทุกครั้ง
ต่อมาจะเลี้ยวลดไปวัดที่สาม ได้แก่ วัดราชบพิธฯ ถนนเฟื่องนคร ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก หากคนแน่นก็จะไหว้ด้านนอก หากคนไม่แน่นพอรักษาระยะห่างได้ ก็จะแวะเข้าไปไหว้ พระพุทธอังคีรส พระประธานที่ ร.4 ทรงสร้างไว้ และ ร.5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระประธาน ณ พระอุโบสถอันงดงามของวัด...
วัดที่สี่ที่อยู่ในเส้นทางขับรถซึ่งไม่ไกลนักได้แก่ วัดสุทัศนเทพวรารามฯ ถนนตีทองหน้า กทม. เพื่อไหว้ พระพุทธตรีโลกเชษฐ์ พระประธานในพระอุโบสถ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 อันเป็นพระประธานที่เก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองอีกองค์หนึ่ง
จากนั้นมุ่งหน้าไปวัดที่ 5 ซึ่งสามารถเดินทางได้ไม่ไกลนักจาก วัดสุทัศน์ ได้แก่ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ที่เราเรียกกันสั้นๆว่า วัดบวรฯ ซึ่งนอกจากจะมี พระพุทธชินสีห์ ที่อัญเชิญมาจาก วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัด พิษณุโลก และ พระสุวรรณเขต ที่อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จังหวัดเพชรบุรี แล้ว
ยังมี พระไพรีพินาศ ที่มีผู้นำมาถวายรัชกาลที่ 4 และเป็นพระที่กล่าวกันว่ามีอภินิหารยิ่งนัก บันดาลให้ศัตรูที่คิดปองร้ายต่อ ร.4 ต่างก็มีอันเป็นไปต่างๆนานาตามๆกัน ซึ่งปัจจุบันนี้ พระไพรีพินาศประดิษฐานอยู่ ณ บริเวณชั้นสองทางด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ใหญ่ในวัดบวรฯ
สำหรับวัดที่ 6 ก็อยู่ถัดไปนิดเดียว ได้แก่ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร เยื้องๆกับโรงพักชนะสงครามนั่นเอง ถือเป็นวัดสำคัญเคียงคู่ราชวงศ์จักรี สร้างโดยรัชกาลที่ 1 ซึ่งในปีปกติวันปีใหม่ที่นี่จะแน่นมาก จนถึงขั้นเบียดเสียด เพื่อเข้าสักการะพระพุทธรูปประธาน ได้แก่ พระพุทธนรสีห์ตรีโลกเชฏฐ์ อันเก่าแก่เคียงคู่มากับกรุงรัตนโกสินทร์อีกองค์หนึ่ง
วัดที่ 7 เรามุ่งไปทางเจริญกรุง เพื่อสักการะ วัดมังกรกมลาวาส หรือ วัดเล่งเน่ยยี่ อันเป็นวัดจีนที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย ร.5 และเป็นอีกวัดหนึ่งที่ผู้คนจะแน่นมากในช่วงเทศกาลปีใหม่...โดยเฉพาะปีที่ยังมีนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนจะแน่นมากเป็นพิเศษ เพราะโด่งดังไปถึงแผ่นดินจีนในเรื่องแก้ชง
วัดที่ 8 ได้แก่ วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร หรือวัดไตรมิตรฯ ไปทางถนนเจริญกรุงได้ไม่ยาก พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของวัดนี้ ซึ่งมีชื่อเสียง ระดับโลก ได้แก่ พระพุทธรูปมหาสุวรรณปฏิมากร ที่หล่อด้วยทองคำแท้หนัก 5.5 ตันนั่นเอง
...
สำหรับวัดที่ 9 นั้น ท่านผู้อ่านจะไปเลือกวัดใดที่อยู่ใกล้ๆบ้านท่าน หรือวัดอื่นๆที่ท่านนับถือบนทางผ่านกลับบ้านก็สุดแต่ศรัทธา...แต่ทีมงานซอกแซกตั้งใจเลือกวัดเบญจมบพิตร ดุสิตวนารามราชวรวิหาร วัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่ง เพราะเมื่อไหว้แล้วสามารถวนรถกลับไปขึ้นทางด่วนที่ด่านยมราชเพื่อกลับบ้านได้สะดวกที่สุด
ทั้งหมดนี้คือแผนและความมุ่งมั่นที่ตั้งใจไว้ว่าจะไป “ไหว้พระ 9 วัด” แบบนิวนอร์มอลของทีมงานซอกแซกในปีอันไม่นอร์มอลปีนี้ครับ...ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะครับ หากท่านผู้อ่านท่านใดจะดำเนินการตามซึ่งยังสามารถทำได้ไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2564 ที่ยังถือว่าอยู่ในช่วงฉลองปีใหม่ตามแบบไทยๆของเรา.
“ซูม”