• วันคริสต์มาส ทำไมต้องตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม ของทุกปี
  • ของประดับต้นคริสต์มาส แฝงไปด้วยความหมาย
  • บรรยากาศวันคริสต์มาส ความรู้สึก เริ่มต้นการเฉลิมฉลอง

แม้หลายคนจะเข้าใจว่า วันคริสต์มาส จะตรงกับวันที่ 25 ธันวาคม 2563 แต่ในธรรมเนียมชาวคริสต์ วันคริสต์มาสจะเริ่มต้นขึ้นในตอนเย็นของวันคริสต์มาสอีฟ (Christmas Eve) ซึ่งตรงกับวันที่ 24 ธันวาคมของทุกปี หรือก่อนวันคริสต์มาส 1 วัน



สำหรับ วันคริสต์มาส เป็นวันที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซู ศาสดาสูงสุดของศาสนาคริสต์ ถือเป็นวันหยุดประจำปี ที่ชาวคริสต์ให้ความสำคัญมาก โดย "Christmas" แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" แม้ในคัมภีร์ไบเบิ้ลก็ไม่ได้มีการบันทึกว่า วันประสูติของพระเยซู ตรงกับวันที่เท่าไร แต่ชาวคริสต์เชื่อว่าพระเยซูประสูติ ณ เมืองเบธเลเฮม แคว้นจูเดีย ในสมัยจักรพรรดิออกัสตัสแห่งกรุงโรม ต่อมาใน ค.ศ.274 จักรพรรดิออเรเลียน (Emperor Aurelian) ทรงกำหนดให้วันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันเฉลิมฉลองเหล่าสุริยเทพของชาวโรมัน ซึ่งชาวคริสต์ในอาณาจักรโรมันถือว่า พระเยซูคือผู้ทรงอยู่เหนือความตาย และเป็นศาสดาสูงสุดที่พวกเขานับถือ จึงเฉลิมฉลองวันประสูติของพระเยซูในวันดังกล่าวแทน โดยมีการบันทึกว่า วันคริสต์มาสที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการ มีขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.336 นับจากนั้นเป็นต้นมา วันคริสต์มาส จึงตรงกับวันที่ 25 ธันวาคมของทุกปี 

และเมื่อพูดถึง วันคริสต์มาส หลายคนคงจะนึกถึง "ซานตาคลอส" ในภาพจำของใครหลายคน คือ ซานตาคลอส หรือ ซานต้า ชายแก่ใจดี รูปร่างอ้วน สวมชุดสีแดง หนวดเคราสีขาว มาพร้อมรถลากเลื่อนและกวางเรนเดียร์จมูกแดง ซึ่งจริงๆ แล้วซานตาคลอสได้ต้นแบบมาจาก "นักบุญนิโคลัส" บาทหลวงชาวตุรกี ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางว่าเป็นชายที่มีจิตใจดี ต่อมาชาวฮอลแลนด์เรียกนักบุญผู้นี้ว่า "ซินเตอร์คลาส" และชาวอเมริกันเรียกเพี้ยนเป็น "ซานตาคลอส" ซึ่งนิยมเรียกกันทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน

...



อีกสัญลักษณ์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ คือ "ต้นคริสต์มาส" ซึ่งเป็นต้นสน นำมาประดับด้วยกล่องของขวัญ ลูกบอลหลายสี ถุงเท้า และประดับไฟอย่างสวยงาม ซึ่งเปรียบเหมือน "ต้นไม้ในสวนสวรรค์" ส่วนของที่ประดับบนต้นคริสต์มาส แท้จริงแล้วยังแฝงไว้ด้วยความหมายมากมาย อาทิ

ระฆัง หรือ กระดิ่ง เสียงระฆังที่ดังในวันคริสต์มาส ถือเป็นการเฉลิมฉลองให้กับการกำเนิดของพระเยซู

ดาว ในอดีตเชื่อว่า ช่วงเวลาที่พระเยซูประสูติ โหราจารย์ได้มองเห็นดวงดาวที่สุกไสวบนท้องฟ้า จึงออกเดินทางตามหาดาวดวงนั้น จนไปพบสถานที่ประสูติของพระเยซู ที่เมืองเบธเลเฮม จึงเรียกดาวดวงนี้ว่า Star of Bethlehem

ดอกกุหลาบบนต้นคริสต์มาส
หรือที่เรียกว่า Christmas Rose มีลักษณะเป็นสีขาวและมีสีชมพูบนปลายกลีบ  ตามตำนานเล่าว่า ช่วงที่พระเยซูประสูติ มีโหราจารย์ 3 ท่านเดินทางมาพบพระเยซู ทุกคนนำของขวัญมาถวาย หญิงเลี้ยงแกะคนหนึ่งซึ่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีอะไรจะมอบให้ นางฟ้าจึงบันดาลดอกไม้นี้ให้ผุดขึ้นมาจากหิมะใกล้เท้าของเธอ สื่อถึงความรักที่บริสุทธิ์เพื่อมอบแก่พระเยซู

นอกจากนี้ยังมี พวงมาลัยคริสต์มาส ที่มักจะถูกนำมาแขวนไว้ที่ต้นคริสต์มาส หรือที่หน้าประตูบ้าน เพื่อระลึกถึงมงกุฎหนามบนศีรษะของพระเยซู และเชื่อว่าสัญลักษณ์นี้ปกป้องบ้านเรือนจากพลังชั่วร้าย และนำโชคดีมาให้ผู้ที่ที่จัดทำพวงมาลัย



ซึ่งต่อมาก็มีของประดับอื่นๆ ที่สื่อความหมายของวันคริสต์มาส ไม่ว่าจะเป็นถุงเท้า ที่เชื่อกันว่า "ซานตาคลอส" จะนำของขวัญมาให้เด็กๆ ในช่วงเวลากลางดึกของคืนคริสต์มาสอีฟ โดยนำของขวัญใส่ไว้ในถุงเท้า ซึ่งความเชื่อนี้ก็ถูกเล่าผ่านเป็นนิทานต่อๆ กันมา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วันคริสต์มาส จะไม่ใช่เป็นประเพณีของไทย แต่เมื่อเข้าสู่เทศกาลนี้ ตามห้างสรรพสินค้าส่วนใหญ่ มักตกแต่งด้วยต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ รูปแบบแตกต่างกันออกไป คนส่วนใหญ่ก็มักจะรับรู้ได้ว่า เรากำลังเข้าสู่บรรยากาศการเฉลิมฉลองในช่วงท้ายปี ยาวไปจนถึงปีใหม่ รวมถึงบรรยากาศของการส่งความสุข ด้วยการอวยพร และมอบของขวัญให้แก่กัน

ขณะที่มีข้อมูลว่า เมื่อปี 2562 ผู้บริโภคชาวไทยใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่ามากที่สุดในช่วงเทศกาลคริสต์มาส ถึง 30% จากยอดรวมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลทั้งหมด เนื่องจากช่วงเทศกาล ถือเป็นโอกาสในการสังสรรค์ของใครหลายๆ คน รวมถึงการเดินทางไปเยี่ยมครอบครัว

แต่ปีนี้ เนื่องจากมีสถานการณ์โควิด-19 การพบปะสังสรรค์ หรือการรวมกลุ่มกันเพื่อเฉลิมฉลอง อาจทำได้ยากนัก และถ้าจำเป็นจริงๆ อย่าลืมเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ รวมถึงการกินร้อน ช้อนตัวเอง เพื่อดูแลสุขภาพของตัวเอง

...


Merry X’mas  

ผู้เขียน : เจ๊ดา วิภาวดี
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun