ศรัทธาความเชื่อเกี่ยวกับ “รังนกกระจาบ” คนไม่น้อยเชื่อว่าหากนำรังนกกระจาบมาแขวนไว้ที่บ้านแล้วจักเป็นการเพิ่มวาสนา เสริมส่งบารมีให้ดียิ่งๆขึ้นไป นอกเหนือจากเหตุผลประดับเพื่อความสวยความงาม

กระนั้นแล้ว คนโบราณก็จะย้ำอยู่เสมอด้วยว่า...ไม่ว่าใครที่คิดจะสอยรังนกกระจาบตามธรรมชาติมาได้นั้น ต้องมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่ารังนั้นเป็นรังร้างจริงๆ

รังร้างที่ว่านี้ ต้องไม่มีนกอาศัยอยู่ ย้ำว่าต้องไม่มีจริงๆ สังเกตรังจะเป็นสีน้ำตาลไม่ออกเขียวๆ สดๆ เสมือนเพิ่งคาบหญ้ามาถักทอสานรังให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง

ที่สำคัญ...คนโบราณห้ามนักห้ามหนาว่า “ห้ามไม่ให้ทำลายรังนกกระจาบในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคมเป็นเด็ดขาด เพราะว่าหากใครฝืนคำเตือนนี้...ความรัก ชีวิตคู่ก็จะไม่สมหวังดังประสงค์”

เชื่อกันว่า หากกระทำลงไป เกิดชาติหน้าฉันใดจะมีคู่ยาก หาคู่ลำบากนัก อีกทั้งยังเหมือนโดนเคราะห์กรรมใหญ่...แม้ว่าจะมีทุกอย่างพร้อมสรรพในชีวิตตน หากแต่ก็ยังถูกคนมายุแยงตะแคงรั่วให้แตกหักกับคนที่รัก...ที่ร้ายกว่านั้น ยังส่งผลให้ชีวิตรักขาดสะบั้นไปได้ในที่สุด

...

นอกจากนี้แล้ว...ผู้ที่มารื้อรังนกกระจาบ ทำลายให้สิ้นสภาพ ตายไปแล้วเกิดใหม่อาจเกิดเป็นชายหรือสาวทึนทึก...อายุมากแล้วก็ยังไม่ได้แต่งงานในชาติหน้าเลยทีเดียว

กล่าวกันว่า ช่วงเดือนที่ว่านั้น บรรดานกกระจาบตัวผู้ตามท้องทุ่งอันเป็นธรรมชาติจะแข่งกันสร้างรังอย่างสวยงาม เพื่อเชื้อเชิญนกกระจาบตัวเมียมาร่วมหอลงโลงเป็นคู่ตุนาหงันสร้างครอบครัว

ชาวบ้านเรียกกันว่า...รังจีบหญิง

ราวๆปลายเดือนมิถุนายน ไม่ว่านกหนุ่ม นกพ่อหม้ายไร้คู่ ก็จะเริ่มออกแรงสร้างรังของตัวเอง เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะออกไปเชื้อเชิญสาวมาเยี่ยมชม หากถูกใจก็เป็นอันตกลงปลงรัก จะเห็นได้ว่า...นกกระจาบสาวไม่ได้รักหนุ่มเพราะรูปร่างหน้าตา สุ้มเสียง...

หากแต่รักๆ หลงๆ เพราะรังอันดึงดูดหัวใจให้ไขว่คว้า ให้จับจองเป็น “คู่” ครองรักกันไป

วันครองรักที่ว่านี้ถือว่าเป็นวันสำคัญหนึ่งที่เป็นวันของการเริ่มชีวิตคู่...บรรยากาศความรักตลบอบอวลเมื่อบรรดานกกระจาบตัวเมียจะบินวนๆ เวียนๆ ไปจับเกาะกิ่งไม้ วิเคราะห์ เพ่งพินิจรังของบรรดาตัวผู้โดยที่ยังไม่ได้เข้าไปในรัง หรือเข้าใกล้จนกว่าจะเห็นว่าพอใจที่สุดแล้ว

หากพอใจรังใดก็จะบินเข้าไปในรังนั้น และไกวเปล...อันหมายถึงตกลงรับ “รัก”...“ยินยอม” พร้อมใจที่จะใช้ชีวิตคู่กับนกกระจาบหนุ่มเล็ก หนุ่มใหญ่...เจ้าของรัง

ตรงกันข้ามหากไม่ชอบ ไม่ถูกใจก็จะบินหนีไป หารังใหม่ที่ต้องตา แน่นอนว่าในช่วงเวลาสำคัญนี้ก็มีเจ้าของรังไม่น้อยที่อกหักรักคุด โดยที่เจ้าตัวก็เลือกไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

แต่ก็อีกนั่นแหละ ไม่ช้าไม่เร็ว...ธรรมชาติก็รังสรรค์ปั้นแต่งคู่ครองมาให้ได้ใช้ชีวิตสร้างครอบครัว เลี้ยงลูกน้อยๆ เดินไปตามวัฏจักรชีวิต

นี่เองที่ช่วงสองเดือนห้ามใครเก็บรังนกกระจาบเด็ดขาด เพราะอย่างไรเสียก็ไม่ใช่รังร้างแน่นอน เพียงแต่รอเวลา...รอความรักที่สุขสมหวังเท่านั้นเอง

@ @ @ @

เดือนกรกฎาคมถึงกันยายน...เป็นช่วงที่ “นกกระจาบ” สืบพันธุ์...ผู้นำ “รังนกกระจาบ” ไปขายเล่าให้ฟังว่า ในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคมของทุกปีจะมีฝูงนกกระจาบนับพันตัว หากสังเกตให้ดีๆ จะมีนกที่เป็นผู้นำฝูงพากันบินไปทำรังในพื้นที่เดิมๆส่วนใหญ่จะพากันมาทำรังกันเป็นประจำเป็นร้อยๆ รัง โดยจะบินไปจิกเอาฟางข้าวแห้งมาสร้างรังให้เกาะติดที่กิ่งปลายใบไม้ ค่อยๆ สร้างจนกระทั่งเป็นรังขนาดใหญ่ห้อยเต็มไปหมด

...

ลักษณะรังจะมี 2 รูปแบบคือ ถ้าเป็นรังทรงกลมไม่มีกรวยยาวก้นรัง มีรูเข้าออกก้นรัง 2 รู จะเป็นรังสำหรับตัวผู้กับตัวเมียใช้อาศัยเพื่อผสมพันธุ์กันในช่วงเดือนสิงหาคมทุกปี

ส่วนอีกแบบหนึ่งจะเป็นชนิดรังใหญ่ มีกรวยยาวก้นรัง และมีรูเข้าออกรูเดียว เป็นรังสำหรับตัวเมียใช้วางไข่และฟักไข่จนกลายเป็นลูกนกกระจาบ เลี้ยงดูอยู่จนกระทั่งลูกนกทั้งหมดจะแข็งแรงสามารถบินเองได้

จากนั้น...นกจ่าฝูง หรือผู้นำฝูงก็จะพาลูกฝูงทิ้งรังบินไปยังที่อื่น โดยไม่ทราบว่าไปที่ไหนเช่นกัน

ครั้นเมื่อถึงฤดูกาลผสมพันธุ์ในปีต่อไป ระหว่างเดือนสิงหาคม ฝูงนกกระจาบเหล่านี้ก็จะบินกลับมาสร้างรังผสมพันธุ์ออกไข่ฟักไข่ จนเป็นลูกนกกระจาบอีกครั้ง แต่จะไม่สนใจรังเก่าที่เคยสร้างไว้แต่อย่างใด แต่ก็มีบ้างเหมือนกันที่ฝูงนกกระจาบบินหายไปทิ้งระยะเวลานาน 3-4 ปี จึงจะเวียนกลับมายังที่เดิมอีกครั้งหนึ่ง

เมื่อเป็นเช่นนั้น เมื่อเข้าใจวัฏจักรวงจรชีวิตนกกระจาบแล้ว ใครที่จะเก็บสอย “รังนกกระจาบ” ไม่ว่าจะเอาไปประดับตกแต่งหรือเก็บเอาไปขายควรที่จะต้องเก็บรังเก่าที่นกกระจาบทิ้งไว้เท่านั้น

...

ไม่ใช่ไปแย่ง “รังรัก” ใหม่มาจากนกที่เพิ่งสร้างได้ไม่นานเท่าไหร่แต่อย่างใด

@ @ @ @

“นกกระจาบ” ขนาดใกล้เคียงกับนกกระจอก ชอบสร้างรังตามต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านเหนียวแข็งแรง ใกล้ริมน้ำ ชายทุ่ง...พวกมันสร้างรังอย่างซับซ้อน ละเอียด ประณีต ต้องร้อยเรียงเส้นหญ้าไม่น้อยกว่าสามพันเส้น แน่นอนว่าต้องใช้พลังร่างกายบินคาบหญ้ามาสร้างรังไม่น้อยกว่าสามพันเที่ยวเช่นเดียวกัน

ด้วยเวลาที่จำกัด แต่ละวันนกกระจาบตัวผู้จึงจะต้องคาบหญ้าวันละไม่น้อยกว่า 200 เที่ยว

“รัง” จะถูกสร้างด้านทิศตะวันออกเพื่อรับแดดยามเช้า ไม่ให้ร้อนเกินไปในช่วงบ่ายคล้อยไปแล้ว ถ้าสังเกตมักอยู่บนต้นไม้ที่มีมดแดงมาก เพื่อป้องกันภัยจากศัตรูไปในตัว

ความพิถีพิถันในการสร้างรัง ต้นหญ้าถูกถักทอเส้นแล้วเส้นเล่า เลี้ยงดูบ่มเพาะผ่านคืนผ่านวันจนกระทั่งลูกน้อยเติบโต...ผ่านความรัก การดูแลทั้งพ่อนกแม่นก ส่งอิทธิพลภาพสะท้อนสำคัญ นั่นก็คือ ความสัมพันธ์อันแสนจะอบอุ่นของครอบครัว “นกกระจาบ” ในแต่ละรังได้เป็นอย่างดี...

...

นี่กระมังที่เป็นผลแห่ง “บาปกรรม” ที่ใครก็ตามที่ได้มากระทำต่อรังนกกระจาบที่ยังไม่ถูกทิ้งร้าง

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก-ยม