ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา หรือผู้ที่กำลังอยากเปลี่ยนงานใหม่ เมื่อต้องทำเรซูเม่สมัครงานก็ต้องเขียนขึ้นใหม่เสมอ เพราะหน้าตาที่ทันสมัยมีส่วนสำคัญที่ฝ่ายสรรหาบุคคลจะเลือกคุณมาเป็นพนักงานคนต่อไป วันนี้หากคุณกำลังหางานอยู่ มาดูวิธีเขียน Resume สมัครงานให้โดนใจผู้จ้าง


เมื่อคุณต้องแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ เราสามารถเลือกคำพูดแรกๆ ให้ประทับใจได้ แต่หากต้องแนะนำตัวให้กับบริษัทหรือองค์กรเพื่อให้เขาคัดเลือกคุณเป็นส่วนหนึ่งในทีม จะต้องเล่ารายละเอียดส่วนตัวให้ครบถ้วน และต้องสั้นอยู่ในกระดาษ A4 ใบเดียว ดังนั้นจึงต้องใจกับกระดาษใบนี้ ซึ่งเรียกว่า “เรซูเม่” นั่นเอง

เรซูเม่ (Resume) คืออะไร

บริษัทและองค์กรส่วนใหญ่ เปิดโอกาสรับสมัครงานด้วยการให้ผู้สมัครส่งประวัติส่วนตัวโดยย่อ หรือที่เรียกว่า เรซูเม่ (Resume) เข้ามาสมัครก่อนที่จะเรียกเข้ามากรอกใบสมัครกับฝ่ายบุคคล เพราะฉะนั้นรายละเอียดจะต้องครบถ้วน

เรซูเม่ (Resume) คือประวัติโดยย่อ ใช้สำหรับคัดเลือกเบื้องต้น เพื่อร่วมงานกับองค์กร ทั้งยื่นขอฝึกงาน ยื่นสมัครงานกับบริษัท หากตำแหน่งเปิดจำกัด เรซูเม่จะเป็นด่านแรกของการตัดสินใจคัดเลือก

...

 

วิธีเขียนเรซูเม่สมัครงาน

1. ชื่อ นามสกุล
เนื่องจากกระดาษ A4 จะถูกเย็บเข้ามุมทางด้านซ้ายเสมอ ดังนั้นคุณควรใส่ข้อมูล ชื่อ-สกุล ที่อยู่สำหรับติดต่อไว้ทางด้านขวาของเรซูเม่ และการใส่ชื่อควรใช้เทคนิคดังนี้

  • ชื่อ และ นามสกุล ควรใช้ Font ใหญ่กว่าส่วนอื่น
  • ชื่อเล่นไม่ควรใส่ (ควรเอาไว้กรอกในใบสมัครในภายหลัง)
  • ไม่ควรสะกดชื่อและนามสกุลผิดแม้แต่ตัวเดียว

2. อีเมล เบอร์โทร และ ที่อยู่
เบอร์โทรศัพท์ อีเมล และที่อยู่ ทั้ง 3 อย่าง จำเป็นต้องมีในเรซูเม่ เพราะผู้ว่าจ้างจะใช้พิจารณาติดต่อกลับ มีเทคนิคการเขียนดังนี้

  • วางตำแหน่งไว้ด้านบนมากที่สุด หรือทำสีเน้นพิเศษ
  • ควรใช้ชื่ออีเมลที่เป็นทางการ เพื่อความน่าเชื่อถือ
  • หากไม่สะดวกให้เบอร์ส่วนตัว ก็ควรมีเบอร์โทรศัพท์สำรอง และเตรียมพร้อมรับสายเสมอ

3. ตำแหน่งงาน เงินเดือนที่ต้องการ
บางตำแหน่งที่เปิดรับ ต้องการทราบช่วงเงินเดือนที่ผู้สมัครต้องการ โดยให้กรอกผ่านโปรแกรมสร้างใบสมัครบนหน้าเว็บไซต์สมัครงาน และคุณสามารถใส่ตำแหน่งงานปัจจุบัน หรือตำแหน่งงานที่ตามหา พร้อมระบุอัตราเงินเดือนที่ต้องการได้เลย (แต่ไม่ควรเขียนตัวเลขเด่นกว่าส่วนอื่นๆ)

4. ประสบการณ์ทำงาน
หากมีประสบการณ์ทำงานหลายที่ ควรเลือกใส่ประสบการณ์ล่าสุด แต่หากเพิ่งสำเร็จการศึกษาและยังไม่มีประสบการณ์ ก็ใส่ประสบการณ์ทำงานและฝึกอบรมแทนได้ เทคนิคการเขียนประสบการณ์การทำงาน

  • ไม่ควรใส่ประสบการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน

5. ประวัติการศึกษา
หากเพิ่งสำเร็จการศึกษา ควรใส่ประวัติการศึกษาขึ้นต้นก่อนประวัติการอบรม โดยใส่วุฒิการศึกษาสูงสุดที่ได้รับ

6. ประวัติการอบรม / รางวัลที่เคยได้รับ
หากมีประวัติได้รับการอบรมที่ได้รับใบประกาศนียบัตรผ่านการอบรมจากสถาบันต่างๆ ก็นำมาประกอบได้ รวมถึงรางวัลที่เคยได้รับ เพื่อให้ประวัติบนเรซูเม่ของคุณดูน่าสนใจ

7. ความสามารถทางภาษา
ควรใส่ความสามารถทางภาษาที่มีคะแนนวัดเป็นสากล เช่น คะแนนสอบจากสถาบันที่ได้รับการยอมรับ ไม่ควรใส่เป็นเปอร์เซ็นต์ ควรใส่เป็นระดับความสามารถ พอใช้, ดี, ดีมาก, ดีที่สุด

8. ความสามารถทางคอมพิวเตอร์
ควรใส่เป็นชื่อโปรแกรม หรือซอฟต์แวร์ที่เชี่ยวชาญ ควรใส่เป็นระดับความสามารถเช่นกัน

9. รูปถ่าย (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
รูปถ่ายเป็นทางเลือกให้ผู้ว่าจ้างได้เห็นภาพของคุณเบื้องต้น ไม่จำเป็นต้องเป็นสไตล์รูปติดหน้าบัตรทางการ บางสายงานต้องการเห็นภาพผู้สมัครก่อน โดยที่คุณสามารถยิ้มให้รูปออกมาดูน่ามองได้

วิธีทําเรซูเม่สมัครงานด้วยโปรแกรม MS Word

Microsoft Word มี Resume Template สำเร็จรูปให้คุณเลือกทำเรซูเม่สมัครงานได้โดยไม่ต้องจัดหน้ากระดาษใหม่ แต่ละรูปแบบสวยงามและเป็นทางการเพียงพอที่จะสมัครงานในทุกสายอาชีพ มีวิธีทำเรซูเม่ดังนี้

...

  • เปิดโปรแกรม Microsoft Word
  • คลิก New
  • คลิกเลือก Resume Template ที่ต้องการ
  • คลิกแก้ไขช่องที่ต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูล
  • บันทึกไฟล์เป็น .pdf เพื่อส่งต่อให้ผู้รับ

เมื่อสร้างเรซูเม่เสร็จแล้วและอย่าลืมตรวจสอบคำผิด รวมถึงตัวสะกด เรซูเม่ที่ดีควรมีข้อมูลชัดเจน หน้าตาทันสมัย ส่วนที่ใส่ประวัติการศึกษา และประสบการณ์ต้องอ่านง่าย รวมถึงมีเบอร์โทรศัพท์หรืออีเมล ให้ติดต่อกลับต้องชัดเจน

คำที่เกี่ยวข้องคือ CV ย่อมาจาก Curriculum Vitae มีความแตกต่างกันก็คือ CV มักจะมีรายละเอียดเยอะกว่าจนใส่ในกระดาษ A4 ใบเดียวไม่จบ มักใช้ในธุรกิจอาชีพเฉพาะทางที่ต้องมีใบอนุญาต เช่น วิศวกร, สถาปนิก, แพทย์ หรือใช้สมัครงานในบริษัทสัญชาติอเมริกาเพราะเป็นที่นิยม


ไม่ว่าบริษัทจะรับสมัครด้วยวิธีการใดก็ตาม หากตำแหน่งงานนั้นไม่ได้เปิดรับก็จะไร้โอกาสเรียกสัมภาษณ์ ดังนั้นหากจะส่งอีเมลสมัครงานควรโทรศัพท์สอบถามว่าตำแหน่งงานนั้นยังเปิดรับอยู่หรือเปล่า และเมื่อส่งอีเมลแล้วก็ต้องโทรเช็กอีกทีว่าผู้รับได้รับหรือไม่ เพียงเท่านี้ก็ผ่านด่านแรกแล้วครับ

ที่มา : Jobscan.co