ทุกๆ เช้า ผู้คนที่รัฐเพนซิลเวเนียจะชมรายงานข่าวโควิด-19 อัปเดตสดจากตัวแทนทางการแพทย์ของภาครัฐ พวกเขาเห็นผู้สูงวัย รูปร่างใหญ่ ผมยาวประบ่า และใส่แว่น กำลังอยู่ในอาการสงบ ไม่ตระหนก พวกเขากำลังมองไปที่ตัวแทนของภาครัฐคนนี้ที่ตอบคำถามสื่อมวลชนได้ชัดเจนทุกข้อเสมอ

ราเชลเป็นแพทย์ นักบริหาร ผู้เชี่ยวชาญสาธารณสุข นักรณรงค์ มีลูกสองคน เป็นหนึ่งในผู้นำทีมสู้โรคระบาดเพื่อประชาชนของรัฐแห่งนี้ และเป็น “กะเทย”

แม้จะดำรงตำแหน่งมือขวาด้านสาธารณสุขของผู้ว่าการรัฐ “ทอม วูล์ฟ” (Tom Wolf) และได้รับความไว้วางใจสูงสุดในการตัดสินใจและออกมาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันชีวิตชาวเพนซิลเวเนียจำนวนกว่า 13 ล้านคนพอๆ กับคนกทม. ราเชลก็ยังคงต้องเผชิญกับการต่อต้านจากผู้ที่เกลียดชังคนหลากหลายทางเพศ (LGBT) กระทั่ง…ทุกวันนี้

อเมริกันชนบางคนยังคงตั้งคำถามว่า ทำไมเอาคน “ป่วยทางจิต” อย่าง “กะเทย” มาทำหน้าที่ที่สำคัญครั้งนี้?

...

อีกทั้งในประเด็นข่าว หรือคลิปวิดีโอ ก็ยังคงมี “Bully Comments” ไหลเข้ามาเสมอเมื่อเธอออกอากาศ กลุ่มคนที่หัวอนุรักษ์นิยมมากๆ ยังคงชี้นิ้วไปที่ LGBT แล้วบอกว่า คนกลุ่มนี้แหละที่นำ “โควิด-19” มาทำลายล้างโลก

เธอให้สัมภาษณ์สื่ออย่างใจเย็นว่า การกล่าวโทษ LGBT ว่าเป็นสาเหตุของโรคระบาดนั้น เป็นเพียงคำกล่าวของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริง สถานการณ์โรคระบาดไม่ได้เกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา

และยิ่งตัวเลขติดเชื้อของประชากรในรัฐนี้พุ่งไปถึง 21,655 คน (ตัวเลขเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2020) มีผู้เสียชีวิตแล้ว 494 คน การทำงานของ ดร.ราเชล ในวัย 61 และเป็นกลุ่มเสี่ยงติดโควิด-19 นั้น จึงพบแต่ความกดดัน

ทุกๆ วันเธอต้องรับมือกับประเด็นหนักหน่วงเช่นนี้ 7 วันต่อสัปดาห์ แต่ละวัน เธอเริ่มประชุมกับทีมตอนเจ็ดโมงเช้า อัปเดตสถานการณ์ ไปประชุมกับอีกหลายหน่วยงาน รวมถึงต้องเตรียมข้อมูลเพื่อแจ้งประชาชนให้ทันท่วงที และรักษาสถานการณ์ไว้ให้ดีที่สุด

เธอยังบอกว่า เธอเข้าใจดี การเป็น “ทรานเจนเดอร์” และต้องมาทำงานในภาวะฉุกเฉินที่ใครๆ ก็ต่างหวาดผวา และกังวลถึงอนาคตที่ดูแสนจะมืดมนผู้คนย่อมตั้งคำถามแน่นอน และยิ่งเธอเป็นบุคคลที่ต้องมาพบสาธารณชนทุกๆ วัน ย่อมมีคนไม่ชอบหน้าบ้าง…ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

สำหรับผลงานโดดเด่นของหมอราเชลนั้น ปัจจุบันดำรงตำแหน่งสูงสุดของรัฐในฐานะ Secretary of Health เรียกได้ว่า มีเพียงเธอคนเดียวในตอนนี้ที่เป็น Transgender (สตรีข้ามเพศ) ที่ได้มาอยู่ในจุดสูงสุดทางงานภาคบริหารของรัฐ โดยเข้าร่วมในทีมบริหารของผู้ว่า ทอม วูล์ฟ ในปี 2015 และได้รับมติเป็น “เอกฉันท์” จากวุฒิสมาชิกให้ทำหน้าที่ด้านความมั่นคงทางสาธารณสุขให้แก่รัฐแห่งนี้

จึงไม่น่าแปลกที่เธอถูกจับตาเป็นพิเศษ แม้เธอจะทำงานด้านนี้มาห้าปีแล้วก็ตาม

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เธอกับผู้ว่าการรัฐฯ และทีมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตัดสินใจใช้มาตรการเร่งด่วน สั่งปิดโรงเรียน และสถานที่ไม่จำเป็นทันที พร้อมทั้งรณรงค์ให้ผู้คนป้องกันตัวเองด้วยการอยู่บ้าน และรักษาความสะอาด รวมถึงยังได้ผลักดันและออกมาตรการจำเป็นอื่นๆ อย่างฉับไว และรวดเร็ว

"Stay home, stay calm, and stay safe." คือคำพูดที่เธอพูดบ่อยๆ เวลาออกสื่อ

การทำงานของรัฐนี้ที่มีเธอและผู้ว่าการรัฐฯ “แบกหน้า” รับผิดชอบอยู่ ได้รับความชื่นชมในผลงานว่า เป็นรัฐที่ตื่นตัวไว มีแผนการรองรับด้านต่างๆ ล่วงหน้า และเป็นที่รู้กันดีว่า รัฐเพนซิลเวเนียอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูงเพราะอยู่ติดกับนิวยอร์ก ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในโลก และมีอัตราการเสียชีวิตสูงที่สุดในโลกเช่นกัน

...

ทางด้านประวัติการศึกษาดีเด่นนั้น จบจาก Harvard College และ The Tulane University School of Medicine ด้านกุมารแพทย์ วัยรุ่น และจิตเวชวัยรุ่น เคยเป็นแพทย์ฝึกหัดที่ New York City's Mount Sinai Medical Center และยังดำรงตำแหน่ง ประธาน Association of State and Territorial Health Officials

นอกจากนี้ เคยสอนหนังสือให้กับสาขากุมารแพทย์และจิตเวชให้ Penn State College of Medicine และยังเป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับสารทำยาแก้ปวด และเรื่องสุขภาวะของกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ

ไม่อยากถูกเรียกว่า “หมอกะเทย” หรือ “กะเทยเป็นหมอ”

ราเชล เคยใช้ชื่อว่า ริชาร์ด วัยมัธยมจบที่โรงเรียนชายล้วนในบอสตัน เคยเป็นนักฟุตบอล แต่ไม่ชอบกีฬาชนิดนี้เพราะมีการปะทะกัน และไม่อยากทำให้ใคร “บาดเจ็บ”

พอเข้ามหาวิทยาลัยในปีเกือบสุดท้าย “ริชาร์ด” ตัดสินใจแต่งงาน และมีบุตร 2 คน เขาแยกทางกับภรรยาในเวลาต่อมา ปัจจุบันลูกของเขาอยู่ในวัยมหาวิทยาลัย

ราเชลในปัจจุบัน ต้องการให้ชีวิตแต่งงานที่ผ่านมาเป็นอดีต โดยไม่เอ่ยชื่ออดีตภรรยาแต่อย่างใด

ในช่วงที่ต้องตัดสินใจแล้วว่า ต่อไปนี้คงไม่มีริชาร์ดอีก การปรับเปลี่ยนตัวตนก็เริ่มขึ้น เขาใช้เวลาศึกษาอย่างหนักในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาเล่าว่า เขารู้สึกตัวว่า ข้างในเป็นผู้หญิง แต่ก็ไม่ให้ความสำคัญ โดยเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบผู้ชายที่ต้องแต่งงานและสร้างครอบครัว

...

พอเขาตัดสินใจ เขาเริ่มไว้ผมยาว เปลี่ยนการแต่งตัว เขาวางแผนบอกคนรอบข้างถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต แต่เขาเลือกที่จะบอกมารดาเป็นคนสุดท้าย โชคดีที่เธอรับได้ว่า ต่อไปนี้จะมีลูกสาวชื่อ ราเชล แทน

คุณแม่ในวัย 91 เมื่อรู้ความจริง บอกว่า “ตอนนั้นที่มีลูก ยังเคยคิดว่า ถ้าได้ลูกสาวจะให้ใช้ชื่อ ราเชล”

การที่เธอเป็นทรานเจนเดอร์ และต้องรับหน้าที่สำคัญ ทั้งยังเป็นแพทย์ เธอย้ำว่า เธออยากจะขอบคุณสื่อที่ไม่ได้พาดหัวว่า หมอกะเทย หรือกะเทยเป็นหมอ ในการสื่อสารกับประชาชน เพราะตัวตนของเธอไม่น่าจะเกี่ยวกับการงานและความรับผิดชอบที่เธอได้รับ

ในสถานการณ์โควิด-19 ที่ทุกคนต้องทำงานอย่างหนัก ผู้คนตกงาน และบุคลากรทางการแพทย์เสี่ยงที่จะเสียชีวิต นักข่าวถามราเชลว่า คุณอยากจะบอกอะไรทิ้งท้ายมั้ยในฐานะคนทำงานเพื่อให้คนอื่นๆ รู้

“ความหวังค่ะ ความหวังคือสิ่งสำคัญ ฉันเชื่อว่า เราต่างต้องมุ่งหวังถึงอนาคตกัน…”

แหล่งที่มา : The Washington Post, The Advocate, Langcaster Online, Commonwealth Media Service, Popos.org และ Philly Magazine