ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีหลักฐานต่างๆ มากมายสะสมขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแสดงว่าการอักเสบเป็นต้นตอของโรคที่เราเผชิญอยู่ ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสมองเสื่อม โรคหัวใจ อัมพฤกษ์ ตามต่อไปถึงแม้กระทั่งมะเร็ง

จนกระทั่งถึงโรคทางอารมณ์จิตตก หดหู่ซึมเศร้า และภาวะภูมิคุ้มกันวิปริต แปรปรวน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นทั้งตัวตั้งแต่หัวจดเท้า อย่างโรคพุ่มพวง หรือเฉพาะอวัยวะ เช่นที่ผิวหนัง โรคสะเก็ดเงิน โรคทางสมองไม่ว่าเกิดจากการติดเชื้อหรือไม่ติดเชื้อก็ตาม ล้วนแล้วแต่ผ่านกระบวนการการอักเสบไม่ว่าจะเป็นชนิดว่องไวแต่ไม่จำเพาะ (innate) หรือชนิดแบบจำเพาะเจาะจง (adaptive)

กระบวนการพิสูจน์ ความสำคัญของการอักเสบนี้ ยกตัวอย่างเช่น ในเรื่องของโรคหัวใจที่มีเส้นเลือดหัวใจตีบตัน และเมื่อก่อนคิดว่าสามารถ อธิบายจากไขมันเลว และต้องกำจัดไขมันเลวให้ได้ โดยการลดระดับไขมันเลว ที่เรียกว่า LDL ให้ต่ำเตี้ยมากที่สุด ถึง 30 ในคนที่มีเส้นเลือดหัวใจตีบหรือตัน

ความรู้เรื่องการอักเสบที่ทำให้เกิดโรคหัวใจเริ่มทราบกันในปี 1997 (วารสารนิวอิงแลนด์) และในปี 1998 โดยการศึกษาค่าการอักเสบที่เรียกว่า CRP (C reactive protein) ที่สามารถบอกความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ (วารสารระบบหลอดเลือด circulation) และจวบจนกระทั่งในปี 1998 จึงพบว่ายาลดไขมันที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ที่เรียกว่า สเเตติน (statins) แท้จริงมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบอยู่ด้วย

...

และประสิทธิภาพของยาลดไขมันนี้อยู่ที่กลไกทั้ง 2 อย่าง

อย่างไรก็ตาม การค้นพบว่าการอักเสบโดดๆ ส่งผลทำให้เส้นเลือดหัวใจและสมองตันนั้นมาทราบกันในปลายปี 2017 โดยที่นำผู้ป่วยมากกว่า 10,000 รายใน 39 ประเทศซึ่งล้วนแล้วแต่เคยมีเส้นเลือดหัวใจตันแล้วทั้งสิ้นและขณะนั้นได้รับการรักษาอยู่อย่างเข้มข้นด้วยยาป้องกันเส้นเลือดตีบและยาลดไขมันจนระดับไขมันอยู่ประมาณ 100 คนป่วยเหล่านี้มีค่าระดับของการอักเสบอยู่สูงกว่าคนปกติ แต่เมื่อได้ยาลดการอักเสบในระบบเฉียบพลันว่องไวดังที่กล่าวไปข้างต้น ปรากฏว่าสามารถลดอัตราที่เกิดโรคเส้นเลือดตีบใหม่ได้ 30% อีกทั้งยังพบว่ายังสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งได้ทุกชนิดถึง 50% และลดการเกิดมะเร็งปอดได้ 77%

นอกจากนั้นในรายงานอื่นๆ พบว่าผู้ป่วยที่เป็นโรครูมาตอยด์ และได้ยากดภูมิ กดการอักเสบ ลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้เช่นกัน

ในเรื่องของอาหารการกินในปลายปี 2017 มีกระบวนการศึกษาในหลาย 10 ประเทศทั่วโลกโดยพบว่าการลดแป้งลง ทั้งนี้ ถ้าพูดถึงในคนไทยก็คือ ลดข้าว ข้าวเหนียว ก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง มันเทศ มันสำปะหลัง มันฝรั่งทั้งหมด แต่ต้องกินผัก ผลไม้และกากใยวันละกระบุงหนึ่ง ประมาณ 400 กรัมและแน่นอนคือลดการกินเนื้อของสัตว์ที่เดินอยู่บนดิน อนุโลมกุ้ง หอย ปู ปลาได้ และเพิ่มไขมันอิ่มตัวได้ถึง 13%

โดยทั้งนี้พลังงานที่ได้จากไขมันนั้นอาจสูงถึง 30% ช่วยชีวิตยืนยาวได้

ในปี 2019 นี้เอง ในคนที่มีเส้นเลือดหัวใจตันแล้ว ยังพบว่าการใช้ยาปวดข้อเกาต์ colchicine ที่รู้จักกันมาเนิ่นนานหลาย 10 ปี และราคาถูก สามารถลดความเสี่ยงของการที่เส้นเลือดหัวใจจะตันใหม่ได้อีก ทั้งนี้เป็นการพิสูจน์ซ้ำโดยใช้หลักการเดียวกันกับที่มีการพิสูจน์มาก่อนหน้าในปี 2017

โดยที่ในปี 2017 นั้นเป็นการใช้ยาที่ราคาแพงมหาศาล

ในด้านทางสมองเสื่อมนั้น ไม่ว่าจะเป็นชื่ออัลไซเมอร์ พาร์กินสัน หรือที่มีชื่อแปลกประหลาดหลายชื่อนั้น ต่างก็เกิดจากกลไกโปรตีนบิดเกลียวคล้ายกัน ซึ่งสามารถส่งผ่านจากอวัยวะหนึ่งเช่นจากลำไส้ไปยังสมองและจากสมองส่วนหนึ่งไปยังส่วนอื่นๆ โดยมีรูปแบบ จำเพาะเจาะจงว่าจะเริ่มที่ไหนจะไปที่ไหนต่อ จึงเป็นการกำหนดรูปแบบการแสดงออกของสมองเสื่อมที่มีชื่อต่างๆกันว่าจะเริ่มมีอาการใดก่อนและตามต่อด้วยอาการอะไรอีก

...

การอักเสบนี้ ที่เริ่มจากในลำไส้นั้น เกิดจากอาหารการกินที่นอกเหนือจากอาหารสุขภาพดังข้างต้น รวมกระทั่งถึงสารเคมีในการเกษตรทั้งหลาย และสารเคมีที่ใช้ในการเก็บอาหารกันบูดกันเสีย และการใช้ยาปฏิชีวนะมากเกินไป เหล่านี้จะทำให้เกิดการอักเสบโดยตรงหรือโดยอ้อม โดยไปทำให้แบคทีเรียหรือจุลินทรีย์ในลำไส้กลายเป็นตัวดุร้ายและก่อให้เกิดการอักเสบซ้ำซ้อน ผนังลำไส้รั่วและทำให้การอักเสบไปกระทบกระเทือนต่อผนังหลอด-เลือดทั่วร่างกาย ถึงแม้ว่าในระยะแรกจะไม่ถึงกับตันก็ตาม (แต่กระพือให้ไขมันเลวทำร้ายเส้นเลือดได้ถนัดถนี่ขึ้น ซึ่งปล่อยให้ไขมันเลวแทรกตัวเข้าไปในผนังเส้นเลือด แล้วจะก่อให้เกิดการอักเสบซ้ำสองในผนังเส้นเลือดอีก)

แต่รบกวนการส่งผ่านสารสำคัญ ที่ต้องผ่านผนังเส้นเลือดไปยังอวัยวะต่างๆ รวมทั้งในสมองหรือทำให้ผนังเส้นเลือดยอมปล่อยให้การอักเสบและสารเคมีที่อันตรายเข้าสมองได้โดยตรง และกลับไปกระตุ้นสมองให้สร้างโปรตีนบิดเกลียวที่ผิดปกติไปมากขึ้น ทำให้เซลล์สมองตาย

การอักเสบในลำไส้ยังกระตุ้นให้เซลล์ที่บุผนังลำไส้สร้างโปรตีนบิดเกลียว ที่เป็นตัวการทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมโดยเคลื่อนไปตามเส้นประสาทจากลำไส้เข้าสู่สมอง

สารที่ก่อให้เกิดการอักเสบนี้เป็นสิ่งที่เราได้รับสัมผัสทุกเมื่อเชื่อวัน รวมทั้งฝุ่นละอองพิษ PM 2.5 และสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีผลกระทบจริง แม้ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหกถึงแปดสัปดาห์ (วารสารระบบหลอดเลือด 2019)

...

โดยศึกษาในเด็กหนุ่มสาวจากสหรัฐฯที่ไม่ได้สูบบุหรี่และเดินทางไปยังประเทศจีนซึ่งในขณะนั้นในปี 2014 และปี 2015 มีมลพิษหนาแน่นมากกว่าในลอสแอนเจลิส จากการตรวจความเปลี่ยนแปลงในเลือดที่ก่อให้เกิดกระบวนการเส้นเลือดตัน พบว่าดัชนีทางชีวภาพที่แสดงการทำให้เกิดผลร้ายเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างชัดเจน แต่ค่อยๆลดลง เมื่อเด็กกลับมาสู่ภาวะอากาศปกติ

ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโรคหดหู่ซึมเศร้า (major depressive disorder) ที่โน้มนำไปสู่การฆ่าตัวตาย (วาร-สาร neurology neurosurgery psychiatry 2019) ซึ่งในปัจจุบันมีหลักฐานมากขึ้นเรื่อยๆว่า การอักเสบมีส่วนเกี่ยวพันหรือสัมพันธ์กับการเกิดโรคหดหู่ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเกิดจากการอักเสบในระบบเฉียบพลันว่องไวหรือจะเกิดขึ้นในอีกระบบหนึ่งก็ตาม ทั้งนี้ เมื่ออาการหดหู่ดีขึ้น ระดับการอักเสบเหล่านี้จะแปรผันลดลงตามกันไปด้วย นอกจากนั้นยาต่างๆที่มีผลในการลดการอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปลาโอเมก้า-สาม หรือยาลดไขมันสแต-ติน จนกระทั่งถึงยาเบาหวานบางชนิด (pio-glitazone) ยาละลายเสมหะ N-acety-lcysteine ยา modafinil ที่ใช้รักษาโรคม่อยหลับทันทีกะทันหัน narcolepsy ยาปฏิชีวนะ minocycline ยาแก้อักเสบ NSAID ก็มีผลช่วยทำให้อาการหดหู่ดีขึ้น

จากตัวอย่างที่ได้เรียนให้ทราบคงพอจะเห็นภาพได้ว่าถ้าสามารถป้องกันและควบคุมการอักเสบที่มาจากภายนอกไม่ว่าจากอากาศ อาหาร พืช ผัก ผลไม้ที่ปราศจากสารเคมี การควบคุมไม่ให้ท้องผูก การควบคุมการอักเสบจากภายในที่ได้จากการสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าหัวราน้ำ ใช้ยาฆ่าเชื้อโรคไม่สมเหตุสมผล

...

การที่ต้องรักษาโรคติดเชื้อเรื้อรังในตัว ไม่ว่าฟันผุ เหงือกอักเสบ ควบคุมโรคอักเสบเรื้อรังทั้งโรคข้อ และในร่างกายทั้งหมดถือเป็นเรื่องสำคัญและละเลยไม่ได้ และเป็นที่มาของการที่นำกัญชามาใช้ในการป้องกัน ควบคุม รักษาโรคด้วยกัญชาสามารถควบคุมการอักเสบได้ทั้งสองระบบ

แต่สิ่งที่ควบคุมได้ยาก คือตัวการที่ทำให้เกิดมลภาวะพิษและการอักเสบนั่นคือ กระทรวง ทบวง กรม รัฐบาล ที่มีหน้าที่โดยตรงในการควบคุมมลพิษ มลภาวะและทำให้มีอาหารปลอดภัยให้กับประชาชนคนไทย ก็ยังทำงานกันไม่เป็นเรื่องเป็นราวช่วยตัวเองกันเถิดครับ.

หมอดื้อ