การศึกษาถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่พ่อแม่ทุกคน ให้ความสำคัญ พ่อแม่ ทุกท่านย่อม อยากให้ลูกเรียนเก่ง อยากให้ลูกฉลาด อยากให้ลูกสอบเข้าโรงเรียนที่ดีๆได้ เพราะการสอบเข้าเรียนต่อในโรงเรียนที่ดี และมีชื่อเสียงนั้น ย่อมเป็นการปูทาง ทางด้านวิชาการ ทางสังคมที่ดีให้กับลูกๆและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในอนาคตให้มากขึ้น ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่ทุกวันนี้มีคอร์สเรียน ติวสอบเข้า ป1 ติวเข้าสาธิต เช่น ติวเข้า สาธิตจุฬา สาธิตประสานมิตร สาธิตเกษตร หรือ คอร์สเรียนติวสอบเข้า ม1 สาธิตปทุมวัน สวนกุหลาบ มากมายให้เด็กๆได้เรียน ได้เตรียมตัวฝึกฝน เพื่อเตรียมความพร้อมในสนามสอบได้อย่างมั่นใจ

วันนี้เราได้พาผู้อ่านทุกท่าน มาเข้าสู่โลกทางวิชาการด้านการศึกษาของเด็กๆ มาพูดคุยกับ คุณหมอ พญ.ธวลิดา เวชชวณิชย์ (คุณหมอยูมิ) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก แพทย์เจ้าของโรงเรียนเสริมสร้างพัฒนาการสมอง และอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ DoctorKidSchool หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ โรงเรียนบ้านคุณหมอ ” ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่านที่ อยากให้ลูกเรียนเก่ง อยากให้ลูกฉลาด อยากให้ลูกติว เพื่อสอบเข้าเรียนต่อในสถาบันที่มีชื่อเสียงได้ ให้ความไว้วางใจมานานหลายปี เราจะมาคุยกับคุณหมอว่า พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรวางแผน แนะนำ เตรียมตัวลูกอย่างไรในการสอบ, เด็กๆควรเตรียมตัวอย่างไรถึงเรียนเก่ง สอบได้ โดยไม่เครียด และมันจำเป็นไหม ที่จะต้องติว เรียนพิเศษ ถึงจะสอบเข้าได้ หลายคำถามที่พ่อแม่ ผู้ปกครองถามมา วันนี้เรามาหาคำตอบกันคะ

คุณหมอเล่าว่า เนื่องจากสมัยที่คุณหมอเป็นเด็กๆ คุณหมอเคยผ่านประสบการณ์ติวสอบเข้า ผ่านความรู้สึก ชอบ สนุก กดดัน เหนื่อย ดีใจ เสียใจ ผ่านทุกความรู้สึกมาหมดแล้ว จนกระทั้งสอบเข้าได้ใน คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล และหลังเรียนจบ ก็ได้รับทุนไปศึกษาต่อเฉพาะทางด้านผิวหนัง ที่ประเทศญี่ปุ่น จนเรียนจบเป็นคุณหมอผิวหนัง เป็นแพทย์หัวหน้าศูนย์ความงาม รพ.ชื่อดัง มีคลินิกความงามของตัวเอง และเป็นแพทย์ที่ปรึกษาให้กับแบรนด์เครื่องสำอางชั้นนำหลายๆ แบรนด์ หลังจากเริ่มตั้งครรภ์และมีลูกฝาแฝดชาย-หญิง เนื่องจาก อยากให้ลูกเรียนเก่ง อยากให้ลูกฉลาด อารมณ์ดี มีความสุข แต่ไม่เครียด ไม่กดดัน จึงหันมาสนใจด้านพัฒนาสมอง EF ของเด็ก และได้ฝึกอบรมเรียนต่อยอดด้านผิวหนังเด็ก และพัฒนาการเด็กเพิ่มเติม ทำให้ทราบถึงความต้องการและปัญหาของพ่อ แม่ ว่าต้องพบเจอกับอะไรบ้าง จะมีวิธีแก้ไขอย่างไร “ ทำอย่างไรให้ลูกเรียนเก่ง ฉลาด อารมณ์ดี มีความสุขและสอบได้ ”

คุณหมอเล่าว่า จากประสบการณ์ที่ได้คลุกคลีอยู่ในวงการเด็กและเปิดโรงเรียนสอนติวเด็ก เพื่อสอบแข่งขันในทุกสนามสอบ เช่น ติวสอบเข้าสาธิต ป1 ติวสอบเข้าสวนกุหลาบ ม1 ติวแข่งขันโอลิมปิก วิชาการ ระดับประถม หรือ ติวพัฒนาความเป็นเลิศทางวิชาการ เสริมสร้างพัฒนาการสมอง วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ เด็กที่มาเรียนมีหลากหลาย มาจากทั้งโรงเรียนไทย และ โรงเรียนอินเตอร์ พ่อแม่ส่วนใหญ่ ที่มาปรึกษา จะมีปัญหาคล้ายๆกัน คือ อยากให้ลูกเรียนเก่ง อยากให้ลูกฉลาด แต่ลูกติดเล่น ลูกไม่ยอมเรียนหนังสือ พอให้ไปโรงเรียน ให้ทำการบ้านลูกจะงอแง ไม่รู้จะทำอย่างไรดี พ่อแม่ก็อยากให้ลูกสอบได้คะแนนดีๆ สอบเข้าเรียนต่อได้ แต่ถ้าให้ลูกเรียนเยอะๆ ก็กลัวลูกเครียด กลัวลูกเป็นเด็กเก็บกด ไม่มีความสุข ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี จึงส่งลูกมาเรียนกับคุณหมอ ให้คุณหมอช่วยแก้ปัญหาให้ ว่าจะทำอย่างไรดีลูกถึงเรียนเก่ง ฉลาด สอบได้โดยไม่เครียด คุณหมอบอกว่า เด็กอนุบาล-ประถม โดยส่วนใหญ่จะยังไม่ทราบถึงเหตุผลของการเรียนเก่ง การอ่านหนังสือว่า มันดีอย่างไร ทำไมต้องทำ ทุกคนชอบเล่น ชอบสนุก เพราะการเล่นเป็นสิ่งเร้าที่กระตุ้นอารมณ์ ความรู้สึก ได้ดีและเร็วกว่า การนั่งนิ่งๆ นั่งเรียน นั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะ การที่จะทำให้เด็กคนหนึ่ง รักในการเรียน การเขียน การอ่าน ควรทำให้เด็กรู้สึกอยากทำ อยากเรียนเก่งด้วยตัวเด็กเอง ไม่ใช่ทำเพราะถูกบังคับ เพราะเมื่อไรที่ถูกบังคับ สิ่งที่ออกมาจะไม่เป็นผลดี เด็กจะอึดอัด เครียด เพราะไม่ได้ออกมาจากนิสัยและตัวตนของเขาเอง เทคนิคที่ทางคุณหมอแนะนำให้พ่อ แม่ ผู้ปกครองที่ อยากให้ลูกเรียนเก่ง อยากให้ลูกฉลาด ฝึกลูกคือ พยายามฝึกสิ่งที่ดีๆ เช่น การรักการเรียน การอ่าน ฝึกให้ลูกเป็นคนช่างคิด ช่างสังเกต การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องเรียนแต่ในตำรา เราสามารถสอนเด็กๆจากสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวฝึกความเก่งรอบด้านได้ การฝึกคิด ฝึกเรียนรู้ ฝึกสังเกต จากสิ่งต่างๆที่ได้พบเห็นในชีวิตประจำวัน จะทำให้เด็ก รู้สึกสนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา เป็นการฝึกการพัฒนาสมอง EF ไปในตัว โดยที่เด็กไม่ได้ถูกบังคับให้อยู่กับตำราเพียงอย่างเดียว การที่เขาฝึกเรียนรู้ไปเรื่อยๆ อ่านอะไรแล้วเข้าใจ ถามอะไรแล้วตอบได้ เขาจะมั่นใจในตัวเอง เขาจะรู้สึกว่าตัวเองเก่ง ทำได้ เขาจะอยากรู้ อยากเรียน อยากอ่าน อะไรเพิ่มขึ้นด้วยตัวเอง โดยที่พ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ต้องบังคับ การฝึกให้คิด ให้เรียนรู้ ควรฝึกให้เป็นนิสัยติดตัวของเขา เพราะเมื่อไรที่มันเป็นนิสัยของเขาแล้ว เขาจะทำออกมาอย่างอิสระ ทำอย่างมีความสุขและเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ

สำหรับทางโรงเรียน DoctorKidSchool โรงเรียนบ้านคุณหมอ ที่คุณหมอดูแลอยู่ คุณหมอจะฝึกทักษะความเก่งรอบด้าน ซึ่งแนวคิดหลักของโรงเรียนคือ เรียนเก่ง ฉลาด สอบได้ ไม่เครียด ทางโรงเรียนจะเน้นเนื้อหาทางวิชาการเป็นหลัก โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เชาว์ปัญญา ความรู้รอบตัว ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เพราะเป็นวิชาที่สำคัญที่ใช้ในการสอบเข้าแข่งขัน และเรียนต่อ แต่การเรียนการสอนของโรงเรียน จะเน้นให้นักเรียนเข้าใจ ไม่ใช่ท่องจำ ทุกอย่างมีที่มา มีเหตุผล ว่าเพราะอะไร ทำไมถึงต้องตอบแบบนี้ และนอกจากทำข้อสอบถูกต้องแล้ว เวลาก็เป็นสิ่งสำคัญ การสอบทุกสนามมีเวลากำหนด ว่าให้เวลาทำข้อสอบได้นานแค่ไหน ดังนั้น นักเรียนที่มาเรียนโรงเรียน DoctorKidSchool โรงเรียนบ้านคุณหมอ จะต้องทำข้อสอบได้ถูกต้องและรวดเร็วทันเวลา โดยที่ไม่รู้สึกกดดัน เพราะในขณะเรียน ทางโรงเรียนจะฝึกเด็กๆให้คุ้นชิน กับการทำข้อสอบ ฝึกคิดเลขเร็ว ฝึกมองและวิเคราะห์คำถามเพื่อหาคำตอบ นอกจากเนื้อหาทางด้านวิชาการแล้ว ทางโรงเรียน DoctorKidSchool โรงเรียนบ้านคุณหมอ ยังฝึกการสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ ฝึกให้เด็กๆคิดบวก คลายเครียด ลดความกดดัน เสริมสร้างพลังในทางบวกให้เด็กๆ ด้วย เด็กๆจะได้ผ่านจุดนี้ได้อย่างมีความสุข เก่ง และ ฉลาดได้โดยไม่เครียด คุณครูที่มาสอนที่โรงเรียน DoctorKidSchool โรงเรียนบ้านคุณหมอ ส่วนใหญ่เป็นคุณครูสาธิต คุณครูสวนกุหลาบ เป็นน้องๆ นักศึกษาแพทย์ นักศึกษาวิศวะ จากสถาบันชั้นนำ ที่ผ่านประสบการณ์ในสนามสอบต่างๆแล้วประสบความสำเร็จ คุณครูที่นี่ไม่เพียงแต่สอนเนื้อหาทางวิชาการเท่านั้น แต่คุณครูทุกคนที่นี่จะเป็นคนสร้างแรงบันดาลใจ สร้างพลังทางบวก ให้เด็กๆมีความสุขกับการเดินทางไปยังเป้าหมายที่เด็กๆใฝ่ฝันไว้ เพราะ คุณหมอเชื่อว่า แรงบันดาลใจ และพลังทางบวก มีผลต่อความมุ่งมั่น ความตั้งใจ ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้ประสบผลสำเร็จ

ส่วนคำถามที่พ่อแม่ ผู้ปกครองหลายท่านสงสัยว่า มีความจำเป็นไหมในการเรียนพิเศษเสริม เรียนในห้องเรียนอย่างเดียวไม่พอหรือ ตรงนี้คุณหมอตอบว่า การเรียนติวพิเศษ ติวสอบเข้า ป1 ม1 จริงๆเป็นการเรียนเสริม เพิ่มความเข้าใจและกระชับเวลาในการอ่านหนังสือของเด็กๆ ช่วยให้เด็กๆมองข้อสอบเป็น วิเคราะห์ข้อสอบได้ เพราะคุณครูจะช่วยสรุปเนื้อหาหลัก จับใจความสำคัญ ให้เด็กๆ ทำให้เด็กๆเข้าใจในเนื้อหาได้ดีขึ้น ทำให้เด็กที่เรียนดีอยู่แล้ว เรียนดียิ่งขึ้น และเด็กที่เรียนอ่อนเข้าใจในเนื้อหาเพิ่มขึ้น ทำให้เด็กๆ มีแรงบันดาลใจในการเรียนที่ดีขึ้น โรงเรียนแต่ละโรงเรียนมีมาตรฐานต่างกัน ถ้าเด็กๆมาจากโรงเรียนที่มีมาตรฐานการสอนที่ดี มีพ่อแม่ผู้ปกครองให้การส่งเสริม สนับสนุนในการกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ ขยัน มีวินัยในการเรียนดีและมีพลัง มีความมุ่งมั่นเดินทางตามความฝันตัวเอง อาจจะไม่ต้องมาติวพิเศษก็ได้ แต่ถ้าเด็กๆไม่มีวินัย ไม่มีความใฝ่รู้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง ไม่มีเวลา ไม่สอนกระตุ้นให้เด็กเกิดการเรียนรู้ อาจจำเป็นต้องมาติวพิเศษกับคุณครูมืออาชีพที่สามารถเข้าใจ และช่วยเหลือเด็กๆได้อย่างตรงจุด ทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ คุ้นชินในการทำแบบทดสอบ และสนุกในการเรียน โดยไม่เครียด ท้ายที่สุดนี้ คุณหมอยังฝากถึงน้องๆและพ่อ แม่ผุ้ปกครองทุกท่านว่า ช่วงวัยเด็กเป็นช่วงเวลาชีวิตที่มีความสุขที่สุด เป็นวัยที่เริ่มต้นของชีวิต การสอบได้ เป็นการบอกถึงความพร้อมของน้องๆ ณ ช่วงเวลานั้น แต่ไม่ได้เป็นการตัดสินอนาคตว่าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว คนที่สอบได้จะมีความสุขในชีวิตมากกว่า ดังนั้นการใช้ชีวิตในช่วงวัยเด็ก ให้มีความสุข จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก การเรียน การศึกษา การเล่น การทำกิจกรรมสันทนาการ ควรจะเดินไปควบคู่กัน ถ้าพ่อแม่เข้าใจ มีเวลาให้เขา ให้ความรัก ความอบอุ่น และส่งเสริมการเรียนอย่างถูกต้อง เด็กๆก็จะโตขึ้นมาเป็นเด็กที่ดี เป็นคนดี มีคุณภาพ มองโลกในแง่ดีและมีความสุขคะ

ขอขอบคุณ ข้อมูลบทความโดย

DoctorKidSchool ( โรงเรียนบ้านคุณหมอ ) สาทร กรุงเทพ
โรงเรียนเสริมสร้างพัฒนาการสมอง และอัฉจริยภาพทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์