“หลวงพ่อโต” วัดบางพลีใหญ่ใน จังหวัดสมุทรปราการ เป็นหนึ่งในตำนาน พระพุทธรูปสามพี่น้อง...หลวงพ่อวัดบ้านแหลม วัดบ้านแหลม จังหวัดสมุทรสงคราม อาราธนาขึ้นจากน้ำองค์ที่ 1 เป็น...องค์พี่...หลวงพ่อโสธรวัดโสธรฯ จังหวัดฉะเชิงเทรา อาราธนาขึ้นจากน้ำองค์ที่ 2 เป็น...องค์กลาง

“หลวงพ่อโต” วัดบางพลีใหญ่ใน อาราธนาขึ้นจากน้ำเป็นองค์ที่ 3 เป็น...“องค์น้อง”

คลื่นศรัทธาจากผู้คนหลั่งไหลไม่ขาดสาย ด้วยศรัทธาความเชื่อและไม่น้อยตั้งใจมาทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง ครอบครัว เพื่อนฝูง ญาติสนิทมิตรสหาย

คำบูชา “หลวงพ่อโต” ตั้งนะโม 3 จบ...อิมินาสักกาเรนะ พุทธะมหานุภาโว อิมินาสักกาเรนะ ธัมมะมหานุภาโว อิมินาสักกาเรนะ สังฆะมหานุภาโว อิเมยันตา มหาเตชา มหานุภาตะชาติกา

มหามังคะละ สัมพุทธา อันตราเยวินาสะกา สัพพะถะสุขะ สัมพุทธา อเนกาคุณันตา นานัปปะโก สัพพะทุกขัง สัพพะภะยัง สัพพะโรคัง วินาสสันติ สัพพะลาภัง สัพพะสุขัง ภะวันตุเมฯ

หลวงพ่อโต...เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เบิกเนตร ขัดสมาธิ ศิลปะสมัยสุโขทัย ตามประวัติเล่าว่า กว่า 200 ปีล่วงมาแล้ว มีพระพุทธรูป 3 องค์บังเกิดปาฏิหาริย์ไหลล่องมาตามลำน้ำเจ้าพระยาประมาณการกันว่า...ชาวบ้านสมัยอยุธยาอาราธนาท่านลงสู่แม่น้ำเพื่อหลบหลีกข้าศึกศัตรูที่เข้ารุกรานสยามประเทศ

...

ราวปาฏิหาริย์เมื่อหลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปองค์สุดท้ายที่ลอยวกกลับเข้ามาในคลองสำโรงจนชาวบ้านได้พบเห็นต่างเป็นที่อัศจรรย์ใจในความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน มุ่งหมายอาราธนาให้ขึ้นที่ปากคลองสำโรง แต่ปรากฏว่าพระพุทธรูปไม่ไหวติงใดๆทั้งสิ้น กระทั่งผู้มีปัญญาคนหนึ่งได้ออกความเห็นว่า คงฉุดลากขึ้นฝั่งไม่สำเร็จเป็นแน่แท้ เห็นควรที่จะเสี่ยงทายต่อแพผูกชะลอกับองค์พระเอาไว้แล้วใช้เรือพายฉุดให้ลอยมาตามลำน้ำ

พร้อมอธิษฐานกันว่า “หากท่านประสงค์จะขึ้นโปรดที่ใด ก็ขอจงได้แสดงอภินิหารให้แพที่ลอยมาจงหยุด ณ ที่แห่งนั้นเถิด”...ประเด็นที่น่าประหลาดอาจด้วยความบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบได้ เรือพายที่ใช้ลากจูงนั้นล้วนมีชื่อที่แปลกหู อาทิ ม้าน้ำ เป็ดน้ำ ตุ๊กแก พร้อมๆกันนี้ยังมีการจัดให้มีละครเจ้ากรับ รำถวาย รวมถึงมีการละเล่นอื่นๆ ครื้นเครงมาตลอดทั้งลำน้ำ

ครั้นมาถึงบริเวณหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม หรือ “วัดบางพลีใหญ่ใน” ปรากฏว่าแพที่ผูกชะลอองค์ท่านก็เกิดหยุดนิ่ง แม้ว่าจะมีความพยายามที่จะออกแรงจ้ำ...พายเพื่อจะไปต่อ แต่ก็หาขยับเขยื้อนใดๆไม่

แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจและประหลาดใจกับผู้คนที่อยู่ร่วมในขบวนเป็นที่ยิ่ง ต่างพากันก้มกราบนมัสการด้วยความเคารพศรัทธา รวมใจตั้งจิตอธิษฐานว่า “ถ้าหลวงพ่อจะโปรดคุ้มครองชาวบางพลีให้ได้รับความร่มเย็นเป็นสุขแล้วก็ขออาราธนาอัญเชิญหลวงพ่อท่านให้ขึ้นจากน้ำโดยง่ายเถิด”

แล้ว...ก็เกิดปาฏิหาริย์ อย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยกำลังคนไม่มากนักก็สามารถอาราธนาพระพุทธรูปขึ้นไปประดิษฐานในพระวิหารได้ เพียงแต่ต้องรอเข้าทางข้างวิหารเพราะยังสร้างไม่เสร็จบวกกับประตูก็มีขนาดเล็ก

ว่ากันตามศรัทธา...ความเชื่อ “หลวงพ่อโต” มีความศักดิ์สิทธิ์มากมายยิ่งนัก เล่าลือกันในเรื่องรักษาอาการเจ็บไข้ เช่นว่าเมื่อนำน้ำพระพุทธมนต์ไปรักษาเพื่อเป็นสิริมงคล ก็ปรากฏเห็นผลว่าอาการได้ทุเลาเบาบางถึงขั้นหายเป็นปกติได้เลยทีเดียวเชียว

...

หรือ...แม้กระทั่งเหรียญเช่าบูชาก็เลื่องลือว่าศักดิ์สิทธิ์นักแล ชาวบ้านนำมาสวมใส่แก่บุตรหลาน เล่าลือต่อๆกันมาว่าเมื่อพลัดตกลงไปในน้ำกลับลอยตัวได้โดยไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด จริงเท็จประการใดไม่ทราบได้ว่าจะมีใครกล้าท้าพิสูจน์หรือเปล่า

ยิ่งไปกว่านั้น ราวๆกลางปี 2520 องค์พระซึ่งเป็นทองคำสำริดกลับนิ่มเฉกเช่นเนื้อมนุษย์จนเป็นข่าวดังแพร่สะพัดในสื่อหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ แน่นอนว่าชาวบ้านผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในองค์หลวงพ่อโตจากทั่วทุกสารทิศก็ต่างเดินทางพากันมาชื่นชมบารมี

ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่ออีกว่า...วันเวลาผ่านไปอีกเพียงสองปีเท่านั้นก็เกิดปรากฏการณ์ดังเช่นที่ว่ามาข้างต้นนี้อีกครั้ง นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ สุดมหัศจรรย์ใจจริงๆ

...

ไม่ว่าในวันวานหรือวันนี้ “ชาวบางพลี” ต่างศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ บารมี “หลวงพ่อโต” ที่คุ้มครองชาวตลาดบางพลีให้อยู่รอดปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นภัยทางธรรมชาติ ภัยจากอุบัติเหตุไฟไหม้ รวมถึงภัยทางเศรษฐกิจที่แม้ว่าใครที่คิดดี ทำดี ขยันทำมาหากิน...ท่านก็เหมือนโปรดทุกคนไม่เคยให้ต้องอดหรือลำบาก

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก-ยม