ภาษาอังกฤษกลายเรื่องสำคัญกับคนทั้งโลกไปแล้ว แล้วยิ่งวิวัฒนาการของโลกเปลี่ยนไป ภาษาที่ใช้จึงต้องกว้างขวาง และเป็นที่เข้าใจในวงกว้างมากยิ่งขึ้น วันนี้ พี่แคมปัส จะพาไปดูเรื่องภาษาเปลี่ยนชีวิต ที่ทางสถาบันเอ็นคอนเซ็ปต์จัดขึ้น โดยเขาได้แบ่งภาษาแห่งอนาคตออกเป็น 4 ภาษา ด้วยกัน ได้แก่
1. ภาษา AI หรือเพื่อการใช้ชีวิตในโลกอนาคต
2. ภาษาตรรกศาสตร์ ภาษาที่ต้องใช้ความเป็นเหตุเป็นผล
3. ภาษาสังคมศาสตร์ ภาษาที่ต้องใช้จริงในชีวิตประจำวัน
4. ภาษาต่างประเทศ คือการสื่อสารด้วยภาษาต่างประเทศ
ทีนี้เราไปฟังกูรูเรื่องภาษา "นิสชิน ธภัชชา วงศ์กาสิทธิ์" ติวเตอร์ชื่อดังจากสถาบันเอ็นคอนเซ็ปต์ ที่จะให้ความรู้และทัศนคติ เกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาที่เชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์ของทุกๆ คน อ่านจบการเรียนภาษาจะง่ายขึ้น ไปดูเทคนิคการเรียนพร้อมๆ กัน
1. ภาษาอังกฤษสำคัญ !
อย่างแรกเลยภาษาอังกฤษได้ชื่อว่าเป็นภาษากลางของโลก และการเรียนภาษาอังกฤษปัจจุบัน ไม่ใช่แค่สื่อสารกับคนเท่านั้น เราต้องสื่อสารกับเครื่องมือต่างๆ หรือแม้แต่กับ AI ด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่ได้ภาษาอังกฤษ เราก็จะไม่สามารถก้าวทันโลก และเราก็จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรและเทคโนโลยีเราได้ เพราะฉะนั้นการเรียนสมัยนี้ จึงต้องพิเศษจริงๆ ภาษาที่นอกจากจะได้เป็นพื้นฐานแล้ว เราจะต้องได้ภาษาที่สามารถสร้างแรงจูงใจสำหรับยุคการเปลี่ยนแปลงของโลกให้มันสามารถดำเนินต่อไปได้
2. เรียนมันตั้งแต่เล็กๆ ดีสุด !
ต้องบอกว่าเป็นเรื่องจำเป็นมาก เพราะเด็กจะมีการเรียนรู้ภาษาได้ไวกว่าผู้ใหญ่ ยิ่งเด็กเล็กมากเท่าไร สมองจะสามารถรับรู้ภาษาที่ 2 หรือ 3 ได้ไวมากขึ้น แต่ในแง่ของภาษา ก็ไม่ใช่แค่ภาษาพูด แต่เราต้องสอนตั้งแต่ภาษาคิดและภาษาลงมือทำอย่างสร้างสรรค์ในเชิงบวก เด็กคิดบวกก็จะทำบวก สร้างนิสัยทางบวกก็จะกลายเป็นบุคลากรที่ดีในอนาคต
...
3. พ่อแม่สอนภาษาลูก
สำหรับพ่อแม่หลายคนที่กังวลเพราะตัวเองพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ต้องบอกว่าตอนนี้การเรียนภาษอังกฤษมีหลายช่องทางมาก ทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นยูทูบ หรือการเรียนผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรืออะไรก็แล้วแต่ พ่อแม่สามารถวางแผนให้กับลูกๆ ได้ พ่อแม่ที่ไม่เก่งภาษาก็มีเยอะ แต่พ่อแม่ที่เก่งแล้ว ก็ควรที่จะวางแผนเพื่อต่อยอดให้เด็กได้คิดวิเคราะห์ ถามตอบ หรือการแสดงความคิดเห็นในครอบครัวได้
4. เทคโนโลยีเข้าถึง ภาษามาเอง
คือถ้ามีมือถือหรือแท็บเล็ต ก็สามารถเรียนภาษาได้ทุกที่ ทุกเวลาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่หรือเด็ก ก็สามารถจัดตารางเรียนให้ตัวเองได้เลย อยากเรียนช่วงไหน เมื่อไหร่ ก็สามารถหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเรียน เรียกได้ว่าภาษาอังกฤษสามารถเข้าถึงทุกคนได้ง่ายขึ้นมากๆ
5. ทริคเรียนแบบง่ายๆ
อย่างแรกคือต้องเปิดใจก่อน อย่ากลัวผิดอย่ากลัวอาย แล้วก็ลงมือทำ ถ้าเราอยากพูดภาษาอังกฤษได้ แต่ถ้าเราไม่ลงมือทำหรือเปลี่ยนนิสัยใหม่ๆ ในการเรียนภาษาอังกฤษก็จะยาก ดังนั้นขอ 3 อย่าง คือ เปิดใจ อย่ากลัวผิดกลัวอาย แล้วก็ลงมือทำค่ะ
6. ไลฟ์สไตล์กับภาษาอังกฤษ
ภาษาไลฟ์สไตล์ไปด้วยกันได้แน่นอน ถ้าไลฟ์สไตล์คุณเป็นคนติดบ้าน คุณก็สามารถเรียนภาษาอังกฤษอยู่ที่บ้านได้ แต่ถ้าไลฟ์สไตล์เป็นคนออกจากบ้าน เราก็สามารถใช้ภาษาอังกฤษ ในการสื่อสารกับคนภายนอกได้ และรู้จักพฤติกรรมตัวเองให้หันมาสนใจตัวหนังสือภาษาอังกฤษมากขึ้น เหมือนตามป้ายต่างๆ หรือตัวหนังสือภาษาอังกฤษต่างๆ เหมือนเป็นการฝึกตัวเองให้ชินกับภาษาอังกฤษ ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถที่จะเรียนภาษาอังกฤษได้ เพียงแค่คุณ เปิดใจ หาเวลา อย่ากลัวผิดกลัวอาย แล้วลงมือทำได้เลยค่ะ
เอาละค่ะ...ว่ามาทั้งหมดนี้ พี่แคมปัส เห็นว่า ทุกคนก็เข้าใกล้ภาษาอังกฤษได้มากขึ้น ดังนั้นอย่าไปกลัว อย่าไปอาย เดี๋ยวจะตกขบวน ตามเด็กๆ 2 ขวบไม่ทันนะ.