พิธีอภิเษกของคิวปิดและไซคี.
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก ซึ่งในเทศกาลนี้หลายๆคนก็คงจะนึกถึงภาพของเทวดาองค์น้อยมีปีกที่ถือคันธนูกับคอยยิงลูกศรใส่ชายหญิงให้เกิดจิตปฏิพัทธ์ต่อกัน เด็กน้อยคนนั้นก็คือ อีรอส (Eros) กามเทพในตำนานปรัมปราของชาวกรีก หรืออีกชื่อก็คือ คิวปิด (Cupid) ซึ่งเป็นการเรียกแบบโรมัน ชาวโรมันนั้นรับเอาเทพกรีกไปบูชาเยอะครับ แต่ก็จะเรียกชื่อต่างกัน และตำนานบางส่วนอาจจะต่างกันไปบ้าง ในที่นี้จะขอเรียกว่าคิวปิดก็แล้วกันนะครับ เพราะจะคุ้นหูคุ้นตาชาวไทยเรามากกว่า
คิวปิดคอยบันดาลความรักให้เกิดขึ้นกับผู้อื่นมากมาย แต่เรื่องราวความรักของคิวปิดนั้นกลับไม่ค่อยมีใครพูดถึง ทั้งที่ความรักของเทพองค์นี้มีความเป็นมาน่าสนใจมากครับ คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลโดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูนสัปดาห์นี้ จึงไม่พลาดที่จะนำเรื่องรักของคิวปิดมาเล่าให้แฟนานุแฟนได้ทราบกัน
ในยามที่คิวปิดโตเป็นหนุ่มก็ถือได้ว่าเป็นเทพที่มีรูปงามหน้าตาหล่อเหลาไม่ธรรมดา ก็คงได้เชื้อสายรูปงามมาจากเทพีวีนัส (Venus เป็นชื่อโรมัน ส่วนชื่อกรีกเรียกว่าแอโฟรไดท์ Aphrodite) ผู้เป็นมารดา วีนัสนั้นได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพีที่สวยที่สุดหาผู้ใดเทียบเทียมมิได้ และนางก็คือต้นเหตุแห่งความยุ่งเหยิงทั้งหลายในตำนานบทนี้
...
เรื่องก็เนื่องมาจากมีกษัตริย์พระองค์หนึ่ง ทรงมีพระธิดา 3 พระองค์ ซึ่งก็สวยงามกันทุกพระองค์ แต่องค์เล็กนามว่าไซคี (Psyche) นั้นเลอโฉมกว่าใครๆ สวยดุจเทพธิดาจนผู้คนลือเลื่องไปทั่วแดน บางคนก็ยกย่องว่าเธอสวยราวกับวีนัสองค์ที่ 2 บางคนก็ถึงขั้นบอกว่าสวยกว่าวีนัสเสียอีก บ้างก็แอบเม้าท์ว่าเธอเป็นลูกสาวของวีนัสกับมนุษย์ (เทพีวีนัสขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้) ความงามที่ชวนหลงใหลนี้ส่งผลถึงขั้นทำให้ผู้คนที่เคยบวงสรวงบูชาเทพีวีนัสถึงกับละเลยสิ่งที่เคยทำ วิหารของพระนางถูกทิ้งให้เงียบเหงา ชื่อเสียงความเป็นหนึ่งด้านความงามของพระนางถูกมนุษย์ธรรมดามาทำให้เสื่อมคลายไปเสียแล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้มีหรือที่พระนางจะไม่กริ้ว และผู้ที่ถูกเทพีวีนัสเรียกใช้ให้มาจัดการเรื่องนี้ก็คือลูกชายสุดที่รัก...คิวปิดนั่นเอง
คิวปิดได้รับคำบัญชาจากมารดาผู้ระทมทุกข์ว่า จงไปทำให้ไซคีหลงรักใครก็ได้ที่โหดร้ายและน่าเกลียดน่ากลัวที่สุด ซึ่งคิวปิดก็รับอาสาแต่โดยดีไม่มีบิดพลิ้ว แต่แผนการกลับไม่เป็นดังที่วีนัสคาดหวังไว้ เพราะเมื่อคิวปิดไปพบพักตร์โฉมงาม เขาก็พลันตกอยู่ในห้วงรักเสียเอง บางตำนานบอกว่าเขาเห็นไซคีหลับอยู่ก็เลยใช้ลูกศรสะกิดนาง แล้วด้วยความเผลอไผลเพราะความงามก็เลยทำศรแห่งรักทิ่มใส่ตัวเอง ก็เลยมีอันต้องตกหลุมรักไซคีเพราะอิทธิฤทธิ์อันไม่มีผู้ใดต้านทานจากศรของตัวเองเสียอย่างนั้น แต่ปัญหาก็คือ ถ้ามารดาของเขารู้เข้าต้องพิโรธหนักเป็นแน่ คิวปิดก็เลยจำใจต้องจากนางไปก่อน
ทางฝ่ายพระบิดาของไซคีนั้นก็กลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่งที่ลูกสาวคนเล็กหาคู่ครองไม่ได้ทั้งที่งามหยาดฟ้า พี่สาวสองคนสวยน้อยกว่ากลับมีคู่อภิเษกไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนไซคีนั้นมีแต่คนมาชื่นชมยกย่อง บางคนเรียกได้ว่าเทิดทูนบูชา แต่กลับไม่มีใครมาสู่ขอเธอไปเป็นชายาเลยสักราย
พระบิดาพระมารดาขอเธอจึงไปยังวิหารแห่งเทพอพอลโลเพื่อขอคำแนะนำ ผู้พยากรณ์ประจำวิหารได้แจ้งคำพยากรณ์แห่งเทพว่าให้ไซคีขึ้นไปอยู่บนยอดเขาเพียงลำพัง แล้วอสุรกายงูมีปีกที่คล้ายมังกรไฟซึ่งมีอำนาจมากจนมหาเทพซูสและชาวนรกยังสะพรึงกลัวจะมารับนางไปเป็นภรรยา เมื่อเป็นดังนี้ บิดาของไซคีจึงสั่งให้นางทำตาม ไซคีจึงต้องไปนั่งร่ำไห้อยู่บนยอดเขาด้วยความหวาดหวั่น แล้วในที่สุดเซฟีร์สายลมตะวันตกก็มาโอบอุ้มเธอลอยไปอย่างแผ่วเบา นำเธอไปสู่ดินแดนที่มีทุ่งหญ้าสวยงามสดชื่นตระการตาท่ามกลางกลิ่นหอมกรุ่นของมวลดอกไม้ มีป่าไม้ ลำน้ำใสสะอาด และมีคฤหาสน์ซึ่งมีเสาเป็นทอง พื้นโมเสก ผนังเป็นเงินแกะสลักลวดลาย ประดับประดาด้วยสิ่งล้ำค่าอันงามวิจิตรราวเทพเนรมิต เธอเดินไปยังคฤหาสน์นั้น แต่ยังรีรอไม่กล้าเข้าไป และท่ามกลางความเงียบสงัด เธอก็ได้ยินเสียงกระซิบนุ่มนวลบอกว่าบ้านหลังนี้เป็นของเธอ ขอให้เธอพักผ่อนให้สบาย ในบ้านมีทุกสิ่งรอเธออยู่แล้วทั้งน้ำอาบ และอาหารรสเลิศบนโต๊ะอาหารที่จานชามทำหน้าที่ของตนโดยไม่ต้องมีคนเสิร์ฟ มีเสียงจากพิณที่บรรเลงตัวเองแผ่วเบาเคล้าคลอ เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นทางใจ และเชื่อว่าผู้จะเป็นสามีในอนาคตผู้นี้จะต้องไม่ใช่อสุรกายร้ายกาจเป็นแน่
...
และคืนนั้นเธอก็ถูกนำไปสู่ห้องที่มืดมิด ร่วมภิรมย์กับชายผู้ซ่อนร่างอยู่ในความมืด ทุกคืนเขาจะมาหาเธอเฉพาะในความมืดมิดของยามราตรี และสั่งว่าเธอจะต้องไม่มองเห็นเขา แต่เธอก็รับรู้ได้ถึงความรักความห่วงใยที่เขามีต่อเธอ
คืนหนึ่ง สามีของเธอกล่าวเตือนว่าพี่สาวทั้งสองของไซคีกำลังจะมาหา ซึ่งจะนำภัยร้ายมาด้วย แต่ไซคีก็ยืนกรานว่าจะต้องพบพี่สาวให้ได้ และในวันรุ่งขึ้นเซฟีร์สายลมตะวันตกก็นำพี่สาวทั้งสองมายังรังรักของไซคี คนทั้งสามสวมกอดกันด้วยความคิดถึง ไซคีต้อนรับพี่ทั้งสองอย่างดี แต่เมื่อพี่สาวทั้งคู่ได้เห็นถึงความเป็นอยู่อันเปี่ยมสุขของน้องสาวก็เกิดจิตริษยา และสงสัยว่าสามีของน้องสาวเป็นใคร ไซคีบอกเพียงว่าเขาเป็นชายหนุ่มธรรมดา ขณะนี้ออกไปล่าสัตว์คงไม่กลับมาง่ายๆ เธอมอบเพชรนิลจินดาและทองคำให้พี่สาวเป็นของขวัญก่อนที่เซฟีร์จะนำพวกเธอกลับไปยังภูเขา
...
สามีของไซคีเตือนว่าพี่สาวทั้งสองจะกลับมาอีกพร้อมกับความเดือดร้อน ไซคีไม่รับฟังสิ่งที่เขาบอก เธอไม่เชื่อว่าพี่สาวจะคิดร้าย เมื่อพี่สาวทั้งสองกลับมาอีก พวกเธอก็เฝ้าถามถึงสามีของไซคี จนในที่สุดก็ทราบว่าไซคีไม่เคยเห็นสามีของตัวเองเลย แน่นอนว่าพวกเธอต้องเพียรยุยงจนไซคีหวั่นไหว ในที่สุดเธอก็ยอมทำตามที่พี่สาวแนะนำ คือ ให้ซ่อนมีดคมกริบและตะเกียงเอาไว้ ในยามที่สามีหลับใหลก็ให้ไซคีลุกขึ้นไปจุดตะเกียง หากว่าเขาเป็นอสุรกายดังเช่นที่ผู้พยากรณ์บอกเอาไว้ก็จงเสียบด้วยมีดเสียให้แดดิ้นไปเลย
แล้วเวลาแห่งการพิสูจน์ก็มาถึง เมื่อสามีหลับไป ไซคีจุดตะเกียงมาส่องดูด้วยจิตใจหวั่นหวาด ทว่าร่างที่เธอเห็นบนเตียงก็คือ ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาเหนือมนุษย์ใดที่เธอเคยพบ มีปีกงามอยู่บนแผ่นหลัง เพราะเขาคือคิวปิด เทพที่มีรูปงามลือเลื่อง เธอละอายใจที่ไม่เชื่อถือคำพูดของเขาที่ห้ามไม่ให้เธอมองเห็นรูปโฉม (บางตำนานก็บอกว่าเธอตกใจโดนลูกศรคิวปิดจิ้มเอาในตอนนี้ด้วย) เธอตื่นเต้นจนทำมีดหลุดมือ และอีกมือที่ถือตะเกียงก็สั่นจนทำให้น้ำมันร้อนๆ หกราดลงไปบนไหล่ของสามี คิวปิดสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความแสบร้อน เขาเห็นไซคีถือตะเกียงก็รู้ทันทีว่าเธอไม่เชื่อฟังคำพูด เขาผลุนผลันบินออกจากบ้านไปทันที
ไซคีวิ่งตามเรียกหาเขาท่ามกลางความมืด แต่ก็ไม่พบ ได้ยินเพียงเสียงตัดพ้ออันเศร้าสร้อยว่า “ความรักอยู่ไม่ได้ถ้าไม่เชื่อใจกัน” เหตุที่คิวปิดไม่ยอมให้ไซคีรู้ว่าเขาเป็นใครนั้นเขาทำเพราะความปรารถนาดี หากวีนัสรู้ว่าลูกชายหลงรักไซคี นางต้องแผลงฤทธิ์ใส่เป็นแน่ แต่ไซคีก็ได้ทำทุกอย่างพังไปแล้ว เพราะวีนัสได้รู้ความจริงทันทีที่เห็นแผลของลูกชาย นางโกรธจนไม่แยแสบาดแผลของเขาด้วยซ้ำ สิ่งที่นางจะทำก็คือการเล่นงานไซคีเพียงอย่างเดียว ส่วนพี่สาวทั้งสองของไซคีก็พยายามแทนที่น้องสาว โดยพยายามเรียกร้องให้ลมตะวันตกพัดพวกนางจากยอดเขาไปหาคิวปิด เมื่อลมไม่ยอมพัดพวกนางก็เลยใช้วิธีโดดจากยอดเขาหวังให้สายลมมารับไป แต่ผลที่ได้ก็คือการตกเขาตาย!
...
ไซคีเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป เธอซัดเซพเนจรออกตามหาคิวปิด เธอต้องการพิสูจน์ถึงความรักที่มีต่อเขา หากหาไม่พบเธอก็จะดั้นด้นตามหาไปจนตาย ระหว่างนั้นเธอก็อ้อนวอนขอให้เทพเจ้าช่วยเหลือเธอด้วย แต่ก็ไม่มีเทพองค์ใดอยากเสี่ยงขัดใจวีนัส กระทั่งเธอหมดหนทางจึงไปอ้อนวอนกับเทพีวีนัส ซึ่งวีนัสก็กลั่นแกล้งเธอด้วยการให้ทำภารกิจซึ่งยากเกินมนุษย์จะทำได้ ประการแรกเธอนำเอาแป้งสาลี ข้าวบาร์เลย์ ถั่ว และธัญพืชหลายชนิดมาเทผสมรวมกันแล้วสั่งให้เธอแยกแต่ละชนิดออกเป็นสัดเป็นส่วน แล้ววีนัสก็จากไปด้วยความสะใจ
ความรักและความมุ่งมั่นของไซคีทำให้มีผู้เห็นใจ ซึ่งก็ไม่ใช่เทพผู้เก่งกล้าที่ไหน แต่เป็นมดตัวจ้อย ฝูงมดยกขบวนมาช่วยทำงานครั้งนี้สำเร็จได้อย่างเรียบร้อย วีนัสแสนเจ็บใจที่เธอทำงานได้สำเร็จ ก็เลยให้โจทย์ใหม่ที่ยากขึ้น คือ ไปเอาขนแกะทองคำมาจากอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำที่เชี่ยวกราก ฝูงแกะขนทองที่ว่านี้ยังดุร้ายอีกด้วย งานนี้เกินกำลังของไซคีจนนางแทบจะคิดโดดน้ำตาย แต่ต้นอ้อริมน้ำก็กระซิบบอกเธอว่าให้รอจนถึงตอนเย็นที่บรรดาแกะจะกลับไปนอน เหล่าต้นอ้อจะช่วยเกี่ยวขนแกะทองไว้ให้ ไซคีรอจนถึงเวลานั้นแล้วก็ได้ปุยขนแกะทองคำที่ติดอยู่ตามต้นอ้อจริงๆ
วีนัสก็กำหนดงานใหม่ให้ไซคีอีก เธอสั่งไซคีให้ไปตักน้ำสีดำจากต้นน้ำบนยอดเขาของแม่น้ำแห่งความตายมาให้เต็มถัง ยอดเขานั้นสูงชันเกินกว่าใครจะขึ้นไปได้ถ้าไม่มีปีก แถมยังมีมังกรเฝ้าอยู่ด้วย แต่แล้วพญาอินทรีก็บินมาฉวยถังไปจากเธอ แล้วตักน้ำสีดำจากต้นน้ำมาให้ ไซคีทำภารกิจสำเร็จอีกครั้ง (บางตำนานว่าซูสแอบส่งอินทรีมาช่วย)
แต่วีนัสก็ยังไม่ยอมเมตตา สั่งให้วีนัสลงไปยังขุมนรกเพื่อขอแบ่งความงามจากโพรเซอร์พินา ราชินีผู้เลอโฉมของเฮดีสเจ้านรกใส่มาในกล่องใบหนึ่ง เพราะวีนัสสูญเสียความงามไปบางส่วนจากการรักษาบาดแผลให้บุตรชาย ไซคีครุ่นคิดว่าจะลงไปในนรกได้อย่างไร ทางเดียวที่ทำได้ก็คงมีแค่ความตาย เธอจึงตัดสินใจว่าจะยอมตายเพื่อรัก เธอจึงไปปีนหอคอยเพื่อกระโดดลงมาผลาญชีพตนเอง แต่หอคอยได้พูดกับเธอว่ามีช่องทางลับที่จะลงไปในนรกได้ แต่เธอต้องนำเหรียญสองเหรียญอมไว้ในปาก กับพกขนมเค้กสองชิ้นติดตัวไปด้วย ไซคีปฏิบัติตามที่หอคอยแนะนำ เธอเดินทางตามโพรงลับลงไปใต้โลกไปจนพบแม่น้ำแห่งความตาย พบชารอนซึ่งมีหน้าที่แจวเรือนำวิญญาณข้ามแม่น้ำ ไซคีได้ใช้เหรียญที่อมมาเหรียญหนึ่งเป็นค่าเรือข้ามฟาก แล้วเดินทางต่อไปจนถึงวังซึ่งมีหมาสามหัวเซอร์เบรุสเฝ้าอยู่ เธอให้ขนมเค้กมันชิ้นหนึ่ง มันจึงยอมให้เธอผ่านประตูได้
เมื่อได้พบกับโพรเซอร์พินา ไซคีก็อ้อนวอนจนได้รับการช่วยเหลือเรื่องการใส่ความงามลงในกล่องอย่างง่ายดาย ขากลับเธอให้ขนมเค้กและเหรียญเป็นค่าผ่านทางอีกครั้งดังเช่นตอนเข้าไป จึงออกจากนรกมาได้อย่างปลอดภัย แต่ระหว่างทาง ความรักสวยรักงามก็ทำให้เธอแอบเปิดกล่องออกดูเผื่อว่าจะแบ่งความสวยมาเติมให้ตัวเองอีกสักนิด ทว่า สิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นหาใช่ความงามไม่ แต่กลายเป็นความโหดเหี้ยมและมืดมนที่ทำให้เธอสลบไสลไปในทันที ในเวลานั้นคิวปิดรักษาบาดแผลหายแล้ว และสามารถหนีจากการกักขังของมารดาออกมาทางหน้าต่าง ก็รีบมาช่วยไซคีด้วยการดึงเอาความมืดมนออกจากไซคีใส่คืนในกล่อง แล้วปลุกไซคีตื่นขึ้นมาด้วยลูกศร เทศนาเธอเล็กน้อยเรื่องความอยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ไม่สมควร จากนั้นก็พาเธอนำกล่องไปให้มารดาของเขา
เมื่อสิ้นภารกิจนี้ คิวปิดเข้าเฝ้ามหาเทพซูส ขอให้พระองค์ตัดสินเรื่องทั้งปวง พระองค์ทรงเมตตาจึงเรียกประชุมเหล่าทวยเทพรวมทั้งวีนัสด้วย และประกาศให้คิวปิดและไซคีเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง พระองค์ให้เธอดื่มน้ำทิพย์ซึ่งทำให้เธอเป็นอมตะเฉกเช่นเหล่าเทพ วีนัสไม่อาจขัดขวางความรักครั้งนี้อีกต่อไป คิวปิดและไซคีจึงได้ครองรักกันอย่างมีความสุขเสียทีหลังจากที่เราลุ้นกันจนเหนื่อย
อย่าว่าแต่มนุษย์อย่างเราๆเลยครับ ขนาดเทพเจ้าแห่งความรักเองกว่า จะสมหวัง ยังลำบากแทบแย่ ดังนั้น ใครที่มีความรักก็ขอ ให้มั่นคงเข้มแข็งต่ออุปสรรค รักษาความรักที่สวยงามไว้ให้ยั่งยืนตลอดไปนะครับ.
โดย : ประลองพล เพี้ยงบางยาง
ทีมงาน นิตยสาร ต่วย'ตูน