นายพลากร สุวรรณรัฐ ประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้ชนะรางวัลต่างๆ ในโครงการประกวดวรรณกรรมรางวัล “วรรณศิลป์อุชเชนี” ประเภทความเรียง.

เพื่อส่งเสริมวงการวรรณศิลป์ไทยและปั้นนักกวี นักเขียนรุ่นใหม่ สื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย ร่วมกับสภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย ได้จัดโครงการประกวดวรรณกรรมรางวัล “วรรณศิลป์อุชเชนี” ชิงโล่พระราชทาน สมเด็จพระเทพ รัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ 1 หัวข้อ “มิ่งมิตร” ขึ้นเพื่อเชิดชู เออเชนี ประคิณ ชุมสาย ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี 2536 หรือที่รู้จักในนามปากกา “อุชเชนี” โดยได้จัดงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัล โดยมี นายพลากร สุวรรณรัฐ มาเป็นประธานในพิธี ที่โรงแรมอโนมาแกรนด์ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา

คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล มอบของที่ระลึกแก่ ชมัยภร แสงกระจ่าง หนึ่งในคณะกรรมการ.
คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล มอบของที่ระลึกแก่ ชมัยภร แสงกระจ่าง หนึ่งในคณะกรรมการ.

...

คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานคณะอำนวยการ การประกวดวรรณศิลป์อุชเชนี กล่าวว่า รางวัลนี้เป็นการก่อตั้งขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อรำลึกถึง “อุชเชนี” ศิลปินแห่งชาติ ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้รักงานด้านวรรณกรรมให้แก่บุคคลทั่วไป รวมทั้งสร้างให้เยาวชนรุ่นใหม่ สนใจงานวรรณศิลป์ต่อไป การประกวดแบ่งเป็นประเภทกลอนสุภาพ และความเรียงใน 2 ระดับ ได้แก่ นักเรียนและประชาชน ซึ่งปีนี้มีผู้ส่งผลงานเข้าประกวดจำนวน 390 ผลงาน โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับรางวัลเงินสด 30,000 บาท และโล่พระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

นอกจากนี้ ในงานยังได้มีการเสวนา ในหัวข้อ “รางวัลวรรณศิลป์อุชเชนี กับสังคมไทย” ซึ่ง เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี 2536 และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสิน ได้กล่าวว่า ยุคนี้เป็นยุคที่บทกวีไม่เจิดจรัสเท่าที่ควร ในช่วงโศกาลัย รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต บทกวีได้แสดงบทบาทมากมาย แต่น่าเสียดาย ที่ยังไม่มีความเจิดจรัสเท่าที่ควร แสดงว่าวงการกวีของเราไม่มีการพัฒนาให้สมควรกว่านี้ งานประกวดเวทีนี้ถือว่าสูงสุด เพราะ “อุชเชนี” เป็นเอกอัคราวุธ เป็นกวีของยุคสมัยใหม่จริงๆ เป็นกวีที่เป็นเพชร เป็นมงกุฎของวงการวรรณกรรม ซึ่งผลงานน่าเป็นตัวอย่างของคนที่เดินทางมาแนวนี้ ผลงานสามารถเป็นบรรทัดฐาน ไม่มีใครเทียบได้ โดยเฉพาะผลงาน “ขอบฟ้าขลิบทอง” การเขียนบทกวีต้องมีทั้งคำกวี, โวหารกวีและจิตวิญญาณกวี ซึ่งอุชเชนีมีทั้งหมดในการประกวดครั้งนี้ได้เห็นคนมีแววคิดว่าผู้ได้รับรางวัลน่าจะเป็นตัวอย่างเป็นบทกวียุคใหม่ได้

บาทหลวงอนุชา ไชยเดช, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, ชมัยภร แสงกระจ่าง เหล่าคณะกรรมการมาร่วมเสวนา.
บาทหลวงอนุชา ไชยเดช, เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, ชมัยภร แสงกระจ่าง เหล่าคณะกรรมการมาร่วมเสวนา.

สำหรับผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ โดยเฉพาะประเภทความเรียง ระดับประชาชน ได้แก่ นางวาสนา เจ้าของนามปากกา “วันนา วนาดิน” ซึ่งเป็นผู้ต้องขังหญิง จึงมีผู้แทนจากกรมราชทัณฑ์มารับแทน ได้กล่าวว่า คุณวาสนา จบชั้น ป.6 มีชีวิตที่น่าสงสาร ต้องโทษจำคุกตลอดชีวิต เพราะสามีในคดียาเสพติด ได้รับโอกาสดีในสังคมภายนอกด้วยการมีผู้เข้าไปสอนเขียนหนังสือในเรือนจำ ได้ฝากตนมากล่าวว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยรู้สึกดีๆเท่าครั้งนี้ ขอบคุณอาจารย์ผู้สอนและการประกวดในครั้งนี้ที่ให้โอกาสแก่เธอ.