อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ
เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเรื่องใหญ่ของร่างกายนำพาจิตใจห่อเหี่ยวไปด้วยทั้งคนป่วย...คนไม่ป่วย พ่อแม่ ญาติพี่น้อง...คนใกล้ชิด
“หมอชีวก” เป็นอีกหนึ่งศรัทธา ความเชื่อ และความหวังของผู้คนไม่น้อยที่แวะเวียนเข้าไปบนบานศาลกล่าวขอให้...หายเจ็บ หายป่วย หายจากโรคภัยไข้เจ็บ
พลิกบันทึกประวัติ “หมอชีวกโกมารภัจจ์” เป็นบุตรนางสาลวดี ชีวกเป็นคนเฉลียวฉลาด ไหวพริบปฏิภาณดีมาก แต่ด้วยเลือกเกิดไม่ได้จึงถูกเด็กๆรุ่นเดียวกันประณามเหยียดหยามว่าเป็นลูกไม่มีพ่อ ชีวกนำแรงกดดันรอบตัวแปรเปลี่ยนมาเป็นพลัง มุมานะที่จะเอาชนะ มุ่งมั่นตั้งใจที่จะหาความรู้ใส่ตัวไม่ให้ใครมาดูถูกได้
คราหนึ่งจึงคิดหนีไปกับกองคาราวานเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมือง “ตักศิลา” มีโอกาสได้ฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาแพทย์กับอาจารย์ทิศาปราโมกข์ ร่ำเรียนวิชากับท่านอาจารย์อยู่นานถึง 7 ปี ก็ขอลากลับบ้านเกิดเมืองนอน ระหว่างเดินทางเสบียงที่ติดตัวมานิดหน่อยก็หมดลง ต้องอาศัยความรู้ที่เรียนมานำพาให้รอดตัว
ชีวกได้เข้าไปรักษาอาการปวดหัวของภรรยาเศรษฐีเมืองสาเกตที่เป็นเรื้อรังมานาน 7 ปี...รักษากับหมอคนไหนก็ไม่หายทุเลาบรรเทา กระทั่งมาหายขาดได้ด้วยการปรุงยาขนานเดียว
ชีวกได้รางวัล 4,000 กหาปณะ...เมื่อกลับถึงเมืองราชคฤห์แล้วก็ได้มีโอกาสเข้าไปรักษาโรคภคันทบาพาธ หรือ...โรคริดสีดวงทวาร ของพระเจ้าพิมพิสารก็หายขาดเช่นกัน กระทั่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นแพทย์หลวงประจำพระราชสำนัก ได้พระราช ทานบำเหน็จจำนวนมาก รวมทั้งสวนมะม่วงไว้ด้วย
อีกรายหนึ่ง ชีวกได้ผ่าตัดเนื้องอกในลำไส้ของบุตรเศรษฐีชาวเมืองพาราณสีคนหนึ่งให้หายขาดจากโรคร้ายได้ แล้วก็ยังผ่าตัดสมองเศรษฐีชาวเมืองราชคฤห์คนหนึ่งจนอาการปวดหัวหายขาด
...
ชื่อเสียง “หมอชีวก” ขจรขจายร่ำลือถึงความเก่งไปทั่วทุกสารทิศถึงขั้นที่เรียกกันว่าเป็น “หมอเทวดา” ที่สำคัญยังเป็นหมอที่ดูแลรักษาพระพุทธเจ้าอีกด้วย
กล่าวกันว่า...ทั้งชีวิตหมอชีวกทุ่มเทไปกับการรักษาโรคให้กับผู้คนมากมายนัก ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ป่วยไข้ไม่เลือกยากดีมีจน ดำรงตนให้เป็นประโยชน์กับคนหมู่มาก แม้จะไม่ได้มีเวลาปฏิบัติธรรม
แต่ก็เป็นพระโสดาบัน...ผู้เข้าถึงนิพพาน
ในวงการแพทย์ทุกวันนี้หมอชีวกได้รับการยกย่องว่าเป็น... “บรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณ” เป็นที่สักการบูชาของผู้ที่มีอาชีพเป็นหมอ นวดแผนโบราณ ห้างร้านธุรกิจที่เกี่ยวกับสุขภาพ ฯลฯ
O O O O
โรงพยาบาลเด็ก (ชื่อเดิม) ปัจจุบันใช้ชื่อว่า “สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี” ตั้งอยู่ริมถนนราชวิถีใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อีกสถานที่หนึ่งที่ผู้คนพลุกพล่านด้วยพาลูกๆหลานๆมาเข้ารับการรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยไม่ขาดสาย
เป็นมาก...เป็นน้อย เจ็บมาก...เจ็บน้อย สิ่งสำคัญก็คงต้องฝากความหวังไว้กับแพทย์คุณหมอผู้เชี่ยวชาญการรักษา แต่อีกทางหนึ่งเป็นทางที่มองไม่เห็นนั่นก็คือ ฝากความหวังด้วยการบนบานศาลกล่าวให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ช่วยเหลือปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ โรคร้ายต่างๆให้ทุเลาเบาบางลงไปและหายป่วยไข้ไปในที่สุด
“หมอชีวกโกมารภัจจ์” รูปหล่อตั้งอยู่บริเวณวงเวียนด้านในใต้ต้นไทรใหญ่อันร่มรื่น หลังตึกผู้ป่วยเด็ก ถือเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจที่สำคัญ ที่บรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กๆที่กำลังป่วยแวะเวียนกันมาขอพรให้ลูกๆหลานๆหายป่วยในเร็ววัน
อะไรที่ทำแล้วสบายใจก็ควรทำ...อะไรที่ทำแล้วมีความหวังก็ควรทำ คาดหวังได้แต่ก็ต้องเผื่อใจเอาไว้บ้าง “ศรัทธา”...นำมาซึ่ง “ปาฏิหาริย์” เชื่อไม่เชื่อกันอย่างไรโปรดอย่าได้ลบหลู่
O O O O
หลายคนมีประสบการณ์ตรงเกิดขึ้นกับตัว...ขณะรถติดไฟแดง นั่งไปกันเต็มคันทั้งครอบครัว ก็เกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน ถูกคนขับรถหลับในพุ่งข้ามเลนมาชนเข้าอย่างจัง
ผู้บาดเจ็บถูกลำเลียงเข้ารับการรักษาเร่งด่วน คนขับโชคดีที่ไม่เจ็บมาก บูชา “ครูหมอชีวกโกมารภัจจ์” อยู่แล้ว ก็ได้เข้าไปตั้งจิตอธิษฐานกราบขอพรครูหมอชีวก ที่ตั้งบูชาไว้อยู่ที่หน้าโรงพยาบาลแห่งนั้นที่ทำการรักษาเหตุฉุกเฉิน...ขอให้ทุกคนปลอดภัย ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่า...ท้ายที่สุดแล้วทุกคนจะปลอดภัยกันดี
...
จะด้วยดวงยังไม่ถึงคาด จะด้วยเวลาที่ได้รับการส่งเข้ารับการรักษาที่รวดเร็ว หรือด้วยปาฏิหาริย์จากพลังอะไรบางอย่างที่มองไม่เห็นก็ตามที ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี...ที่ครอบครัวเราไม่สูญเสียคนที่รักคนหนึ่งคนใดไป
ศรัทธา...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์ได้จริงๆ นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่า การบูชา “ครูหมอชีวกโกมารภัจจ์” ยังช่วยเสริมความมั่นคงเจริญรุ่งเรืองตลอดไป.
รัก-ยม