สถานการณ์โรคซิฟิลิสในปัจจุบันกลับมาระบาดอีกครั้ง กลายเป็นประเด็นร้อนที่น่าจับตาในสังคมไทย โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่ยังขาดความเข้าใจในการป้องกันและการเข้าถึงการตรวจคัดกรองเป็นจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เพียงโรคซิฟิลิสที่น่ากังวล เพราะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ นั้นก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน่าใจหาย ไม่ว่าจะเป็นเอชไอวี โรคหนอง เชื้อไวรัสตับอักเสบบี และอีกมากมายที่สามารถติดต่อได้

ดังนั้น การป้องกันโรคและระมัดระวังตัว รวมถึงความเข้าใจในโรคต่าง ๆ เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคเหล่านี้ หากวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทัน สามารถแก้ไขโรคได้ บางโรคอาจจะทุเลาและหายขาดได้ก่อนที่จะสายเกินแก้

รวมโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

โรคทางเพศสัมพันธ์มีเหตุเกิดได้หลากหลายทั้งโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสและโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียมีดังต่อไปนี้

  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจาก “เชื้อไวรัส”

เอดส์ หรือ HIV: หนึ่งโรคที่อันตราย โดยเอดส์ หรือ HIV เกิดจากเชื้อไวรัส Human Immunodeficiency Virus (HIV) โดยโรคนี้จะเข้าไปทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง ทำให้ร่างกายอ่อนแอและติดเชื้อโรคฉวยโอกาสต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น หากไม่ได้รับการรักษาจะเข้าสู่ระยะเอดส์ โดยโรคนี้ระยะแรกอาจไม่มีอาการ หรือมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ (ไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามตัว ผื่นขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต) หลังจากนั้นอาจไม่มีอาการเป็นเวลานานจนกว่าภูมิคุ้มกันจะต่ำลงมาก ปัจจุบันไม่มียารักษาให้หายขาด แต่มียาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy: ART) ที่ช่วยควบคุมเชื้อและทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

เริมที่อวัยวะเพศ: เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes Simplex Virus (HSV) ชนิดที่ 2 (ส่วนใหญ่) หรือชนิดที่ 1 โดยลักษณะอาการของโรคนี้จะมีตุ่มน้ำใสหรือแผลเปื่อยบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือปาก ซึ่งอาจมีอาการปวด แสบ คัน ร่วมด้วย โดยโรคเริมที่หายแล้วสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้เมื่อร่างกายอ่อนแอ ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด แต่มียาต้านไวรัสที่ช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของการเกิดโรคซ้ำของอาการ

...

หูดหงอนไก่: เกิดจากเชื้อไวรัส Human Papillomavirus (HPV) สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยอาการหรือลักษณะการสังเกตจะมีติ่งเนื้อคล้ายหงอนไก่หรือลักษณะคล้ายดอกกะหล่ำปลีขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือขาหนีบ การรักษาในปัจจุบันคือการจี้ออก การทายา และการผ่าตัด

ไวรัสตับอักเสบบี: โรคที่สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ลักษณะอาการจะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ คลื่นไส้ อาเจียน ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือบางครั้งไม่มีอาการก็สามารถเกิดขึ้นได้ ปัจจุบันมียารักษาในการต้านไวรัสสำหรับบางกรณี และเป็นการรักษาตามอาการ

ไวรัสตับอักเสบซี: อีกหนึ่งโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ แต่พบน้อยกว่าไวรัสตับอักเสบบี โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่ทราบว่าตัวเองติดเชื้อ เพราะไม่แสดงอาการ หากมีอาการจะแสดงน้อยมาก และอาการเหมือนโรคทั่วไป เช่น เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ไข้ต่ำ ๆ คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น

  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจาก “แบคทีเรีย”

ซิฟิลิส: หนึ่งโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Treponema pallidum ลักษณะอาการจะแบ่งได้เป็นหลายระยะ โดยระยะแรกมีแผลริมแข็งขึ้นที่อวัยวะเพศหรือปาก ไม่มีอาการเจ็บ ระยะที่สองจะเริ่มมีผื่นขึ้นตามตัว ฝ่ามือ ฝ่าเท้า ผมร่วง ต่อมน้ำเหลืองโต หากไม่รักษาจะเข้าสู่ระยะแฝงและระยะสุดท้ายซึ่งส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในอย่างรุนแรง ไปจนถึงสมอง ปัจจุบันสามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ

หนองในแท้: เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Neisseria gonorrhoeae ลักษณะอาการแตกต่างกันไปโดยในผู้ชายมักมีหนองไหลจากปลายอวัยวะเพศ ปัสสาวะแสบขัด และในผู้หญิงจะมีอาการตกขาวผิดปกติ ปัสสาวะแสบขัด หรือไม่มีอาการใด ๆ เลย ปัจจุบันสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ

หนองในเทียม: เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia trachomatis จะมีอาการแตกต่างจากหนองในแท้ โดยจะไม่แสดงอาการที่ชัดเจน คล้ายกับโรคหนองในแท้ หากมีอาการปรากฏจะมีมูกใสไหลจากปลายอวัยวะเพศ ปัสสาวะแสบขัด ตกขาวผิดปกติ และสามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะเช่นเดียวกัน

  • โรคที่เกิดจากเชื้อโรคชนิดอื่น

เชื้อราในช่องคลอด: หนึ่งในโรคที่เกิดจากเชื้อรา ติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ ลักษณะอาการจะเป็นอาการคันช่องคลอด แสบร้อน ตกขาวเป็นก้อนคล้ายนมบูด สามารถรักษาได้ด้วยยาต้านเชื้อรา

พยาธิในช่องคลอด: เกิดจากเชื้อโปรโตซัว Trichomonas vaginalis ทำให้ตกขาวมีกลิ่นเหม็นคาว มีสีเขียวเหลือง คันช่องคลอด และปัสสาวะแสบขัด สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ

การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แน่นอนว่าการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ดีและมีประสิทธิภาพที่สุดในการป้องกันโรคเหล่านี้คือการใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ และไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ขณะมีประจำเดือนเพราะสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย

นอกจากนี้ การมีคู่นอนคนเดียวและทั้งสองฝ่ายไม่มีความเสี่ยง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ปลอดภัยที่สุด พร้อมกับการเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำในทุก ๆ ปี การฉีดวัคซีนก็สามารถช่วยได้มาก ไม่ว่าจะเป็นวัคซีน HPV ป้องกันหูดหงอนไก่และมะเร็งปากมดลูก วัคซีนไวรัสตับอักเสบบี เป็นต้น

หากสงสัยว่าติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง และควรแจ้งคู่นอนให้ไปตรวจและรักษาด้วยเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อซ้ำไปมา