จากการที่ดาราสาว เอ๋ พรทิพย์ ได้รับการเปิดเผยว่าป่วยด้วยโรคมะเร็งปอดและกำลังเข้ารับการรักษาอยู่นั้น ก็ทำให้หลายคนตระหนักและกังวลถึงโรคร้ายนี้ว่ามีอาการอะไรเป็นสัญญาณเตือนบ้าง แม้ว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ก็ยังป่วยโรคนี้ได้ สาเหตุเกิดจากอะไร
ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติระบุว่า พบผู้ป่วยคนไทยเป็นมะเร็งปอดมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอดแบ่งได้เป็น 2 ชนิด ได้แก่
- มะเร็งชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (small cell lung cancer) พบได้ประมาณ 10-15%
- มะเร็งชนิดเซลล์ไม่ใช่ขนาดเล็ก (non-small cell lung cancer) พบได้ประมาณ 85-90%
เนื่องจากปอดเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการนำก๊าซออกซิเจนจากสิ่งแวดล้อมเข้าสู่ระบบเลือดและนำก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดออกสู่สิ่งแวดล้อม ดังนั้น หากเป็นมะเร็งปอดระยะลุกลามความรุนแรงต่อชีวิตจึงค่อนข้างสูง ถ้าตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกจะมีโอกาสรักษาหายสูง แต่ความน่ากังวลคือผู้ป่วยมะเร็งปอดมักมาพบแพทย์เมื่อโรคลุกลามไปมากแล้วทำให้การรักษาทำได้ยากขึ้น หรืออาจทำได้เพียงการรักษาแบบประคับประคอง
สาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด คือ การสูบหรือรับควันบุหรี่มือสอง ซึ่งมีทั้งบุหรี่ทั่วไปและบุหรี่ไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านพันธุกรรม การสัมผัสสารก่อมะเร็ง ได้แก่ แร่ใยหิน ก๊าซเรดอน (เกิดจากการสลายตัวของธาตุเรเดียมซึ่งนำมาใช้ก่อสร้างอาคารบ้านเรือน) รังสี ควันธูป ฝุ่นไม้ และมลภาวะทางอากาศต่างๆ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ซึ่งประกอบไปด้วยสารเคมีปนเปื้อนหลายชนิดที่เป็นสารก่อเกิดมะเร็ง

...
อาการมะเร็งปอด
สัญญาณเตือนของมะเร็งปอด คือ อาการผิดปกติของการทำงานของปอด เช่น
- ไอเรื้อรัง นานกว่า 2 สัปดาห์
- ไอมีเสมหะปนเลือด
- หายใจลำบาก
- เหนื่อยหอบ มีเสียงหวีด
- ปอดติดเชื้อบ่อยหรือเรื้อรัง
- อาจมีอาการเสียงแหบ
- เจ็บหน้าอกหรือหัวไหล่
- เหนื่อยง่าย
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
อย่างไรก็ตาม อาการต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นอาการที่เฉพาะเจาะจงกับมะเร็งปอดเท่านั้น อาจพบในโรคอื่นๆ ได้ด้วย ดังนั้นหากมีอาการผิดปกติผู้ป่วยควรรีบปรึกษาแพทย์

วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอด
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดที่มีประสิทธิภาพที่ดีเพียงพอในระดับประชากร แต่มีคำแนะนำให้ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยการเอกซเรย์ปอดเป็นประจำทุกปี
อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในการป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคลงได้ การตรวจวินิจฉัยหลักๆ ประกอบไปด้วยการถ่ายภาพรังสี (เอกซเรย์ปอด เอกซเรย์คอมพิวเตอร์) ร่วมกับการตรวจหาเซลล์มะเร็งโดยการตัดชิ้นเนื้อมาตรวจ นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีการตรวจชิ้นเนื้อทางพันธุศาสตร์เพิ่มเติม เพื่อทำนายพยากรณ์ของโรคและแนวทางการรักษาได้มากยิ่งขึ้น

วิธีรักษาโรคมะเร็งปอด
การรักษาโรคมะเร็งปอดจะต้องพิจารณาจากองค์ประกอบหลายอย่าง ได้แก่ ชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรค รวมถึงสภาวะความแข็งแรงของผู้ป่วย โดยการรักษาในปัจจุบันนั้น ประกอบไปด้วย
- การผ่าตัด
- การฉายรังสี
- การให้ยาเคมีบำบัด
- การรักษาด้วยยามุ่งเป้าทำลายเซลล์มะเร็ง
- การรักษาด้วยยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด
ซึ่งอาจต้องใช้การรักษาร่วมกันหลายวิธี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการรักษา เช่น หากเป็นชนิดเซลล์ขนาดเล็ก การรักษาหลักคือการฉายรังสีร่วมกับยาเคมีบำบัด แต่ถ้าหากเป็นชนิดไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็กที่มะเร็งยังไม่ลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง การรักษาหลักคือการผ่าตัดและตามด้วยยาเคมีบำบัด
...
ในบางกรณีหากโรคเริ่มลุกลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง จำเป็นต้องได้รับการรักษาหลายชนิดร่วมกัน แต่ถ้าหากโรคลุกลามไปมากแล้ว การรักษาด้วยยาต่างๆ จะเป็นการรักษาหลัก ไม่ว่าจะเป็นยาเคมีบำบัด ยามุ่งเป้า และยากระตุ้นภูมิคุ้มกันบำบัด เป็นต้น
วิธีป้องกันโรคมะเร็งปอด
มะเร็งปอดสามารถป้องกันตนเองเบื้องต้นได้ด้วยการปรับพฤติกรรมและการระมัดระวังตัวเองเมื่ออยู่ในพื้นที่เสี่ยง เช่น
- หยุดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดผู้ที่สูบบุหรี่
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่มีมลพิษทางอากาศสูง เช่น สถานที่มีฝุ่นควันมาก หรือการทำงานในเหมืองแร่โดยไม่ใช้เครื่องมือป้องกันตนเอง
- อยู่ในที่ๆ มีอากาศบริสุทธิ์
- หมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำสม่ำเสมอ
- ออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ
ที่มา: กรมการแพทย์, โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์