อายุเป็นเพียงตัวเลข ไม่ใช่คำพูดเกินจริงในยุคนี้ เพราะคนอายุ 40 ปีขึ้นไปจำนวนไม่น้อยยังมีรูปร่างหน้าตาที่ดูดีอ่อนกว่าวัยจนหลายคนเดาอายุไม่ถูก ซึ่งเป็นผลมาจากการดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ

พญ.กฤดากร เกษรคำ แพทย์ American Board of Anti-Aging Medicine จาก Addlife Anti-Aging Center เผยว่าเมื่อเข้าสู่วัย 40 ขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมีปัญหาเกี่ยวกับผิวพรรณที่เริ่มมีริ้วรอย มีความหย่อนคล้อย เมแทบอลิซึมที่ช้าลง และฮอร์โมนที่เริ่มแปรปรวน ถ้าอยากดูอ่อนกว่าวัย ต้องดูแลตั้งแต่ผิวพรรณ การปรับอาหารการกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อน ไปจนถึงการดูแลสุขภาพจิตใจ

1. ใส่ใจเรื่องการบำรุงผิว

ผู้หญิงวัย 40 ต้องการบำรุงผิวมากขึ้น เนื่องจากผิวสูญเสียคอลลาเจนและความยืดหยุ่น ส่งผลให้เกิดริ้วรอยความหย่อนคล้อยได้ง่าย คุณหมอแนะนำดังนี้

ควรเลือกใช้สกินแคร์ที่เติมความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณและอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน (ภาพจาก iStock)
ควรเลือกใช้สกินแคร์ที่เติมความชุ่มชื้นให้กับผิวพรรณและอย่าลืมทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน (ภาพจาก iStock)

...

  • ใช้ครีมกันแดดทุกวัน ควรใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป และมีค่า PA+++ จะช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB รวมถึงป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย โดยควรทาทุกวัน แม้ในวันที่ไม่ได้ออกจากบ้านก็ตาม
  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เลือกใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก และเซราไมด์ จะช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิวได้ดี นอกจากนี้ ควรบำรุงด้วยซีรัมที่ช่วยฟื้นฟูผิวในช่วงกลางคืน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผิวขณะหลับ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว หากมีผิวแห้งควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีเนื้อครีมเข้มข้น ในขณะที่ผิวมันควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมัน และไม่อุดตันรูขุมขน
  • อย่าลืมดูแลผิวรอบดวงตา เพราะเป็นบริเวณแรกที่เกิดริ้วรอยได้ง่าย การใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ และวิตามิน E จะช่วยลดรอยคล้ำและริ้วรอยได้เป็นอย่างดี ควรนวดเบาๆ ขณะทาเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด

2. ปรับอาหารการกิน

โภชนาการที่ดี เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญของวิธีดูแลตัวเองไม่ให้แก่ อาหารที่มีประโยชน์จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพและความงามจากภายใน

  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักใบเขียว เช่น ผักโขม บรอกโคลี โปรตีนไขมันต่ำ จากปลา ไก่ และถั่ว ผลไม้น้ำตาลต่ำ เช่น สตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่
  • ลดน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดขาว เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ช่วยให้ระบบภายในทำงานได้ดีและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว โดยควรดื่มน้ำเปล่า และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหรือน้ำตาลสูง
  • บริโภคอาหารเสริม คอลลาเจนและวิตามิน C ช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ผิว เพิ่มความยืดหยุ่น ส่วน Omega-3 ช่วยลดการอักเสบและบำรุงสมอง อย่างไรก็ดี ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกอาหารเสริมเพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ที่ดี
ควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เลี่ยงของหวานและอาหารทอดที่ทำให้แก่เร็ว (ภาพจาก iStock)
ควรเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เลี่ยงของหวานและอาหารทอดที่ทำให้แก่เร็ว (ภาพจาก iStock)

3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนักและรักษาสุขภาพหัวใจแล้ว ยังช่วยชะลอวัย เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออีกด้วย โดยมีแนวทางดังนี้

  • ผสมผสานการออกกำลัง ทำทั้งคาร์ดิโอ และการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ โดยแบ่งเป็นการทำคาร์ดิโอ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยาน และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนัก เพื่อป้องกันการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
  • โยคะหรือพิลาทิสช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและลดอาการปวดเมื่อย อีกทั้งยังช่วยลดความเครียดปรับสภาพจิตใจให้ผ่อนคลาย
  • เดินเล่น หรือออกกำลังกายกลางแจ้งบ้างในช่วงเช้า นอกจากจะช่วยให้ได้รับวิตามิน D แล้ว ยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญและความสดชื่นให้สุขภาพจิตด้วย

...

พิลาทิสช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกายและช่วยคลายความเครียดได้ (ภาพจาก iStock)
พิลาทิสช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกายและช่วยคลายความเครียดได้ (ภาพจาก iStock)

4. พักผ่อนให้เพียงพอ

จะช่วยทำให้ร่างกายฟื้นฟูและซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ให้ผิวพรรณดูอ่อนกว่าวัย

  • นอนให้ได้ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เวลา 22.00-02.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองได้ดีที่สุด ลดการเกิดรอยคล้ำใต้ตาและริ้วรอย
  • งดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน 1 ชั่วโมง แสงสีฟ้าจากจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์คือตัวทำลายฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำให้หลับยาก ควรปิดอุปกรณ์และทำกิจกรรมผ่อนคลาย เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือฝึกการหายใจเพื่อเตรียมตัวเข้านอน
  • ใช้หมอนหรือปลอกหมอนที่ช่วยลดการเสียดสี ปลอกหมอนที่ทำจากผ้าไหมหรือผ้าซาตินจะช่วยลดการเสียดสี ป้องกันการเกิดริ้วรอยบนใบหน้าในขณะนอนหลับ และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเส้นผมอีกด้วย

...

5. จัดการความเครียด

ความเครียดทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งมีผลต่อการเกิดริ้วรอย การจัดการความเครียด ทำให้สุขภาพกายและจิตใจสมดุลมากขึ้น

  • ฝึกสมาธิ หรือทำ Mindfulness ฝึกสมาธิวันละ 5-10 นาที ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล รวมถึงการทำ Mindfulness หรือฝึกจดจ่อกับปัจจุบัน ช่วยให้มีสติในการเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น
  • หางานอดิเรกที่ชอบ สามารถช่วยลดความตึงเครียดและเพิ่มความสุขในชีวิตได้
  • พบปะสังสรรค์ การได้หัวเราะและใช้เวลาร่วมกับคนที่คุณรักจะช่วยสร้างฮอร์โมนแห่งความสุข และลดความเครียดได้อย่างดีเยี่ยม
การฝึกสมาธิวันละ 5-10 นาที ช่วยคลายความเครียดได้ (ภาพจาก iStock)
การฝึกสมาธิวันละ 5-10 นาที ช่วยคลายความเครียดได้ (ภาพจาก iStock)

นอกจากนี้ การเข้าคลินิกเสริมความงามเพื่อทำหัตถการดูแลผิวพรรณในชั้นลึกที่การทาครีมบำรุงไม่สามารถเข้าถึงได้ก็เป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ทำให้ดูอ่อนกว่าวัยได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยร่องลึกต่างๆ การใช้สารเติมเต็มเพื่อฟื้นฟูในส่วนที่ชั้นไขมันหรือชั้นกระดูกพร่องไปตามวัย ไปจนถึงการใช้กลุ่มเครื่องเพื่อยกกระชับความหย่อนคล้อยของใบหน้า เป็นต้น

...