การฉีดโบท็อกซ์นับว่าเป็นหนึ่งในหัตถการเพื่อความสวยงามที่หลายคนรู้จักและใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกเพื่อลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยบนใบหน้า และยังสามารถใช้ในการรักษาโรคอื่นๆ ได้อีกมากมาย แต่ขณะเดียวกัน หากไม่ระมัดระวังในการใช้ก็เสี่ยงต่อการมีภาวะ “ดื้อโบ” ที่ทำให้การรักษาไม่ได้ผลในระยะยาว

ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วาสนภ วชิรมน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง และอาจารย์ประจำหน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เผยถึงสาเหตุพร้อมวิธีป้องกันภาวะดื้อโบให้กับไลฟ์สไตล์ไทยรัฐออนไลน์ ในงานเสวนาระดับนานาชาติของคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม Aesthetic Council for Ethical Use of Neurotoxin Delivery (ASCEND) ที่จัดโดยบริษัทเมิร์ซ เอสเธติกส์ ไว้ดังนี้

  1. ไม่ควรฉีดโบถี่กว่าทุก 3 เดือน เพราะโบคือสารแปลกปลอมอย่างหนึ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดการต่อต้าน ดังนั้นเราจึงไม่ควรนำของแปลกปลอมเข้าร่างกายบ่อยนัก
  2. ควรฉีดเท่าที่จำเป็นในปริมาณน้อยๆ ก่อน แต่บางที่ก็ชอบจัดโปรโมชั่นโบเหมาขวด แล้วนำไปฉีดในพื้นที่ที่ไม่จำเป็น ก็ทำให้ร่างกายเกิดอาการดื้อโบได้ เพราะใช้จำนวนโดสต่อครั้งเยอะเกินไป
  3. ไม่ควรใช้โบในสูตรที่ไม่บริสุทธิ์นัก เพราะทำให้ร่างกายเกิดการดื้อโบได้ง่ายขึ้น
  4. ไม่ควรสลับยี่ห้อโบท็อกซ์ไปมาบ่อยเกินไป เพราะแต่ละยี่ห้อก็มีสูตรที่แตกต่างกัน ทำให้ร่างกายมองว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม และเกิดการดื้อโบได้ง่ายขึ้น
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วาสนภ วชิรมน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง และอาจารย์ประจำหน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล (ขวามือ)
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วาสนภ วชิรมน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง และอาจารย์ประจำหน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล (ขวามือ)

...

“ถ้าใช้ยี่ห้อเดิมแล้วคงคุณภาพการรักษาได้ก็ไม่ควรไปเปลี่ยนยี่ห้อ ให้ใช้แบบเดิมไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกว่าไม่ได้ผลแล้ว เช่น อยู่ได้สั้นลง หรือต้องเพิ่มโดสให้มากขึ้นถึงจะได้ผล อันนี้แปลว่าไม่ได้ดื้อเพราะเปลี่ยนยี่ห้อ แต่ดื้อเพราะตัวสูตรยาเอง ก็ควรจะเปลี่ยนเป็นโบท็อกซ์ที่ใช้ยี่ห้อที่มีความบริสุทธิ์มากขึ้น แต่ถ้าใช้ยี่ห้อเดิมแล้วไม่เจอปัญหาอะไรก็แนะนำว่าใช้ยี่ห้อเดิมไปก็ได้ ไม่ได้ผิดกติกาอะไร” ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วาสนภ กล่าว

การฉีดโบท็อกซ์ที่คอช่วยลดริ้วรอยบริเวณนี้ได้ (ภาพจาก iStock)
การฉีดโบท็อกซ์ที่คอช่วยลดริ้วรอยบริเวณนี้ได้ (ภาพจาก iStock)

สำหรับเนื้อหาการประชุมวิชาการในงานนี้คือต้องการให้ผู้บริโภคเลือกใช้โบท็อกซ์อย่างชาญฉลาดและเหมาะสม เพราะเป็นยาที่ดีและมีการใช้เพื่อการรักษาและเพื่อความงามมานานกว่า 20 ปีแล้ว และยังไม่มียาอื่นมาทดแทนเพื่อแก้ปัญหาแบบเดียวกันได้ ดังนั้นเราจึงควรใช้โบท็อกซ์อย่างชาญฉลาดที่สุดเพื่อไม่ให้ร่างกายเราเกิดภาวะดื้อโบ

ฉีดโบท็อกซ์ที่รักแร้ช่วยลดการเกิดเหงื่อได้ (ภาพจาก iStock)
ฉีดโบท็อกซ์ที่รักแร้ช่วยลดการเกิดเหงื่อได้ (ภาพจาก iStock)

อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วาสนภ แนะนำว่าหากต้องการใช้โบท็อกซ์เพื่อการรักษาที่ต้องฉีดบางส่วนของร่างกายซึ่งจำเป็นต้องใช้ปริมาณโดสจำนวนมาก เช่น น่อง ไหล่ ควรใช้โบท็อกซ์ที่มีความบริสุทธิ์สูงเพื่อป้องกันการดื้อโบ หรือถ้าก่อนหน้านี้เคยฉีดโบทั่วไปมาแล้วเปลี่ยนมาฉีดโบบริสุทธิ์ก็จะทำให้อาการดื้อโบน้อยลง

โดยในช่วงแรกที่เปลี่ยนร่างกายอาจจะยังต้องปรับตัวเพื่อรับสิ่งใหม่อยู่ อาจทำให้ไม่เห็นผลดีเท่ายี่ห้อก่อนหน้าที่ไม่ใช่โบบริสุทธิ์ ทำให้ไม่ตึงเท่าเดิม เพราะร่างกายต้องใช้เวลาปรับตัวก่อน ต้องฉีดโบบริสุทธิ์ไปสัก 2-3 ครั้งก่อนร่างกายถึงจะปรับตัวได้ ขณะเดียวกันหากเคยฉีดแต่โบบริสุทธิ์มาก่อนแล้วเปลี่ยนมาฉีดโบทั่วไปดูบ้าง ก็เจอปัญหาเดียวกัน เพราะร่างกายต้องใช้เวลาปรับตัว

...

ภาพจาก iStock
ภาพจาก iStock

“ในกรณีที่เคยดื้อโบมาแล้วมาฉีดโบบริสุทธิ์จะช่วยให้หายดื้อได้ เพราะคนบางกลุ่มเปลี่ยนแล้วค่อยๆ ดีขึ้น แต่คนบางกลุ่มก็เปลี่ยนแล้วไม่ดีขึ้นเลย ซึ่งแปลว่ามีอาการดื้อโบอย่างถาวร ทางแก้ที่ดีที่สุดคือหยุดฉีดจนกว่าอาการดื้อโบจะหายไปเอง ซึ่งการตรวจเลือดว่าเราดื้อโบหรือไม่จะมีราคาสูงมาก วิธีการทดสอบว่าดื้อโบหรือไม่ที่ดีที่สุดคือลองฉีดบริเวณริ้วรอยที่เห็นชัดดูก่อน เช่น หน้าผาก ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ไวที่สุดต่อการเปลี่ยนยา ถ้าฉีดไปแล้วไม่เห็นผลใดๆ แปลว่าดื้อโบ ให้หยุดฉีดจนกว่าร่างกายจะสลายไปเอง ส่วนเวลาที่สามารถกลับมาฉีดโบได้ก็ไม่ตายตัว แต่ควรเว้นอย่างน้อย 6 เดือนขึ้นไปแล้วค่อยกลับมาฉีดใหม่” ศาสตราจารย์ นายแพทย์ วาสนภ กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

...