พฤติกรรมในการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คนในยุคปัจจุบัน ส่งผลให้สถิติการป่วยด้วยโรคระบบทางเดินอาหารเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การกินอาหารดิบ อาหารเย็น อาหารปิ้งย่าง อาหารแช่แข็ง ไปจนถึงอาหารที่มีน้ำตาลและโซเดียมสูง อาหารรสจัด ล้วนแล้วแต่มีผลต่อระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะลำไส้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลายคนอาจมองว่าระบบย่อยอาหารเป็นเรื่องเล็กมากๆเมื่อเทียบกับระบบหลอดเลือด หัวใจ สมอง ตับ ไต แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว ความอันตรายของความเจ็บป่วยทุกระบบในร่างกายไม่ได้แตกต่างกัน และบางครั้งระบบย่อยอาหารที่ดูเหมือนอันตรายน้อยที่สุด อาจเป็นจุดเริ่มของระบบอื่นๆ เพราะทุกอย่างที่เรากินเข้าไปต้องได้รับการย่อยและดูดซึม หากอวัยวะที่ใช้ในการย่อยอาหารทำงานขัดข้อง แน่นอนว่าย่อมส่งผลเสียต่อร่างกาย และอาจอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
4 สัญญาณเตือนที่ต้องระวังว่าระบบย่อยอาหารของเราอาจจะกำลังมีปัญหา อย่างแรกอาการ ปวดท้อง โดยเฉพาะปวดบ่อยๆ ปวดที่เดิม อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าระบบย่อยอาหารของคุณอาจมีบางอย่างผิดปกติ หรืออาจมีโรคร้ายบางอย่างได้
...
ลักษณะอาการปวดท้องที่เป็นปัญหา เช่น ปวดท้องด้านขวาตอนบน อาจเกิดจากโรคตับ และถุงน้ำดี ปวดท้องบริเวณใต้ซี่โครง อาจเกิดขึ้นพร้อมกับอาการแสบกระเพาะอาหาร สันนิษฐานได้ว่าอาจมีปัญหาโรคกระเพาะ หรือลำไส้อักเสบ หรือบางครั้งโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่ถุงน้ำดีก็อาจเกิดขึ้นในบริเวณส่วนท้องที่เป็นแอ่งได้
ปวดท้องส่วนกลาง อาจเป็นโรคที่เกิดขึ้นที่ลำไส้เล็ก และลำไส้ใหญ่ หรือแม้แต่ไส้ติ่งอักเสบ เพราะมักมีอาการปวดท้องที่บริเวณนี้ก่อน แล้วจึงเลื่อนมาเป็นส่วนล่าง ปวดท้องด้านซ้ายตอนบน อาจมีสาเหตุมาจากโรคที่เกิดในลำไส้ใหญ่ เช่น โรคท้องผูกหรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ แต่หากมีอาการแสบกระเพาะอาหาร ก็อาจเกิดจากกรดและอาการเจ็บปวดเนื่องจากแผลในกระเพาะ ปวดท้องด้านขวาตอนล่าง อาจเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอย่างเฉียบพลัน หรืออาการอักเสบของลำไส้ ปวดท้องด้านซ้ายตอนล่าง หากมีอาการปวดและคลายสลับกัน พร้อมกับอาการท้องร่วง หรือเกิดจากอาการท้องผูก อาจเกิดจากโรคถุงผนังที่ลำไส้ใหญ่อักเสบ หรือมีความผิดปกติ เช่น ถุงน้ำ หรือเนื้องอกที่รังไข่ หรือมดลูก
ซึ่งไม่ว่าจะปวดท้องแบบใด หากเป็นบ่อยๆ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาทันที
อาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด เมื่อระบบการย่อยอาหารเริ่มมีปัญหา อาจเริ่มมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียดท้องหลังรับประทานอาหาร หากมีอาการมากๆท้องจะเกร็ง ร่วมกับอาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น เรอบ่อย เรอเหม็นเปรี้ยว ผายลมบ่อย ท้องใหญ่ขึ้น หรือท้องผูก และท้องเสียร่วมด้วย ผู้ที่มีอาการดังกล่าวจะยังคงรับประทานอาหารได้ตามปกติ น้ำหนักไม่ลด และส่วนมากมักมีน้ำหนักเกิน อาการเหล่านี้หากเป็นบ่อยๆอาจสันนิษฐานว่ากระเพาะอาหาร หรือลำไส้ทำงานไม่ปกติ
อาการ กลืนอาหารลำบาก อาจเกิดจากก้อนเนื้อ หรือก้อนมะเร็งในทางเดินอาหาร หรือหลอดอาหารได้ แต่อาจเป็นเพราะระบบการเคลื่อนไหวของหลอดอาหาร หรือระบบประสาททำงานไม่ดี หากกลืนอาหารประเภทของแข็ง เช่น เนื้อสัตว์ แล้วติด โดยเฉพาะตรงกลางอก สันนิษฐานว่าอาจมีก้อนเนื้อ หรือก้อนมะเร็งอยู่ในหลอดอาหาร หรือบริเวณใกล้เคียง แต่หากกลืนอาหารทั้งของเหลวและของแข็งได้ลำบากตั้งแต่ต้น อาจเกิดจากการบีบตัวไม่เป็นจังหวะของหลอดอาหาร อาการนี้อาจเป็นๆหายๆได้เช่นกัน
...
อาการ แสบกลางอก โดยเฉพาะในตอนกลางคืน ที่พบบ่อย คือ อาการของโรคกรดไหลย้อน ซึ่งเกิดจากหูรูดที่หลอดอาหารปิดไม่ค่อยสนิท กรดที่ไหลย้อนขึ้นมานี้อาจทำให้อักเสบ เป็นแผล หรือเลือดออกได้ อาการชัดเจนคือ แสบร้อนกลางอก และจะมีอาการดังกล่าวในเวลานอนตอนกลางคืน เวลานอนอาจจะมีอาการไอ สำลักหอบ นอกจากนี้หลังอาหารมื้อหนัก หากยกของหนักหรือนอนหงายกรดก็จะไหลขึ้นมาทำให้เกิดอาการแสบได้เช่นกัน
อาการผิดปกติเหล่านี้ หากเกิดขึ้นมากกว่า 2-3 ครั้งใน 1 อาทิตย์ หรือมีอาการไม่บ่อย แต่เป็นๆหายๆ บ่อยๆ ควรเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดจากแพทย์ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะหากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้รักษายากขึ้น ไม่หายขาด และอาจถึงขั้นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้.