สมัยก่อนที่วิทยาการยังไม่ก้าวหน้ามาก เราคิดว่า “ความอ้วน” เกิดจากการที่กินอาหารมากเกินไป หรือการเผาผลาญในร่างกายไม่ดี จึงทำให้เกิดไขมันและแคลอรีสะสม แต่เมื่อเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้น เราเริ่มพบว่า ความอ้วนและการลดความอ้วนนั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและทำได้ยาก
เพราะไม่ใช่แค่ใช้พลังใจ ความตั้งใจ การไม่ตามใจปาก หรือแค่ผลักดันตัวเองให้ออกกำลังกายแล้วจะสามารถลดความอ้วนได้ เพราะจริงๆแล้ว สาเหตุของความอ้วนไม่ได้เกิดจากแค่การกิน การไม่เผาผลาญ แต่เกิดจากการควบคุมของสมอง
การทดลองของทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติจากสหรัฐฯ และเนเธอร์ แลนด์ ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Nature Metabolism ฉบับล่าสุด รายงานผลการศึกษาเบื้องต้นถึงความเกี่ยวข้องของสมองกับความหิว ความอิ่ม และความอ้วน ว่าสมองของคนที่เป็นโรคอ้วนมีการตอบสนองทางประสาทแตกต่างจากสมองของคนที่มีน้ำหนักในเกณฑ์ปกติ โดยคนอ้วนมีการหลั่งฮอร์โมนโดพามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่สร้างความรู้สึกเป็นสุขพึงพอใจและความอิ่มหลังกินอาหารได้น้อยกว่าคนที่ไม่อ้วน
...
ดร.มิเรล์ เซอร์ลี ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาต่อมไร้ท่อ (endocrinology) จากมหาวิทยาลัยเยลของสหรัฐฯ หัวหน้าทีมวิจัยชุดนี้ ให้ข้อมูลว่า การทดลองดังกล่าวทำกับอาสาสมัคร 60 คน โดยใช้อุปกรณ์ fMRI และเครื่องสแกนคอมพิวเตอร์ชนิดอื่นๆ ติดตามดูการทำงานของสมองส่วน striatum ซึ่งเป็นปมประสาทตรงฐานสมองที่ควบคุมความต้องการแสวงหาและบริโภคอาหาร
“หลังจากอาสาสมัครได้รับอาหารเหลวที่เป็นไขมันและคาร์โบไฮเดรตทางสายยาง โดยต่อตรงเข้าที่กระเพาะอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงอิทธิพลของรสชาติและกลิ่นอาหารแล้ว ทีมผู้วิจัยได้ติดตามดูความเคลื่อนไหวของสมองส่วน striatum และระดับฮอร์โมนโดพามีนไปพร้อมกันเพื่อดูความเชื่อมโยง และพบว่ามีความเชื่อมโยงของฮอร์โมนโดพามีนกับการบริโภคอาหารจริง” เซอร์ลีบอกและว่า ที่น่าตกใจคือ ความผิดปกติในสมองของคนอ้วนจากการทดลองดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างถาวร และไม่สามารถแก้ไขให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ แม้คนอ้วนผู้นั้นจะลดน้ำหนักตัวลงได้สำเร็จถึงกว่า 10% แล้วก็ตาม
ส่วนที่ประเทศอิสราเอลมีการทดลองเกี่ยวกับความเชื่อมโยงของการบริโภคอาหารตามหลักโภชนาการที่แพทย์แนะนำ เช่น การกินผักผลไม้สด อาหารทะเล ธัญพืชเต็มเมล็ด รวมทั้งการหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป มีส่วนช่วยย้อนวัยให้อายุชีวภาพของสมองจนมีประสิทธิภาพในด้านการใช้ความคิดและความทรงจำที่ดีขึ้น
ผลการศึกษาดังกล่าวตีพิมพ์ในวารสาร eLife ระบุว่า การลดความอ้วนแบบถูกหลักโภชนาการนั้น สามารถชะลอความแก่ชราของสมอง และช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อของเครือข่ายประสาทภายในสมองที่ดีขึ้น โดยน้ำหนักที่ลดลงทุก 1% ของน้ำหนักตัว จะทำให้เกิดการย้อนวัยจนสมองมีอายุชีวภาพอ่อนเยาว์ลงได้ถึง 9 เดือน
ทีมนักประสาทวิทยาศาสตร์นานาชาติ นำโดย ดร.กิดอน เลวาคอฟ จากมหาวิทยาลัย Ben-Gurion University of the Negev ของอิสราเอล ทำการทดลองกับอาสาสมัคร 120 คน เป็นเวลาทั้งสิ้น 18 เดือน โดยแบ่งคนเหล่านี้ออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน โดยอาสาสมัครกลุ่มแรกได้กินอาหารแบบเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Diet) ซึ่งอุดมไปด้วยปลา ถั่วเมล็ดแข็ง และเนื้อไก่มากกว่าเนื้อแดง ส่วน กลุ่มที่สองกินอาหารแบบเดียวกันแต่ได้รับชาเขียวและสารโพลีฟีนอล (polyphenol) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ส่วนกลุ่มที่สามกินอาหารตามหลักโภชนาการพื้นฐานที่แพทย์แนะนำให้กับคนทั่วไป
...
ผลการทดลองปรากฏว่าผู้เข้าร่วมการ ทดลองทุกกลุ่มสามารถลดน้ำหนักลงมาได้โดยเฉลี่ย 2.3 กิโลกรัม ทั้งยังมีอายุชีวภาพของสมองลดลง โดยทุก 1% ของน้ำหนักตัวที่หายไป สมองจะมีความอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงตามปีเกิดของคนผู้นั้นถึง 9 เดือน โดยมีการทำงานเชื่อมต่อของระบบประสาทภายในสมองที่ดีขึ้น.