“นวดน้ำมัน” หนึ่งในศาสตร์การนวดผ่อนคลายที่ชาวมนุษย์เงินเดือนหลายคนต้องเคยได้ยินหรือได้เห็นกันมาบ้าง แต่อาจจะยังไม่เคยลองใช้บริการ และมีความสงสัยว่าต่างจากนวดแผนไทยอย่างไร ประโยชน์ของนวดน้ำมันมีอะไรบ้าง วันนี้เรามาหาคำตอบกัน
นวดน้ำมัน คืออะไร
นวดน้ำมัน (Oil massage) คือหนึ่งในรูปแบบของการนวดที่มีให้เลือกมากมายหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น นวดแผนโบราณ นวดเพื่อสุขภาพ นวดคลายเครียด ซึ่งนวดน้ำมันจัดอยู่ในกลุ่มของการนวดคลายเครียด เป็นทางเลือกที่หนุ่มสาวชาวออฟฟิศมักใช้ผ่อนคลายจากการทำงานเป็นเวลานาน
แม้ว่า นวดน้ำมัน จะเป็นการใช้มือนวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกายคล้ายกับการนวดแผนไทย แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ การนวดน้ำมันจะไม่ใช้แรงกดที่มากเท่ากับการนวดแผนไทย ที่เป็นการนวดเพื่อสุขภาพหรือเพื่อการรักษา เช่น ปวดคอ ปวดหลัง ปวดบ่า ปวดสะโพก ปวดขา เป็นต้น
...
ขณะที่นวดน้ำมันจะเป็นการนวดเพื่อความผ่อนคลายความตึงเครียด โดยใช้น้ำมันหอมระเหยทาทั่วบริเวณลำตัวเพื่อให้เกิดความลื่นมือและมอบสัมผัสที่นุ่มนวล เบาสบายกว่าการนวดแผนไทย รวมทั้งยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น และช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ผ่อนคลายอารมณ์ ซึ่งทำให้ผู้ถูกนวดรู้สึกสดชื่นได้ด้วย
ข้อดีของการนวดน้ำมัน
การนวดน้ำมันนอกจากจะช่วยผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยรักษาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อต่างๆ ได้ด้วย เช่น
- มนุษย์เงินเดือน คนทำงานออฟฟิศหรือทำงานฟรีแลนซ์ที่ต้องนั่งทำงานนานๆ มักมีอาการออฟฟิศซินโดรม ปวดตึงกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ หลัง
- ผู้ที่มีอาการที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกาย เคลื่อนไหวผิดท่า
- ผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง กล้ามเนื้อแข็งเกร็งมาก ซึ่งมีอาการสะสมมาเป็นระยะเวลานาน เช่น ปวดศีรษะ (ไมเกรน) รองช้ำ มือชา เท้าชา นิ้วชา นิ้วล็อก เป็นต้น
สรรพคุณทางการรักษาของการนวดน้ำมัน ได้แก่
- กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท ลดความตึงเครียด ผ่อนคลายจากความเมื่อยล้า
- กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดให้มีประสิทธิภาพ จึงช่วยให้เลือดนำออกซิเจน และสารอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบน้ำเหลือง
- ช่วยให้กล้ามเนื้อไม่แข็งตึง คลายพังผืดใต้ผิวหนัง เพิ่มความยืดหยุ่นให้ร่างกาย เกิดการฟื้นฟูระบบกล้ามเนื้อ และข้อต่อต่างๆ ให้ทำงานได้ดีขึ้น
- ช่วยบรรเทาอาการปวด ตึง เมื่อยล้า หลังจากการทำงาน และอาการบาดเจ็บหลังจากออกกำลังกาย
ข้อควรระวังในการนวดน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถนวดน้ำมันได้ เพราะมีข้อจำกัดสำหรับคนบางกลุ่มด้วยเช่นกัน ได้แก่
- ผู้มีผิวแพ้ง่าย เพราะน้ำมันหอมระเหยอาจไปกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ ทำให้เป็นตุ่มแดงหรือเกิดผื่นคันได้ ถ้าอยากนวดน้ำมันควรเลือกน้ำมันที่ไร้สี ไร้กลิ่น ไม่ใช่น้ำมันหอมระเหย เพื่อป้องกันอาการแพ้ แต่ยังมีสรรพคุณไม่ต่างกัน
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น มีภาวะเลือดออกผิดปกติ การติดเชื้อ โรคผิวหนัง ลิ่มเลือดอุดตัน มีบาดแผล แผลไฟไหม้ กระดูกหัก โรคกระดูกพรุนรุนแรง เกล็ดเลือดต่ำ
- ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการนวดน้ำมัน เนื่องจาก น้ำมันหอมระเหยบางชนิด เช่น น้ำมันหอมระเหยจากโหระพา พาร์สลีย์ ต้นเบิร์ช (Birch) หากสูดดมเข้าไปในปริมาณมากอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และการนวดยังอาจกดทับหรือกระทบกระเทือนทารกในครรภ์ได้
นอกจากนี้ก่อนจะนวดน้ำมัน ควรเลือกสถานประกอบการที่มีใบประกอบวิชาชีพ โดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กำหนดไว้ว่าการนวดไทยในสถานพยาบาลภาครัฐ เอกชน และสถานบริการ สถานประกอบการ จะต้องมีป้ายผู้ขออนุญาตแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน รวมทั้งยังต้องมีการคัดกรอง และจัดทำทะเบียนประวัติผู้ใช้บริการ พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญประกอบวิชาชีพคอยกำกับดูแลระหว่างให้บริการด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอันตรายได้มากขึ้น
...
อ้างอิงข้อมูล: สมาคมแพทย์อายุรเวทแผนไทยประยุกต์ แห่งประเทศไทย