สมัยนี้ "ผู้หญิง" กับเรื่องอย่างว่า ไม่ใช่เรื่องน่าอายอะไร เพียงแต่ต้องรู้จักดูแลตัวเองให้ดีและควรป้องกันทุกครั้ง นอกจากจะช่วยหลีกเลี่ยงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว "ผู้หญิง" ก็ต้องระวังเรื่อง "ท้องไม่พร้อม" ด้วย หลายคนอยากรู้ว่าวิธี "คุมกำเนิด" ควรใช้วิธีไหนดี?
ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ จะพา "ผู้หญิง" ไปรู้จักวิธี "คุมกำเนิด" แบบต่างๆ และเปรียบเทียบให้ดูว่าแต่ละแบบมีประสิทธิภาพแตกต่างกันอย่างไร? ในที่นี้ไม่นับรวมถุงยางอนามัย เป็นของสำหรับผู้ชายใช้ และคุณทั้งสองคนต้องใช้มันทุกครั้งเวลามีเพศสัมพันธ์ แต่ในบทความนี้จะเน้นเฉพาะวิธีคุมกำเนิดที่ผู้หญิงใช้เองนะจ๊ะ
6 วิธี "คุมกำเนิด" แบบไหนดีที่สุด?
1. ยาเม็ดคุมกำเนิด
เป็นวิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ หากกินอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ปัจจุบันยาคุมกำเนิดในท้องตลาด มี 2 ชนิด คือ ชนิด 28 เม็ด และ 21 เม็ด ซึ่งให้ผลในการคุมกำเนิดไม่แตกต่างกัน โดยยาคุมกำเนิดชนิด 28 เม็ด จะมีวิตามินเพิ่มขึ้นมาอีก 7 เม็ด เพื่อให้ผู้หญิงกินยาคุมกำเนิด ได้อย่างต่อเนื่องและไม่ลืมกินยา
...
วิธีกินยา : ทั้งชนิด 28 เม็ด และ 21 เม็ด ให้กินยาเม็ดแรกภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน และหลังจากนั้นให้กินติดต่อกันทุกวัน วันละ 1 เม็ดจนหมดแผง สำหรับยาคุมกำเนิดชนิด 28 เม็ด สามารถเริ่มกินแผงต่อไปได้เลย แต่สำหรับชนิด 21 เม็ด ต้องเว้นไป 7 วัน แล้วค่อยเริ่มกินแผงใหม่ ทั้งนี้ ควรกินในเวลาเดียวกันทุกวัน
ถ้าลืมกินยา ต้องทำยังไง?
- เมื่อลืมกินยา 1 เม็ด ให้รีบกินยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าลืมกินยาเกิน 1 วัน ให้กินยาพร้อมกัน 2 เม็ด
- เมื่อลืมกินยา 2 วัน ให้รีบกินยา 2 เม็ด ทันทีที่นึกได้ และให้กินอีก 2 เม็ดในวันต่อไป
- เมื่อลืมกินยามากกว่า 2 วัน ให้เลิกกินยาแผงนั้นไปเลย แล้วเริ่มยาคุมกำเนิดแผงใหม่ในรอบประจำเดือนถัดไป
ประสิทธิภาพ : สำหรับการใช้ยาที่สมบูรณ์แบบ กินยาตรงเวลาเป๊ะ-ไม่ลืม มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.3% แต่สำหรับการใช้ยาแบบคนทั่วไป ลืมกินบ้าง กินไม่ตรงเวลาบ้าง จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 8%
2. แผ่นแปะคุมกำเนิด
วิธีคุมกำเนิดวิธีถัดมา คือ ใช้แผ่นแปะผิวหนังคุมกำเนิด ยาในแผ่นแปะจะออกฤทธิ์เช่นเดียวกับยาคุมกำเนิดชนิดเม็ด แต่ใช้สะดวกกว่า ใช้แปะที่ผิวหนังบริเวณสะโพก หน้าท้อง ต้นแขนด้านนอก แผ่นหลังด้านบน โดยตัวยาจะซึมผ่านผิวหนังเข้าสู่กระแสเลือด
วิธีใช้ : เริ่มติดแผ่นแปะคุมกำเนิด ในวันแรกของประจำเดือน แปะไว้ 7 วัน แล้วเปลี่ยนแผ่นใหม่ เมื่อครบ 3 แผ่น ใน 3 สัปดาห์ ให้เว้นไม่ต้องแปะ 1 สัปดาห์
ประสิทธิภาพ : เทียบเท่ากับการกินยาเม็ดคุมกำเนิด แต่ประสิทธิภาพจะลดลงหากใช้ในคนน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กก.
3. ยาฉีดคุมกำเนิด
เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ได้ผลดี เพราะไม่ต้องกังวลกับปัญหาการลืมกินยา หรือลืมแปะแผ่นยา โดยสามารถเข้ารับบริการฉีดยาคุมกำเนิดได้ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด โรงพยาบาลประจำอำเภอ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รวมไปถึง คลินิก และโรงพยาบาลเอกชน
...
วิธีใช้ : ปัจจุบันยาฉีดคุมกำเนิดมีให้เลือก 3 ชนิด ได้แก่ ชนิด 1 เดือน (4 สัปดาห์) 2 เดือน (8 สัปดาห์) และ 3 เดือน (12 สัปดาห์) ซึ่งจะมีรอบฉีดทุกๆ 30 วัน 60 วัน และ 90 วัน ตามลำดับ
ประสิทธิภาพ : สำหรับการใช้ในคนทั่วไปโอกาสตั้งครรภ์ 3% และในคนที่ฉีดยาสม่ำเสมอสมบูรณ์แบบ โอกาสตั้งครรภ์มีเพียง 0.3%
4. ยาฝังคุมกำเนิด
วิธีคุมกำเนิดแบบนี้ ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด มีประสิทธิภาพสูง โดยขอรับบริการได้ที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชน สำหรับวัยรุ่นที่อายุไม่เกิน 20 ปี โรงพยาบาลรัฐมีบริการฝังยาคุมฟรี ส่วนผู้ที่อายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,000-2,500 บาท ซึ่งคุมกำเนิดได้นาน 3-5 ปี ตามชนิดของยา
วิธีใช้ : แพทย์จะฝังฮอร์โมนซึ่งบรรจุในหลอดพลาสติกขนาดเล็กๆ ไว้ใต้ผิวหนัง บริเวณต้นแขนด้านใน การฝังยานี้อาจมีผลทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติหรือกะปริบกะปรอย
ประสิทธิภาพ : มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก เพียง 0.01%-0.5%
...
5. ห่วงคุมกำเนิด
วิธีคุมกำเนิดวิธีต่อมา คือ การใส่ห่วงอนามัย ซึ่งสามารถคุมกำเนิดได้ดีมีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน มีลักษณะเป็นเหมือนรูปตัว T ขดไปมาในมดลูก เพื่อป้องกันการฝังตัวของไข่ โดยสามารถรับบริการใส่ห่วงคุมกำเนิดได้ที่สถานบริการสุขภาพ ผู้ที่ใส่ห่วงคุมกำเนิดควรหมั่นตรวจตราด้วยตัวเองทุกเดือน หากห่วงเกิดหลุดขึ้นมา ก็อาจตั้งครรภ์ได้
วิธีใช้ : ใส่เข้าไปทางปากมดลูก ตัวห่วงจะกางอยู่ในโพรงมดลูก ห่วงคุมกำเนิดบางรุ่นจะสามารถปล่อยฮอร์โมนโพรเจสเทอโรน ออกมาช่วยคุมกำเนิดได้ ผู้ใช้ควรมาตรวจภายในทุกปี เพื่อเช็กสภาพและตำแหน่งของห่วงคุมกำเนิด
ประสิทธิภาพ : มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมาก เพียง 0.06%-0.08%
6. ยาคุมฉุกเฉิน
เป็นวิธีคุมกำเนิดที่ใช้หลังจากมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันในกรณีฉุกเฉินจริงๆ เช่น ไม่ได้คุมกำเนิดโดยวิธีใดๆ เลย หรือใช้การคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นแล้ว แต่เกิดการผิดพลาด หรือกรณีถูกข่มขืนกระทำชำเรา
...
สิ่งที่ต้องระวัง : ไม่ควรนำยาคุมฉุกเฉินมาใช้แทนที่วิธีการคุมกำเนิดปกติ เพราะวิธีนี้มีประสิทธิภาพต่ำ และทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้สูง หากใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน และอาจทำให้ตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ ไม่ควรใช้บ่อยๆ (ห้ามใช้เกิน 2 กล่องใน 1 เดือน)
วิธีใช้ : ยาคุมฉุกเฉิน 1 กล่อง มี 2 เม็ด ให้กินภายใน 72 ชม. หลังมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน และกินยาพร้อมกันทั้ง 2 เม็ด หรือกินทีละเม็ด ห่างกัน 12 ชม.
ประสิทธิภาพ : มีโอกาสตั้งครรภ์ 2%-8%
ติดตามเรื่องราว "สุขภาพ" ดีๆ สำหรับผู้หญิงกันต่อได้ที่ : 7 อาการ "ตกขาว" ผิดปกติของ "ผู้หญิง" และ Thairathwomen
ที่มา : thaihealth, anamai, honestdocs