ร้านอาหารไทยพื้นบ้านครองใจชาวนนทบุรีมายาวนานกว่า 17 ปี เกือบจะปิดตำนานไปแล้ว เนื่องจากเจ้าของสูตรอาหารต้นตำรับถึงแก่กรรม ทำให้ทางครอบครัวเลือกจะหยุดกิจการ แต่แล้วทายาทเจ้าของร้านเกิดเปลี่ยนใจ เมื่อเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้เชี่ยวชาญด้านการอาหารคนใหม่ สนใจเข้ามารับช่วงสืบสานตำนานร้านอาหารแห่งนี้ให้คงอยู่คู่เมืองนนท์ โดยจะคงรสชาติอาหาร, คุณภาพ และวิธีการปรุงตามแบบต้นตำรับแท้ๆ
“คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำร้าน “ครัวขมิ้น ลาภปลาตะเพียน” ของ “คุณหญิง กนกวรรณ เงินหรั่ง” อายุ 48 ปี ผู้มาสืบสานตำนานความอร่อยของร้าน “ครัวขมิ้นโฉมใหม่” ร้านตั้งอยู่ริมถนนเลี่ยงเมืองนนท์ หลังใช้เวลาปรับปรุงร้านเกือบ 2 เดือน ทำให้บรรยากาศภายในร้านสวยงาม โอ่โถงโปร่งโล่งสบายด้วยผนังกระจก มองเห็นบรรยากาศนอกร้าน คุณหญิงนำของสะสมที่เก็บไว้ส่วนตัวมาประดับร้าน ทั้งล้อปั่นฝ้าย, รูปสะสม และภาพวาดสีน้ำ ผลงานของศิลปินช้างที่ได้ประมูลมาจากศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย เพิ่มความเก๋ไก๋ด้วยเครื่องจักสานประยุกต์เป็นโคมไฟระย้า และเสาไม้ หน้าตาคล้ายน้ำพุ ที่สำคัญมีการขยายพื้นที่ลานจอดรถให้สะดวกสบายไม่ต้องจอดริมถนนเหมือนแต่ก่อน
...
หลังจาก “คุณนันติชัย ทิตย์วงศ์” เจ้าของสูตรอาหารถึงแก่กรรม ฝ่ายภรรยา “คุณเสริมพร ไชยณรงค์” ได้พูดคุยกับคุณหญิง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการทำอาหารไทย และเล็งเห็นถึงความตั้งใจจริง จึงไว้วางใจให้คุณหญิงเข้ามารับช่วงสานต่อตำนานร้านที่เปิดมานาน 17 ปี พร้อมรับพนักงานทั้ง 7 คน เป็นเด็กพิเศษ 2 คน มาร่วมงาน โดยยังคงชื่อเดิมของร้านไว้ เพียงเล่นคำจาก “ลาบปลาตะเพียน” เป็น “ลาภปลาตะเพียน” สื่อความหมายว่ากินแล้วเฮง
“มาถึงที่นี่ต้องลอง ลาภปลาตะเพียนค่ะ” คุณหญิงในชุดเชฟทะมัดทะแมงแนะนำเมนูเด็ดประจำร้าน พร้อมอธิบายว่า “จานนี้โดดเด่นด้วยเครื่องปรุงสมุนไพรจากภาคเหนือ วัตถุดิบและเครื่องปรุงทุกอย่างต้องตำและทำใหม่ทุกวัน เป็นอาหารสดวันต่อวัน เน้นความสะอาดปลอดภัย และที่สำคัญต้องอร่อย “ลาภปลาตะเพียน” นำปลาตะเพียนไปขอดเกล็ดออก แล้วเอาเกล็ดปลาไปทอดกรอบเพื่อนำมาแนมกับตัวลาภปลา ตะเพียน ส่วนเนื้อปลาตะเพียนจะนำไปสับด้วยมือ บีบมะนาว และลงไปคั่วในกระทะกับเครื่องแกง ส่วนเครื่องพริกลาบปรุงรสชาติให้ออกรสเปรี้ยว, เผ็ด, เค็ม โรยเกล็ดปลาทอด, ผักชีฝรั่ง และผักแพว เป็นเครื่องแนมดับกลิ่นคาวของปลา ทำให้มีรสชาติกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น ส่วนหัวปลาและไข่ปลาของปลาตะเพียน ใช้ปรุงน้ำซุปทานคู่กับลาภปลาตะเพียน ได้รสชาติออกเปรี้ยวโล่งคอ หอมกลิ่นมะแขว่น”
ผมชิม “ลาภปลาตะเพียน” อร่อยสมกับเป็นเมนูเด็ดประจำร้าน รสชาติเปรี้ยว, เผ็ด, เค็ม และกลมกล่อมเข้าที่ ยิ่งน้ำซุปหัวปลาตะเพียน ซดร้อนๆโล่งคอดี กลิ่นหอมของสมุนไพรไทยจรุงใจ
คุณหญิงย้ำว่า “ลาภปลาตะเพียน เป็นอาหารที่หากินยากมาก มีเฉพาะที่ร้านครัวขมิ้นแห่งเดียว”
จานต่อมา “ทอดมันหัวปลี” แค่เห็นสีสันของทอดมันหัวปลีช่างยั่วน้ำลาย หัวปลีสับคลุกเคล้ากับเครื่องพริกแกงผสมหมูสับนิดหน่อย แล้วนำไปทอดในน้ำมันท่วมๆ ทอดให้สีของหัวปลีเข้มขึ้น เวลากัดทำให้ได้รสสัมผัสถึงความกรุบกรอบ หอมกลิ่นเครื่องพริกแกง รสชาติเข้มข้น เติมน้ำจิ้มลงไปยิ่งเพิ่มอรรถรสการกินให้มีมิติยิ่งขึ้น
ส่วน “ทอดมันปลากราย” ปลากรายเนื้อหนึบมาก หอมเครื่องพริกแกง เคี้ยวแล้วเพลิดเพลินเป็นที่สุด
“กลิ่นพริกแกงหอมมากเลยครับ” ผมเอ่ยปากบอกคุณหญิง
คุณหญิงยิ้มรับด้วยแววตาเป็นประกาย “ถ้าลูกค้ามาทานที่ร้านตั้งแต่ตอนเปิดร้าน จะได้ยินเสียงโขลกพริกแกงดังมาจากห้องครัว พริกแกงของเรามีเอกลักษณ์เรื่องความหอมของเครื่องสมุนไพรไทย เพราะตำสดใหม่วันต่อวัน เครื่องพริกแกงที่สำคัญ คือ ข่า, ตะไคร้, มะแขว่น, ผิวมะกรูด, หัวหอม และกระเทียม เอามาโขลกให้ละเอียด นี่เป็นสูตรดั้งเดิมที่ “คุณนันติชัย” บันทึกไว้ พื้นเพของ “คุณนันติชัย” เป็นคนภาคเหนือตอนล่าง จึงใช้มะแขว่นเป็นส่วนผสมในการตำพริกแกง ทำ ให้ได้กลิ่นอายอาหารภาคเหนือนิดๆ ทุกอย่างต้องรักษาไว้เป็นรสชาติดั้งเดิมของครัวขมิ้น”
...
อาหารอร่อยยังมีให้ชิมอีกหลายจาน อย่าง “ผัดฉ่าปลาคัง” เนื้อปลาไร้กลิ่นคาว เนื้อติดหนังเคี้ยวหนึบหนับ รสชาติอร่อยมีความเผ็ดร้อนด้วยเครื่องผัดฉ่า หอมกลิ่นกระชาย หรือจะเป็น “แกงแค” เมนูเด่นประจำภาคเหนือ ใส่ส่วนผสมของผักตำลึงและใบชะพลู สามารถเลือกเนื้อสัตว์ได้ทั้ง กบ, ไก่, ปลา, หมูและเนื้อ อีกจานแนะนำรวมถึง “ปลาทับทิมทอดตะไคร้” เสิร์ฟคู่กับสลัดผัก และน้ำยำมะม่วง เนื้อปลาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ชุบแป้งทอดกรอบ ทานคู่กับน้ำยำมะม่วงรสแซ่บ กินแล้วเจริญอาหาร ตบท้ายด้วย “ไข่ตุ๋น” ลูกค้ามาทานเป็นต้องสั่งทุกโต๊ะ ไข่ตุ๋นเนื้อเนียนนุ่มสไตล์ญี่ปุ่น หลังผ่านการนึ่งนานถึง 50 นาที
คุณหญิงเล่าว่า “หญิงรักการทำอาหารไทยมาตั้งแต่เด็ก ใช้พรสวรรค์บวกกับพรแสวง โดยร่ำเรียนนาน 1 ปี จากโรงเรียนช่างฝีมือในวังหญิง ที่พระบรมมหาราชวัง ใช้เวลา 800 ชั่วโมง จบการศึกษาด้านอาหารไทยชั้นสูง เอาความรู้ที่เรียนมาใช้ต่อยอดในการทำร้านอาหาร ส่วนเทคนิค, ส่วนผสม และการจัดเครื่องเคียง นำมาใช้กับงานครัวให้มีความสวยงามมากยิ่งขึ้น”
...
“ในอนาคตจะมีการเพิ่มเมนูอาหารไทยพื้นบ้านที่หายไป เช่น เมนูโบราณหาทานยาก “แกงมัสมั่นทุเรียน” นำทุเรียนดิบมาทอดแล้วเอาไปปรุงแกงมัสมั่น หรือ “แกงเขียวหวานลำไย” ก็อยากจะรื้อฟื้น ทั้งผักและผลไม้สามารถแปรรูปเป็นอาหารไทยพื้นบ้านได้หมด หญิงอยากให้คนได้ทานอาหารพื้นบ้านรสชาติอร่อย และคงไว้ซึ่งวัตถุดิบเก่าๆ เป็นรสชาติและกลิ่นที่สูญหายไปแล้ว ด้วยวิธีการทำที่ประณีต ละเอียดอ่อน และพิถีพิถัน เป็นเสน่ห์ของอาหารไทยพื้นบ้าน”
...
ที่ผ่านมา “ครัวขมิ้นโฉมใหม่” เน้นการให้บริการอย่างเป็นกันเอง ลูกค้าเก่าแก่ของครัวขมิ้นที่ชื่นชอบอยู่แล้ว ยิ่งชื่นชอบขึ้นไปอีก เราเป็นร้านอาหารแนวครอบครัว บรรยากาศอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน โดยหญิงจะทำหน้าที่ให้บริการลูกค้าด้วยตัวเอง นอกจากนี้ยังมีกาแฟสดให้ลูกค้าได้จิบพร้อมนั่งชมบรรยากาศชิลๆ อยากให้ทุกท่านมาชิมอาหารแบบพื้นบ้านของ “ครัวขมิ้น ลาภปลาตะเพียน”
สนนราคา ลาภปลาตะเพียน 250 บาท, ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง 135 บาท, แกงแค 160 บาท, ปลาคังผัดฉ่า 250 บาท, ทอดมันหัวปลี 135 บาท, ทอดมันปลากราย 155 บาท นอกจากนี้ยังมี ยำเห็ดโคนทะเลญี่ปุ่น 165 บาท ส่วนอาหารจานเดียว ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม 125 บาท พร้อมเมนูให้เลือกกว่า 100 รายการ “ร้านครัวขมิ้น ลาภปลาตะเพียน” เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. สำรองที่นั่งโทร. 0–2966–9911 และ 09–2273–4344 หรือ Facebook : ครัวขมิ้น ลาภปลาตะเพียน Krua–Ka–Min หรือสั่งดีลิเวอรีทาง Grab และ LINE MAN.
คุณชายแป๊ะ
คลิกอ่านคอลัมน์ “คุณชายตะลอนชิม” เพิ่มเติม