เมนูขึ้นสำรับวันนี้ เป็นอาหารไทยโบราณที่หาทานได้ยาก จึงไม่เป็นที่รู้จักของคนยุคนี้ เลยทำให้เมนูแสนอร่อยนี้หายไปจากสำรับอาหารไทยหมดแล้ว และเนื่องจากคนยุคนี้ไม่ทานเนื้อวัวกันมากขึ้น คุณเจี๊ยบ-ณัฐสุวีร์ กาญจนมงคล จึงเปลี่ยนสูตรดั้งเดิมของคุณยายหม่อม จากเนื้อ เค็มมาเป็นหมูเค็มแทน ซึ่งยังคงรสชาติเหมือนเดิม
คุณเจี๊ยบเล่าว่า คุณยายหม่อมเจ้าของสูตรเนื้อเค็มต้มกะทิ คือหม่อมเรณี กาญจนมงคล คุณยายแท้ๆของเธอ ซึ่งเป็นลูกครึ่งไทย-อิตาเลียน เพราะมีคุณพ่อเป็นชาวอิตาเลียน ที่มารับราชการเป็นครูสอนดนตรี(แตรวง) ที่กองดุริยางค์ทหารเรือ ส่วนคุณยายเคยเป็นชายาใน มหาอำมาตย์ตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุริยงประยุรพันธ์ กรมหมื่นไชยาศรีสุริโยภาส พระราชโอรสองค์ที่ 51 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาโหมด และมีพระเชษฐาร่วมเจ้าจอมมารดา คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ คุณยายจะพำนักอยู่ในวังตลอด และจะชอบเข้าไปคลุกคลีอยู่ในห้องเครื่อง ด้วยความชอบทำอาหาร จึงได้เรียนรู้เรื่องอาหารการครัวมาเยอะมาก ต่อมาคุณยายมาแต่งงานใหม่และมีลูก 2 คน ทุกครั้งที่ลงครัวคุณยายก็ชอบให้หลานๆเข้าไปคลุกคลีอยู่ในครัวด้วย เพื่อเรียนรู้เรื่องการทำอาหาร จึงทำให้เจี๊ยบได้สูตรและวิธีทำอาหารมาจากคุณยายหม่อม อย่างเช่น เนื้อเค็มต้มกะทิ สูตรโบราณนี้แหละค่ะ ซึ่งกรรมวิธีในการทำง่ายแสนง่ายและเครื่องปรุงก็ไม่เยอะด้วย วันนี้เรามารื้อฟื้นความทรงจำสมัยอดีตกันดีกว่า.
...
เครื่องปรุง : หมูเค็มหรือหมูแดดเดียว 300 กรัม/กะทิ คั้นเอาหัวกะทิ 1 ถ้วย หางกะทิ 2 ถ้วย/หอมแดง ซอย 20 หัว/น้ำตาลปี๊บ 2-3 ช้อนโต๊ะ/เกลือสมุทร-น้ำปลามากน้อยตามชอบ/พริกขี้หนูสวน/ใบมะกรูดฉีก/ใบมะกรูดซอยสำหรับโรยหน้า.......วิธีทำ 1) ย่างหมูเค็มแล้วทุบให้นุ่ม หั่นเป็นชิ้นบางๆ 2) นำหางกะทิใส่หม้อ ใส่หมูเค็มและหอมแดงลงเคี่ยวกับหางกะทิด้วยไฟอ่อนๆ เคี่ยวให้น้ำกะทิงวดจนหมูเค็มเปื่อย. 3) ปรุงรสด้วย น้ำปลา เกลือ น้ำตาลปี๊บ ชิมให้ได้รสชาติออกหวานและเค็ม 4) ใส่พริกขี้หนู ใบมะกรูดฉีกลงไป คนให้เข้ากัน ไม่ควรให้พริกขี้หนูสุกมากนัก แต่หอมแดงยิ่งใส่เยอะๆจะยิ่งหอมและอร่อยมาก โดยเพิ่มหอมแดงไปตอนท้ายอีกก็ได้ เป็นการเพิ่มความหอมอย่างคลาสสิก และฉีกใบมะกรูดใส่ตามลงไปอีกก็ได้ และถ้าไม่ชอบให้กะทิแตกมันมากจะใส่หัวกะทิไปตอนท้ายก็ได้ ชิมรสให้ถูกใจก่อนยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วยโรยด้วยใบมะกรูดหั่นฝอย รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยจนลืมไม่ลงแน่นอน.