คำว่า ''ชีพจรลงเท้า'' คงเหมาะกับผู้ชายคนนี้ที่สุดแล้ว กับชีวิตท่องโลกของ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” เพราะงานของเขาคือเก็บประสบการณ์แปลกจากต่างแดนมาเล่าให้เราฟัง แต่ใครจะรู้บ้างว่ากว่าจะมาเป็นณวัฒน์ในวันนี้ ผ่านอะไรมาบ้าง
ย่อชีวิต ''ณวัฒน์ อิสรไกรศีล''
เส้นทางชีวิตของพิธีกรหนุ่มท่าทางสบายๆ แลดูใจดีที่พาผู้ชมท่องเที่ยวไปยังสถานที่แปลกหู แปลกตาต่างๆ ในโลกอยู่บ่อยๆ เป็นเรื่องที่หลายคนอาจเคยได้ยิน ได้ฟัง หรือได้อ่านผ่านตามาบ้างแล้ว ชีวิตของเขาคนนี้ไม่ได้มีดีแค่ฝันหรือเพียงรอวันที่กงล้อแห่งโชคชะตาหมุนเอาคำว่าโชคดีมาบรรจบ แต่เขาขับเคลื่อนฝันและปั้นฝันนั้นให้เป็นจริงได้ด้วยตัวเอง เพราะเชื่อว่าการที่คนเราเลือกจะมีหรือเป็นได้ ไม่ใช่เพียงคาดหวังจากต้นทุนชีวิต “ผมเล่นเกมโชว์หาเงินเรียนมาตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายครับ ได้ไปเมืองนอกครั้งแรกเพราะแข่งเกมโชว์แล้วทำแจ็กพอตแตกจึงได้ไปฮ่องกง เล่นอยู่แทบทุกเกมที่มีฉายทางทีวี ทำอย่างนี้อยู่ปีกว่าได้เงินเก็บมาเป็นล้าน (ยิ้ม) จากนั้นจึงหันมาขายของเพราะอยากฝึกการพูดคุยกับคนและหาเงินระหว่างเรียน กระทั่งได้มาขายสารานุกรมจนถึงรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ขายดิบขายดีจนได้เป็นผู้จัดการสาขาตั้งแต่อายุ 22 ปี นับว่าเด็กมาก พอเรียนจบมหาวิทยาลัยจึงเปลี่ยนมาทำไกด์ทัวร์ เพื่อจะได้เดินทางบ่อยๆ โดยไม่ต้องจากบ้านถาวร ทำอยู่หลายปีก็ผันมาเปิดบริษัททัวร์ของตัวเอง ยอดจองทัวร์เยอะมากเพราะผู้หลักผู้ใหญ่ให้การสนับสนุน จนอายุประมาณ 27 ปี เส้นทางชีวิตก็เปลี่ยนสิ้นเชิง
...
“ตอนนั้นมีผู้บริหารไอทีวีมาเป็นลูกทัวร์ ท่านคงเอ็นดูและชื่นชอบในวิธีการทำงานจึงชวนมาทำทีวี รายการแรกที่ทำชื่อ ‘Exhibition Show’ เป็นรายการพาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก ทำได้ไม่นานเพราะรายการไม่เปรี้ยง ผู้ใหญ่จึงให้โอกาสทำรายการใหม่ คราวนี้ได้เวลาดีด้วยคือกลางดึกวันอาทิตย์ จึงได้มาเป็นรายการ ‘ก่อนถึงจันทร์’ ทำอยู่ 9 ปี จนสถานีปิดตัวไป รายการจึงปิดตาม จากนั้นได้ไปทำรายการอื่นๆ ทั้งดังบ้างดับบ้าง ที่คนชื่นชอบมากๆ คือ ‘เปิดเมืองแปลก ’และ ‘คุยแหกโค้ง’"
ชีวิตของชายผู้นี้เริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย หลังจากที่ณวัฒน์ได้พบกับผู้บริหารช่อง 3 “ผมโชคดีได้เจอกับ'ไบรอัน มาร์คาร์' ผู้บริหารช่อง 3 โดยบังเอิญในลิฟต์ ท่านชวนว่าสนใจมาทำงานด้วยกันไหม หลังจากนัดคุยเสร็จสรรพก็ได้ย้ายไปอยู่ช่อง 3 ทำรายการข่าวอยู่หนึ่งปีเต็ม ชื่อรายการ ‘ก๊วนข่าวเช้าวันหยุด’ แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะกับตัวเอง จึงขอย้ายไปทำบันเทิง ทำทั้งช่อง 3 และช่อง 5 กระทั่งผู้ใหญ่ยื่นโอกาสให้เลือกทำโปรเจกต์ใหญ่ ผมจึงขอเข้ามาดูแลเวทีนางงามมิสไทยแลนด์เวิลด์ ตั้งแต่ปี 2007 จนถึงปัจจุบันครับ" และนอกจากเป็นโต้โผจัดประกวดนางงาม งานพิธีกรก็ยังทำชื่อเสียงให้เขามากเช่นเดียวกัน อาทิ รายการ ‘Tonight Show’ และ ‘Miracle of Life’ ส่วนงานบริษัททัวร์ก็ยังไม่ทิ้ง
10 ร้านเด็ดในดวงใจในฐานะมนุษย์เดินทาง
เพราะด้วยการทำงานที่ต้องเดินทางพบเจอประสบการณ์ใหม่ๆ น่าตื่นใจตลอดเวลา ระหว่างทางที่ว่ามีร้านเด็ดมาแนะนำบ้างไหม ซึ่งพอหนุ่มณวัฒน์ฟังคำถามก็ขำนำ ก่อนตอบว่า “ไปมาเยอะ ชิมมาเยอะ จนไม่ค่อยรู้สึกว่าอันไหนพิเศษ แต่ถ้าให้เลือกผมขอเลือก 10 ร้าน ดังนี้ครับ ร้านแรกเป็นร้านที่คนไทยรู้จักกันดี คือร้านเป็ดย่างโฟร์ซีซั่นส์ จะให้อร่อยต้องเป็นสาขาที่ลอนดอน สาขาอื่นไม่กล้าคอนเฟิร์ม และต้องสั่งเป็ดย่างกับหมูแดง พลาดไม่ได้ ร้านที่ 2 เป็นร้านขนมชื่อดังและเก่าแก่มากในกรุงปารีส ซึ่งก็คือ Ladurée นั่งกินมาการองคู่กับชาอุ่นๆ นั่งมองวิวเพลินๆ เจริญใจดีแท้ ร้านที่ 3 ร้านอาหารไทย Blue Elephant สาขาแรกที่เบลเยียม แนะนำเมนูปลาสามรสเปาะเปี๊ยะทอด และต้มยำกุ้ง ร้านที่ 4 อยู่ที่เยอรมนีชื่อร้านWeinwirt ในมิวนิก เมนูขาหมูเยอรมันของแท้อร่อยมาก มีขายเฉพาะวันจันทร์เท่านั้น ต่อไปร้านที่ 5 ผมยกให้ Ithaa ที่โรงแรม Conrad Maldives Rangali Island เป็นร้านอาหารในบรรยากาศใต้ทะเล กินอาหารไปมองเห็นโลกใต้ทะเลไป ไม่มีเมนูไหนถูกใจเป็นพิเศษ เพราะบรรยากาศช่วยให้อร่อยได้เยอะเลย (หัวเราะ) ร้านที่ 6 คือ Blinde Kuh เมืองซูริก สวิตเซอร์แลนด์ เป็นร้านที่กินอิ่มแล้วได้กุศล เพราะร้านนี้เสิร์ฟในบรรยากาศมืดสนิท พนักงานในร้านล้วนเป็นคนตาบอด และรายได้ของร้านจะนำไปช่วยคนตาบอดด้วยครับ ถึงร้านที่เท่าไรแล้ว 7 แล้วนะ คราวนี้เป็นร้านบุฟเฟต์นานาชาติที่โรงแรม Emirate Palace ทุกเมนูทั้งหวานและคาวของที่นี่จะเสิร์ฟพร้อมผงทองคำแท้ อลังการมาก ต่อกันที่ร้านที่ 8 อยู่ที่สิงคโปร์ ชื่อร้านอ่านยากหน่อย NG AH SIO Pork Ribs Soup Eating House ร้านนี้ขายบะกุ๊ดเต๋มาแล้ว 3 ชั่วอายุคน อร่อยมาก ผมว่าอร่อยที่สุดในประเทศนี้แล้วล่ะ"
...
หยุดหายใจเล็กน้อยก่อนเล่าถึงร้านที่เหลือ “ส่วนร้านที่ 9 ต้องให้ร้านในญี่ปุ่นชื่อร้าน Modern Toilet จะสั่งเมนูอะไรก็ตามแต่ ทุกจานต้องเสิร์ฟมาในรูปแบบโถส้วมได้บรรยากาศแปลกๆไปอีกแบบหนึ่ง สำหรับร้านสุดท้ายไม่มีชื่อร้าน เพราะไม่เจาะจงเป็นพิเศษ ผมหมายถึงร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะร้านเล็กจ้อยเท่าเพิงขายข้าวแกงแค่ไหนก็อร่อย กินได้แทบทุกร้าน ซูชิ ซาชิมิ ปลาดิบ อะไรแนวนี้ กินแบบชาวบ้านญี่ปุ่นกินจริงๆ อร่อยได้อารมณ์มากครับ”
10 ประสบการณ์จานแปลก
“เมนูแปลกนี่เจอมาเยอะมาก ทั้งที่ได้ชิมและได้แค่ชม ที่แปลกคงเป็นเรื่องของวัฒนธรรม แปลกของเราแต่ธรรมดาของเขาเช่นกันกับที่เขามาเจอแมลงทอดของเราแล้วว่าแปลกนั่นแหละครับ มันไม่ใช่เรื่องความพิสดารผิดมนุษย์มนาอะไรนะ ของแปลกอย่างแรกอยู่ที่เนปาล เป็นซาลาเปาเนื้อควาย หน้าตาเหมือนหมูสับเลยครับ แต่จะหยาบและมีมันสีเหลืองๆ แทรกอยู่ ส่วนรสชาติขอละไว้ในฐานที่เข้าใจแล้วกัน อันต่อมาคือสเต๊กเนื้อจิงโจ้ที่ออสเตรเลีย กลิ่นฉุนจัด ใครไม่เคยลองนี่ขอบอกว่าลองกินยากมาก ส่วนตัวผมคิดว่าน่าสงสารมากกว่าน่ากิน แล้วก็มีซาชิมิปลาปักเป้า จานนี้เนื้อใสเหนียวเคี้ยวแทบไม่ขาด แถมถ้าคนทำทำไม่เป็นอาจมีพิษหลงเหลืออีกด้วย ที่สำคัญคือ ปลาปักเป้าสำหรับทำซาชิมิต้องเลี้ยงไว้เพื่อนำมาชำแหละเป็นๆ สดๆ ออกจะสยดสยองหน่อย จานนี้ขอบาย ไปกินแซลมอนหรือทูน่าสบายใจกว่า"
...
“ต่อกันด้วยเนื้ออูฐย่าง อันนี้ไม่เคยลองได้แต่มองคนอื่นกิน มีขายมากแถวตะวันออกกลาง หลังจากที่มองๆดูแล้วได้ข้อสรุปว่า ไม่กินดีกว่าครับ นอกจากนี้ยังมีหัวแพะย่าง เป็นจานเด็ดของชาวเนปาลเขาเลยล่ะ โดยจะนำหัวแพะไปย่างทั้งหัว เอามากินคู่กับน้ำซุป เห็นตอนแรกตกใจมาก เพราะมีครบทั้งหูตาจมูกปากประจันหน้ากันบนโต๊ะอาหารเลย แล้วที่เวียดนามอีกเหมือนกัน ยังมีสุนัขหัน น่าสงสารมากเลยคุณ ผมไม่แตะเลยจานนี้ ไม่ไหวครับ ข้ามฝั่งไปทางยุโรปบ้าง ที่นอร์เวย์จะมีสเต๊กกวางเรนเดียร์ เป็นอาหารจานหลักเลย มีทั่วไปแทบทุกร้าน กลิ่นเหม็นสาบเชียว แต่ถ้าใส่เครื่องเทศเยอะหน่อยก็พอไหวครับ “กลับมาที่แถวเอเชียต่อที่อินโดนีเซียนิยมกิน เบอร์เกอร์งู อารมณ์เหมือนแม็คฟิชบ้านเราเลยครับแต่จะเป็นแม็คคอบร้า เป็นเนื้องูเห่าสับผสมแป้งนำไปทอดวางประกบร่างเป็นเบอร์เกอร์ ปิดท้ายด้วยขนมหวานคนญี่ปุ่นที่ว่าแปลกเพราะเป็นงูเหลือม เขาจะเอาเนื้องูเหลือมมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมนมหรือครีมทำเป็นไอศกรีมตามปกติ ตอนตักชิมจะเห็นเนื้องูเหลือมติดมาเป็นก้อนเล็กๆ เหมือนเนื้อไก่ อยากชิมต้องไปที่ไอศกรีมเวิลด์ กรุงโตเกียวครับ”
Nice to know ณวัฒน์อยากบอก
...
ก่อนจะจากกันไป 'ณวัฒน์ 'มีคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ มาฝากสำหรับคนรักการเดินทางเพื่อเปิดประสบการณ์แปลกใหม่ โดยเฉพาะในโลกของอาหารดังนี้ “แนะนำสั้นๆ ว่า ไม่ว่าคุณจะไปประเทศอะไรก็แล้วแต่ควรเปิดใจลองอาหารท้องถิ่นของเขาดูบ้าง แต่ควรต้องเลือกดูให้ดี เพราะบางครั้งอาจทำให้เราท้องเสีย หรือแพ้อาหารได้ ไม่สนุกนักหรอกครับที่จะไปป่วยต่างบ้านต่างเมือง สำคัญที่สุดคือ กินอาหารปรุงใหม่ ปรุงร้อนๆ ยิ่งดี และในประเทศเขตร้อนควรเลี่ยงอาหารที่ขายริมถนนหรือบริเวณฝุ่นเยอะ แมลงเยอะ จะได้ไม่เสี่ยงท้องไส้ปั่นป่วนครับ”
ภาพ/ข้อมูล : Health & Cuisine