ลองลืมรสชาติของขนมปัง และเบเกอรี่ไปสักพัก แล้วย้อนมาดูขนมหวานแบบไทยๆ ซึ่งจะถูกนำมาโชว์ในงานอเมซิ่งไทยแลนด์ 2012 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 26-29 กรกฎาคม 2555  ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นี้ ซึ่งไฮไลต์ของงานจะเป็นการรวบรวมขนมไทยโบราณหลากหลายชนิดมาฟื้นคืนชีพให้คนรุ่นใหม่ได้ลองชิมกันหลากหลายเมนู ที่ส่วนใหญ่ลืมไปแล้ว หรือไม่รู้จักด้วยซ้ำ

ขนมไข่ปลา


ฟังชื่อแล้ว เหมือนจะเป็นของคาว แต่ที่จริงแล้วเป็นขนมหวานของไทย ที่น่าทานสุดๆ  โดยขนมชนิดนี้ จะค่อนข้างมีขั้นตอนซับซ้อนอยู่บ้าง จึงมีแต่คนรุ่นสมัยคุณปู่คุณย่าทำเป็น

...


สำหรับขนมไข่ปลานั้น ทำมาจากแป้งข้าวเหนียวที่นวดกับเนื้อตาลสีส้มจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นปั้นให้เป็นเหมือนตัวไข่ปลา แล้วนำไปต้มในน้ำเชื่อมจนกระทั่งตัวขนมลอยเหนือน้ำ แล้วตักขึ้นพักไว้ ก่อนนำไปคลุกกับมะพร้าวทึนทึกที่เคล้ากับเกลือไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรสชาติของขนมไข่ปลาจะมีรสหวานบวกกับความมันและหอมของมะพร้าว เวลาเคี้ยวจะหนึบๆ เพราะตัวแป้งข้าวเหนียวด้วย

ขนมหยกมณี


ของหวานแบบไทยๆ ที่มีสีสันสวยงามชวนทานแบบนี้ ก็แทบจะหาทานไม่ได้แล้วเช่นกัน ซึ่งขนมหยกมณีนั้นทำจากเมล็ดสาคูที่ต้มในน้ำเชื่อม ส่วนสีสันที่ได้นั้นก็จากสีของน้ำใบเตย เมื่อเมล็ดสาคูสุกได้ที่จึงนำมาพักไว้ให้เย็นลง จากนั้นก็นำมาปั้นเป็นลูกกลมๆ ก่อนนำไปคลุกในมะพร้าวทึนทึกขูดเคล้าเกลือ ซึ่งชื่อของขนมชนิดนี้ก็มาจากสีของตัวขนมที่มีสีเขียวเหมือนหยกนั่นเอง

ขนมโคกะทิ หรือโคหัวล้าน


ขนมไทยท้องถิ่นของทางภาคใต้  ที่ดูคล้ายกับขนมบัวลอยของภาคกลาง แต่ที่แตกต่างก็คือขนมชนิดนี้จะมีไส้อยู่ข้างในด้วย ซึ่งใส่นั้นทำมาจากถั่วซีกกวน ปั้นเป็นลูกกลมๆ และนำมาห่อด้วยแป้งข้าวหนียว  จากนั้นนำไปต้มในน้ำเดือดจนสุก ทานคู่กับน้ำกะทิ ได้รสชาติหวานมันกำลังดี

นอกจากขนมไทยโบราณเหล่านี้ อีก 1 ความอเมซิ่งที่ในงานนี้จะมีมาให้ชิมกันอีกก็คือ เมนูซาลาเปาผลไม้  เมนูอาหารว่างที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องการความแตกต่างจากร้านขายซาลาเปาทั่วไป  ซึ่งมีทั้งไส้ช็อกโกแลต, ผลไม้รวม, หมูแดง ฯลฯ โดยตัวแป้งที่มีสีสันก็ล้วนแต่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น อัญชัน, แก้วมังกร และมะพร้าว

...


ความพิเศษของขนมไทยโบราณเหล่านี้ คงไม่ถูกลืมเลือนไปง่ายๆ  และกลายเป็นแค่อาหารโชว์ตามงานเพียงอย่างเดียว ถ้าคนไทยมองเห็นคุณค่า และหันกลับมาสนใจมากขึ้น 


Twitter : sriploi_social