บ่ายวันหนึ่งผมนั่งสไลด์โทรศัพท์หาข้อมูลมาเขียนคอลัมน์ เผอิญไปสะดุดตากับวิหารรามัญ โบราณสถานเก่าแก่อายุ 400 ปี ของ “วัดโบสถ์ หลวงปู่เทียน” ที่กรมศิลปากรกำลังบูรณปฏิสังขรณ์ด้วยการดีดโบสถ์ให้สูงขึ้น 170 เซนติเมตร เพื่อป้องกันการถูกน้ำท่วมขัง เนื่องจากวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ผู้มีวัดเป็นที่พึ่งทางใจอย่างผมรุดเดินทางไปยังวัดโบสถ์ ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ทันทีที่ได้สัมผัสต้องบอกว่าโบสถ์หลังนี้มีความเข้มขลัง ผู้มีจิตศรัทธาเดินทางมาจากทั่วสารทิศเพื่อร่วมทำบุญผูกผ้าแดง เขียนชื่อวันเดือนปีเกิดของตัวเอง ขอพรกับ “พระพุทธมหาจักรพรรดิ” หรือ “หลวงพ่อสมปรารถนา” หวังให้ชีวิต เจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองยิ่งขึ้น สำหรับ “พระพุทธมหาจักรพรรดิ” สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นโดย “สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง” ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามใบหน้ายิ้มแย้ม แสดงถึงช่วงที่สร้างบ้านเมืองอยู่ในยามสงบสุข
“คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านมาอิ่มอร่อยได้กุศลผลบุญกับทาง “วัดโบสถ์ หลวงปู่เทียน” หลังจากเดินลอดโบสถ์เก่าแก่เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ผมเดินสำรวจไปรอบๆวัดแห่งนี้ เห็นชาวบ้านมาร่วมกันทำบุญไม่ขาดสาย ที่หน้าศาลา “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” มีกลุ่มแม่ค้ายืนขายของกินเรียงรายอยู่ 5 ร้าน สังเกตเห็นป้ายด้านหลังเขียนว่า รายได้ ทั้งหมดจากการขายอาหารนำไปร่วมสร้างอาคารเรียนวัดโบสถ์
...
“เงินทุกบาทนี่นำไปสร้างอาคารเรียนหมดเลย หรือครับ” ผมหันไปถาม “ป้าบ่วย–นางกาญจนา ผลละออ” อายุ 64 ปี ที่กำลังสาละวนอยู่หน้ากระทะกล้วยแขก
“ใช่แล้วค่ะ ไม่ใช่แค่กล้วยแขกนะ ยังมี ชา กาแฟ ขิงดอง กระเทียมโทนดอง ลูกชิ้น น้ำแข็งไส มีอาหารให้กินอีกหลายอย่าง เงินที่ได้นำไปสร้างอาคารโรงเรียนทั้งหมด” ป้าบ่วยเงยหน้าจากกระทะหันมาบอกผม เผยให้เห็นใบหน้าสดใสอิ่มบุญ “พวกป้าเป็นกลุ่มชมรมรักษ์วัฒนธรรมวัดโบสถ์ เป็นจิตอาสามารวมตัวช่วยกันหารายได้ไปสร้างโรงเรียนให้เด็กๆ”
ผมฟังดังนั้นเกิดจิตศรัทธาขึ้นมาทันที พร้อมเอ่ยปากอยากพบท่านเจ้าอาวาสเพื่อพูดคุยโดยไม่ได้นัดหมายไว้ล่วงหน้า ป้าบ่วยใจดีเหลือหลายแจ้งให้ทราบว่า ท่านเจ้าอาวาสกำลังช่วยกับญาติโยมทำความสะอาดลานวัดอยู่พอดี ผมหันไปดูตามมือที่ป้าบ่วยผายไป เห็นคุณลุงคุณป้ากำลังกวาด ล้าง
และขัดถูพื้นถนนกันอย่างขะมักเขม้น ทุกคนล้วนมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกับการมีส่วนร่วมในการดูแลวัด มี “พระราชมหาเจติยาภิบาล” หรือชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “ท่านเจ้าคุณต่อศักดิ์” เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ เดินกวาดพื้นลานวัดกับชาวบ้านไปพร้อมกัน
...
“นมัสการครับท่านเจ้าคุณ ผมขอสัมภาษณ์ความเป็นมาโครงการสร้างอาคารโรงเรียนได้ไหมครับ” ผมเดินเข้าไปกราบเรียนท่านเจ้าอาวาสด้วยท่าทีสำรวมกายใจที่สุด หลังแนะนำตัวเองให้ท่านเจ้าคุณรับทราบพอสังเขป
“เอาสิลูก แต่อาตมาขอกวาดลานวัดให้เรียบร้อยก่อนนะ ลูกไปชิมไปถ่ายภาพอาหารก่อน” ท่านเจ้าอาวาสกล่าวตอบกลับอย่างผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา ในมือยังคงถือไม้กวาดทางมะพร้าวด้ามยาว
ผมเดินกลับมาหาป้าบ่วยอีกรอบ เพื่อขอชิมทุกอย่างที่มีทั้งกล้วยแขก, ชาเขียว, กาแฟคาปูชิโน, น้ำแข็งไส, ลูกชิ้นปิ้ง และขนมใส่ไส้ บอกตามตรงว่า ทุกอย่างทานได้อย่างเอร็ดอร่อย ไม่ได้เป็นแค่อาหารไว้ให้ญาติโยมกินแก้หิว หรือดื่มเพื่อดับกระหายเท่านั้น อาหารทุกอย่างล้วนเป็นของมีคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของฝากจากเครือข่ายสตรีอนุรักษ์วัฒนธรรมมอญ 2 ฝั่งโบสถ์ อย่างกระเทียมโทนดองและขิงดอง ผมซื้อกลับไปเป็นของฝากคุณภรรยา ด้วยความปีติยินดีที่มีส่วนร่วมสมทบทุนสร้างอาคารเรียนวัดโบสถ์ไปด้วย
...
ป้าบ่วยเล่าว่า “ป้ากับชาวบ้านในตำบลบ้านกลางได้มาฝึกอาชีพกันที่วัดโบสถ์ เป็นโครงการของกรมพัฒนาชุมชน จัดการฝึกอาชีพ ด้วยความร่วมมือของหน่วยงาน กสศ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา โครงการวัดประชารัฐ และกระทรวงวัฒนธรรม สนับสนุนชาวบ้านในการฝึกวิชาชีพ ทั้งอาหาร, งานฝีมือ และน้ำชง ป้ามีเชื้อสายไทยรามัญ มีความสามารถในการปักสไบมอญ กระทั่งท่านเจ้าคุณต่อศักดิ์ได้ตั้งเป็นชมรมเรารักษ์วัฒนธรรมวัดโบสถ์ขึ้น ที่ผ่านมาทางโรงเรียนวัดโบสถ์ (บวรธรรมกิจวิทยา) เป็นโรงเรียนระดับอนุบาล ถึง ป.6 มีสภาพน้ำท่วมขังทุกปี เพราะตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้เด็กๆต้องหยุดเรียน ท่านเจ้าคุณจึงยกที่ดินด้านหลังวัดจำนวน 4 ไร่ จัดการถมที่ดินและก่อสร้างอาคารเรียนให้ โดยหารายได้จากการขายของกินและเครื่องดื่ม นำไปก่อสร้างอาคารเรียนเพื่อให้นักเรียนไม่ต้องหยุดเรียนในช่วงน้ำท่วมขังอีก”
...
“การที่ป้าได้มาร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมครั้งนี้ ทำให้มีความรู้สึกดีใจ ได้มาช่วยกันเป็นส่วนหนึ่งทำให้เกิดอาคารเรียนสำหรับเด็กนักเรียน ป้าเชื่อว่า หากมีเงินแต่เราไม่มีศรัทธาย่อมไม่สามารถสร้างสิ่งนี้ขึ้นได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันมาจากความศรัทธาและเชื่อว่าเราทำได้ นับตั้งแต่มาเรียนฝึกอาชีพและร่วมเป็นจิตอาสาของวัดรวมเวลา 4 ปี ทำให้ป้ามีความสุขมาก อิ่มใจที่ได้มีส่วนร่วมในบุญกุศลครั้งนี้ รวมถึงได้เห็นความร่วมแรงร่วมใจของประชาชน จากความเลื่อมใส ศรัทธาของประชาชนที่มาวัด สมทบทุนคนละเล็กละน้อยมาก่อเกิดเป็นอาคารเรียนหลังนี้ ทำให้ป้ามีความสุข ทอดกล้วย-มัน-เผือก ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย” ป้าบ่วยกล่าวด้วยหัวใจยินดี
หันไปเห็นท่านเจ้าคุณต่อศักดิ์เก็บไม้กวาดพอดี ผมถือโอกาสเข้าไปสนทนาธรรมด้วย ท่านเจ้าคุณต่อศักดิ์เล่าว่า “วัดโบสถ์เป็นวัดที่พึ่งได้รับการพัฒนา มีญาติโยมมาช่วยกัน ทุกคนอยากมีส่วนร่วมในการดูแลวัด มีส่วนในการเป็นเจ้าของวัด จึงช่วยกันทาสี กวาดพื้น อย่างคนที่มาขายกล้วยทอด ขายน้ำ เราบังคับเขาไม่ได้ ถ้าใครว่างก็มา ใครติดธุระก็ไม่เป็นไร กลุ่มชาวบ้านจะมอบวาระให้กันเอง ทุกคนมีความสุขในการมีส่วนร่วมสร้างอาคารโรงเรียน เกิดกำลังใจอยากให้ขายดีๆ โครงการขายอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสร้างอาคารเรียนเป็นโครงการแรกของวัด ทางวัดได้มอบที่ดิน 4 ไร่ให้ทางโรงเรียน จัดการถมดินให้พื้นที่สูงขึ้น ก่อสร้างอาคารเรียน อาคารโรงครัว อาคารครุภัณฑ์ เพื่อให้โรงเรียนมีความสมบูรณ์ที่สุด เด็กนักเรียนต่างตั้งตา คอยถามอาตมาว่า เมื่อไหร่โรงเรียนจะเสร็จ อยากเรียนที่อาคารใหม่แล้ว ยิ่งทำให้อาตมามีกำลังใจ คาดว่าอาคารจะแล้วเสร็จทันเดือน มี.ค.2567 เพื่อให้เด็กๆได้ใช้เรียนหนังสือทันปีการศึกษาหน้า”
ท้ายนี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านไปชิมฝีมือแม่ค้าจิตอาสา อิ่มอร่อยแถมได้สนับสนุนสร้างอาคารเรียนวัดโบสถ์ด้วยนะครับ
สนนราคา กล้วยแขก, มันทอด, เผือกทอด, ฟักทองทอด และกล้วยตากทอดถุงละ 30 บาท, กระเทียมโทนกระปุกละ 100 บาท, ขิงดองกระปุกละ 70 บาท, กาแฟอเมริกาโน 40 บาท, คาปูชิโน 50 บาท, ลาเต้ 50 บาท, ชานมเย็น 35 บาท, ชาเขียว 35 บาท, น้ำชงโซดา 25 บาท, ขนมหวานน้ำแข็งไสถ้วยละ 20 บาท และลูกชิ้นปิ้งไม้ละ 10 บาท สำหรับกล้วยแขกกับน้ำชงมีขายเฉพาะวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ส่วนลูกชิ้นปิ้งและน้ำแข็งไสมีขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-16.00 น. ทางวัดไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ สามารถติดตามได้ทาง Facebook : วัดโบสถ์ หลวงปู่เทียน.
คุณชายแป๊ะ