“ขนมลา” หรือ ขนมลางู ขนมพื้นบ้านจาก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช รสชาติหวาน หอม กรอบ อร่อย เดิมทีนิยมนำทำขนม เพื่อถวายในงานประเพณีบุญสารทเดือนสิบ ปัจจุบันขนมลางูแพร่หลายไปทั่วทุกภูมิภาค กลายเป็นหนึ่งในของดีจากปากพนัง
รู้จัก ขนมลา ลางู ลากรอบ คืออะไร ต่างกันหรือไม่
ขนมลา เป็นขนมพื้นบ้านโบราณ ไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้คิดค้น แต่เป็นขนมที่ได้รับการสืบทอดสูตรและวิธีทำมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ โดยเชื่อกันว่า “ขนมลา” เป็นสัญลักษณ์แทนเครื่องนุ่งห่ม ผ้าแพร เนื่องจากมีลักษณะคล้ายการถักทอผ้าเป็นร่างแห
ส่วนใหญ่จะทำขนมลาให้มีลักษณะเส้นแป้งเล็ก บาง กรอบ เนื่องจากเชื่อกันว่าเมื่อนำไปทำบุญ จะทำให้บรรพบุรุษที่เมื่อเสียชีวิตแล้วอาจจะกลายเป็นเปรตสามารถกินขนมลาในวันสารทเดือนสิบได้เช่นกัน
“ขนมลา” มีที่มาจากการใช้กะลามะพร้าวเจาะรูเป็นอุปกรณ์ในการแกว่งแป้งลงกระทะ เพื่อให้ได้แป้งที่มีขนาดเล็ก บาง และกรอบ ขนมลามี 2 ชนิด ได้แก่ ขนมลาเช็ด ใช้น้ำมันน้อย โรยแป้งหนา แป้งนิ่มลักษณะคล้ายแห อีกชนิดหนึ่งคือ “ลากรอบ” ซึ่งเป็นการนำลาเช็ดมาโรยน้ำตาล ก่อนจะนำไปตากแดด
ส่วน “ลางู” คือ ขนมลาที่ได้รับการปรับปรุงสูตร เพิ่มแป้งข้าวเจ้าและน้ำมัน เมื่อแป้งสุกจะม้วนเป็นแท่งกลมยาว มีลักษณะคล้ายงู จึงเป็นที่มาของชื่อนั่นเอง
...
วิธีทำลาปากพนัง ขนมลากรอบพื้นบ้าน
วัตถุดิบและวิธีทำลาปากพนัง อาจจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ และเทคนิคของแต่ละคน หากใครเป็นมือใหม่ สามารถทำตามสูตรเบื้องต้นง่ายๆ ดังนี้
วัตถุดิบขนมลางู ปากพนัง
- แป้งข้าวเจ้า 5 กิโลกรัม
- แป้งมัน 2 ½ กิโลกรัม
- น้ำตาลโตนด 3 กิโลกรัม
- ไข่แดง 4 ฟอง
- น้ำมัน
วิธีทำลา ปากพนัง
1. เคี่ยวน้ำตาลโตนดเตรียมไว้
2. ผสมแป้งและน้ำตาลโตนดให้เป็นเนื้อเดียวกัน
3. นำแป้งใส่ลงบนกะลาหรือกระป๋องเจาะรู
4. ตั้งกระทะให้ร้อน จากนั้นทาน้ำมันผสมไข่แดงที่กระทะเล็กน้อย เพื่อป้องกันแป้งติด
5. โรยแป้งให้ทั่วกระทะ เป็นรูปทรงที่ต้องการ
ปัจจุบัน ขนมลางูหรือลากรอบ สามารถหากินได้ตลอดทั้งปี ด้วยความกรอบ หวาน หอม และกินง่าย ทำให้นอกจากเป็นขนมพื้นบ้านที่ทำขึ้นเพื่อถวายวัดในวันสารทเดือนสิบ ยังกลายเป็นขนมขึ้นชื่อและเป็นของฝากประจำ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ไปโดยปริยาย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :