เป็นที่รู้กันดีว่า “กินเจ” หมายถึงการงดบริโภคเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลกินเจ เพื่อเป็นการทำบุญ แต่วันนี้มีทางเลือกของการงดบริโภคเนื้อสัตว์มากขึ้น เช่น มังสวิรัติ และวีแกน ซึ่งแต่ละรูปแบบมีกฎในการกินที่แตกต่างกันออกไป
กินเจ
การกินเจ ไม่เพียงงดเว้นเนื้อสัตว์ แต่ยังงดทุกผลิตภัณฑ์ที่มาจากสัตว์ เช่น ไข่ น้ำมันหมู เนย นมจากสัตว์ (นมวัว นมแพะ ฯลฯ) ขณะเดียวกัน กฎของการกินเจยังห้ามกินผักที่มีกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม (หัวกระเทียม ต้นกระเทียม) หัวหอม ต้นหอม ใบหอม หอมแดง หอมขาว หอมหัวใหญ่ กุยช่าย ใบยาสูบ บุหรี่ ยาเส้น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงห้ามกินอาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็น เผ็ด เค็ม หรือหวานจัด นอกจากนี้ผู้ที่กินเจยังมีข้อห้ามปฏิบัติทางกายอีกด้วย ได้แก่ ห้ามพูดคำหยาบ คิดร้าย จิตใจขุ่นมัว และถือศีล 8
...
มังสวิรัติ
ส่วนการกินมังสวิรัตินั้น นอกจากงดเว้นเนื้อสัตว์แล้ว ยังสามารถแบ่งประเภทการกินมังสวิรัติออกไปได้อีกหลายระดับ เช่น
- กลุ่มที่ 1 มังสวิรัตินมและไข่ (Lacto-ovo vegetarian) เป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด คือ สามารถทานทั้งนมและไข่ได้ แต่งดเนื้อสัตว์ทุกประเภท
- กลุ่มที่ 2 มังสวิรัตินม (Lacto vegetarian) กลุ่มนี้สามารถทานผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมได้ เช่น นม ชีส โยเกิร์ต เนย แต่งดเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากไข่ทุกประเภท
- กลุ่มที่ 3 มังสวิรัติไข่ (Ovo vegetarian) กลุ่มนี้สามารถทานไข่ได้ แต่งดเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนมทุกประเภท
- กลุ่มที่ 4 มังสวิรัติปลา (Pescatarian) กลุ่มนี้สามารถทานปลาและหอยได้ ในบางรายอาจทานนมหรือไข่เสริมด้วยก็ได้ แต่ไม่ทานเนื้อสัตว์อื่นๆ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว
- กลุ่มที่ 5 กึ่งมังสวิรัติ (Pollotarian) กลุ่มนี้สามารถทานปลา ไก่ ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนมทุกประเภท แต่งดเนื้อสัตว์ใหญ่หรือเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว
- กลุ่มที่ 6 มังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (Flexitarian) กลุ่มนี้เป็นคนที่ทานมังสวิรัติอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเริ่มทาน แต่ไม่สามารถเลิกทานอาหารแบบปกติได้ และไม่อยากเครียดในการกินมังสวิรัติ หากจะพูดให้เห็นภาพชัดเจน คือ กลุ่มนี้ยังทานเนื้อสัตว์เล็กอยู่ เพียงแค่ทานในปริมาณที่น้อยลง ร่วมกับการลดปริมาณน้ำตาลในมื้ออาหาร และจำกัดของหวาน เน้นทานอาหารจากพืชเช่นเดียวกับมังสวิรัติกลุ่มอื่นๆ หากร่างกายเริ่มชินและต้องการขยับเลเวลไปทานมังสวิรัติที่เคร่งขึ้นแบบกลุ่มอื่นก็สามารถทำได้
วีแกน
เป็นอีกหนึ่งระดับของการกินมังสวิรัติ แต่กลุ่มนี้จะมีความเคร่งครัดกว่า นั่นคือไม่บริโภคอาหารที่มาจากผลิตภัณฑ์ของสัตว์เลยแม้กระทั่งน้ำผึ้ง กินแต่พวกธัญพืช ถั่ว เมล็ดพืชต่างๆ ผลไม้ ผัก และพืชตระกูลถั่วเท่านั้น ซึ่งนอกจากงดการกินอาหารที่มาจากสัตว์ทั้งหมดนี้แล้ว ชาววีแกน ยังงดการเบียดเบียนสัตว์ทุกชนิดทั้งทางตรงและทางอ้อมด้วย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายที่ทำมาจากหนังสัตว์ ขนสัตว์ หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ทดลองกับสัตว์ก็ตาม
...
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ทั้งการกินเจ กินมังสวิรัติ หรือกินวีแกน เหมือนกันตรงที่ “งดกินเนื้อสัตว์” แต่ทั้ง 3 กลุ่มก็มีรายละเอียดที่ปลีกย่อยแตกต่างกันออกไป โดยข้อดีของการกินแบบนี้ก็คือ
- ได้รับไฟเบอร์จากผักและผลไม้จำนวนมาก
- มีไขมันอิ่มตัวน้อย เพราะไม่กินเนื้อ
- ได้รับสาร phytochemical หรือสารพฤกษเคมีจากผักและผลไม้หลายชนิด มีฤทธิ์ต่อต้านหรือป้องกันโรคบางชนิดและโรคสำคัญที่มักจะกล่าวกันว่าสารกลุ่มนี้ช่วยป้องกันได้คือโรคมะเร็ง
- ลดปริมาณไขมันที่กิน จึงช่วยให้ปริมาณแคลอรีที่รับเข้าไปน้อยลงตามไปด้วย
- ช่วยลดความดัน เพราะกินผักกับผลไม้เยอะ
- ช่วยลดการท้องผูก เพราะผักกับผลไม้ที่รับประทาน
...
อย่างไรก็ตาม นอกจากข้อดีแล้ว การกินอาหารที่งดเนื้อสัตว์ก็มีข้อเสียด้วยเช่นกัน คือ
- ปริมาณ และคุณภาพของโปรตีนอาจไม่เพียงพอ
- ไฟเบอร์เยอะอาจดี แต่บางทีอาจไม่ย่อยและทำให้อยู่ในท้องเรานานจนเกินไป
- อาจไม่ได้รับ วิตามิน B12, D, zinc, iron, และโอเมกา 3 ที่เพียงพอ
- อาจส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกติ
ดังนั้น ไม่ว่าจะเลือกกินเจ กินมังสวิรัติ หรือกินวีแกน ก็ควรเลือกกินอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอจากการงดกินเนื้อสัตว์ ด้วยการเลือกกินถั่วชนิดต่างๆ เพื่อให้ได้รับโปรตีนจำนวนมาก พยายามกินให้หลากหลายเพื่อให้ได้รับกรดอะมิโนที่เพียงพอ และควรกินโปรตีนเสริมจากถั่วเหลืองหรือไข่ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนชั้นดีที่หาได้ง่าย
นอกจากนี้ ไม่ว่าจะกินเจ กินมังสวิรัติ หรือกินวีแกน ก็ทำให้อ้วนได้ แม้ว่าจะมีแคลอรีน้อยกว่าการกินเนื้อสัตว์และได้ไฟเบอร์จากการกินผักก็ตาม แต่ใช่ว่าจะไม่มีแคลอรีหลงเหลือในอาหารที่เลือกกินอยู่เลย หากได้รับมากเกินไปโดยไม่มีการเผาผลาญด้วยการออกกำลังกายก็ทำให้เกิดไขมันส่วนเกินและอ้วนได้เช่นกัน.