สวัสดีประเทศไทย เรากำลังจะให้บริการแชคเบอร์เกอร์ ในดินแดนแห่งรอยยิ้มในไม่ช้า นี่คือ ทวีตแรกที่เปรียบเสมือนเสียงแตรที่ป่าวประกาศนับถอยหลังการมาของร้านเบอร์เกอร์ชื่อดัง เชค แชค (Shake Shack) หนึ่งในร้านเบอร์เกอร์เชนสุดฮอตสุดฮิตจากสหรัฐอเมริกา
เชค แชค เป็นร้านอาหารที่อยู่ในตลาดหุ้นเรียบร้อยแล้ว โดยใช้รหัส “SHAK” ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก มีมูลค่ารวมของบริษัทอยู่ที่ 2.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 8.7 หมื่นล้านบาท
อันที่จริงต้องกล่าวว่า การมาของเชค แชค ในปี 2001 ถือว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะแต่เดิมเชค แชค เป็นร้านขายฮอตดอก บริเวณเมดิสัน สแควร์ พาร์ค ในนิวยอร์ก ในชัยภูมิที่ใกล้กับสำนักงานหลายแห่งในละแวกนั้น จึงทำให้เป็นอาหารฝากท้องในมื้อเที่ยงของพนักงานออฟฟิศ ก่อนที่จะขยับขยายเอาเมนูต่างๆ เข้ามาเพิ่มเติมในภายหลัง พร้อมกับการกลายเป็นหมุดหมายใหม่ของนิวยอร์ก เรียกได้ว่า เชค แชค มีสตอรี่ที่น่าสนใจ เหมาะกับการหยิบไปเล่าเรื่องเป็นอย่างมาก
สิ่งที่ทำให้ เชค แชค เป็นร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดที่แตกต่างไปจากร้านฟาสต์ฟู้ดอื่นที่เรารู้จักเป็นอย่างดี นั่นคือ การนำเสนอตัวเองในฐานะกูร์เมต์เบอร์เกอร์ (Gourmet Burgers) มีการใช้เนื้อวัวแองกัส ที่เลี้ยงโดยไม่มีการใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อมอบประสบการณ์ด้านอาหารที่สอดคล้องกับค่านิยมของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งต้องการรับประทานอาหารที่มีคุณภาพดี
...
อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจของการใช้เนื้อของเชค แชค นั่นคือ พวกเขาเชื่อมั่นว่า การเลือกสัดส่วนปริมาณของไขมันเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะไขมันสามารถช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารทุกจาน จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้รสชาติของเนื้อสัตว์เข้มข้นขึ้น
ทั้งนี้ สัดส่วนที่ดีที่สุดที่ร้านเชค แชค ใช้ก็คือ อัตราส่วนไขมัน 20 เปอร์เซ็นต์ และเนื้อลีน 80 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าจะขยับส่วนที่เป็นไขมันเพิ่มอีกสัก 2 เปอร์เซ็นต์ ก็จะได้รสชาติที่ดีขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า เชค แชค จะมีการบอกอัตราส่วนระหว่างไขมันและเนื้อลีนเอาไว้ แต่เอาเข้าจริงแล้ว พวกเขาก็ไม่เคยบอกอัตราส่วนที่แน่นอน เช่นเดียวกับหั่นเนื้อเฉพาะส่วนต้องหั่นอย่างไร รวมถึงการกดเนื้อลงบนกระทะร้อนตามสูตรของเชค แชค ควรทำอย่างไร ซึ่งทั้งหมดถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด
อย่างที่หลายคนคงทราบกัน อาหารที่ขายแต่ดั้งเดิมของเชค แชคเป็นเมนูฮอตดอก แต่เอาเข้าจริง เมนูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเมนูหนึ่งของเชค แชค และเชื่อว่า นักกินจำนวนมากต่างเทใจให้กับ “เบอร์เกอร์” นั่นเอง ว่ากันว่า สาเหตุที่ทำให้เบอร์เกอร์ของเชค แชค โดนใจใครหลายคน เป็นเพราะว่า ซอสของพวกเขา ที่มีการรังสรรค์ด้วยวัตถุดิบนานาชนิด จนกลายเป็นซอสซิกเนเจอร์ ซึ่งถูกราดอยู่ในหลายเมนูของเชค แชค
แน่นอนว่า ซอสซิกเนเจอร์ของเชค แชค ก็ไม่ต่างจากสูตรลับของไก่ทอดสูตรผู้พัน ซึ่งถูกหมักด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศ 11 ชนิด ซอสของเชค แชค ก็ไม่ต่างกัน เพราะมีการผสมกันของซอสหลากหลายชนิด และเครื่องเทศ จนกลายเป็นสูตรเด็ดเคล็ดลับที่ทำให้ใครหลายคนต้องติดใจ
เมื่อเป็นเบอร์เกอร์อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ เรื่องของขนมปัง ว่ากันว่า พวกเขาใช้ขนมปังมันฝรั่ง เพื่อให้ได้เนื้อขนมปังที่นุ่ม โดยร่วมมือกับซัพพลายเออร์ด้านขนมปังจากบริษัท Martin's Famous Pastry Shoppe ในเพนซิลเวเนีย เป็นผู้ดูแลเรื่องความอร่อยของขนมปัง
นอกจากนี้แล้ว ในการให้บริการของเชค แชค มีจุดขายในแง่ของการดูแลลูกค้าที่เอาใจใส่ ซึ่งเป็นสิ่งหนึ่งที่เชค แชค พยายามทำให้แตกต่างไปจากร้านฟาสต์ฟู้ดร้านอื่นๆ รวมถึงการจ่ายค่าแรงต่อชั่วโมงให้กับพนักงานเฉลี่ยที่ 13 ดอลลาร์สหรัฐต่อชั่วโมง (ราว 450 บาท)
...
หลังจากใช้เวลาสร้างชื่อเสียงในนิวยอร์กเกือบ 10 ปี ก็ถึงคราวที่เชค แชค จะเริ่มต้นการเดินทางครั้งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเซาธ์บีช ไมอามี, ฮิวสตัน เท็กซัส, เล็กซิงตัน รัฐเคนทักกี, สนามบินชางงี ประเทศสิงคโปร์
ในท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังเพิ่มสาขาอย่างต่อเนื่องในนิวยอร์ก เช่น ในสถานีรถไฟแกรนด์ เซ็นทรัล, สนามบินนานาชาติจอห์น เอฟ เคเนดี และซิตี ฟิลด์ สนามเหย้าของทีมเบสบอลนิวยอร์ก เม็ตส์ ซึ่งพวกเขาได้สร้างแบรนด์ จนเกิดเป็นชุมชนผู้ติดตามที่ภักดีต่อแบรนด์ “เชค แชค”
ด้วยความนิยมของเชค แชค ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน เชค แชค มีสาขามากกว่า 377 สาขาทั่วโลก และเพิ่มมากขึ้นกว่านั้นอีก โดยเฉพาะแผนการขยายสาขาในประเทศไทย ที่วางเอาไว้ว่าจะเปิดสาขาที่ดินแดนแห่งรอยยิ้ม 15 สาขา ภายในปี 2032.
...