สุดสัปดาห์นี้พาครอบครัวไปเที่ยวใกล้ๆ กรุงเทพฯ ตรงไปที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี เราแวะสักการะขอพรหลวงพ่อผิว วัดศรีมหาราชา สักการะเจ้าแม่กวนอิมแล้วเดินชมวิวรอบเกาะลอยรับลมชิวๆ
เย็นย่ำเข้าเช็กอินที่โรงแรมโอ๊ควู๊ดโฮเทลแอนด์เรสซิเด้นท์ ศรีราชา ถนนศรีราชานคร 3 อำเภอศรีราชา เก็บข้าวของเข้าที่แล้วท้องพลันร้องจ๊อกๆ อย่างรู้งาน มองหน้าแต่ละคนออกอาการอิดโรย ไม่อยากออกไปไหนต่อ
เราพร้อมใจกันเข้าห้องอาหารอาทาระสกายบาร์แอนด์ บิสโทร ร้านตั้งอยู่บนชั้นรูฟท็อป 48-49 ของโรงแรมนั่นเอง คุณเจตน์วงศ์ เกตุนิมะ หรือคุณเจต ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดต้อนรับอย่างไมตรี พลางชี้ชวนให้ขึ้นไปสัมผัสบรรยากาศกับวิวที่สูงและสวยงาม
อิ่มอาหารตาแล้ว คราวนี้เราก็เข้ามาอิ่มอาหารกายกันบ้าง
ร้านมีอาหารประเภทฟิวชัน เมนูเปลี่ยนไปทุกๆ 3 เดือน “คุณชาย 4” เลือกที่นั่งมุมสบายๆแบบเปิดโล่งรับลมเย็นๆ ชมวิวเกาะลอยเพลินๆ
...
คุณเจตแนะนำให้รู้จักกับคุณนิมิตร แก้วพ่วง หรือเชฟมิตร รองเชฟใหญ่ บอกวันนี้มีเมนูอาหารคาว 5 เมนู และอาหารหวาน 1 เมนู จานแรกของเราคือ เค้กเนื้อปู กับอะโวคาโดซัลซ่า
เชฟบอกว่า เนื้อปูสดๆนั้นทางร้านแพ็กในถุงสุญญากาศ แช่ในน้ำที่ควบคุมอุณหภูมิไว้ 50 องศา เพื่อให้ความร้อนค่อยๆถ่ายเทสู่เนื้อปู วิธีนี้เรียกว่าซูสวีด จะทำให้เนื้อปูไม่สูญเสียคุณค่าทางอาหารและนุ่มกว่าปกติ
เวลารับประทาน ต้องรับประทานคู่กับซอสซัลซ่ามะยงชิดและอะโวคาโด วิธีทำเอามะยงชิดและอะโวคาโดหั่นเป็นลูกเต๋าผสมกับหอมแดงซอย พริกชี้ฟ้าแดง วาซาบิและน้ำผึ้ง คลุกเคล้าให้เข้ากัน
จากนั้นเชฟมิตรก็ยกเค้กเนื้อปูกับอะโวคาโดซัลซ่ามาวาง สิ่งแรกที่เห็นคือจัดจานได้สวยน่ากินมีกุหลาบดอกเล็กๆที่สั่งตรงมาจากเชียงใหม่ ด้านล่างมีเนื้อมะยงชิดวางสลับกับอะโวคาโดและหอมแดง ถัดมาเป็นก้อนเนื้อปูสีเหลืองท็อปปิ้งด้วยเนื้อมะยงชิด พริกชี้ฟ้า และหอมแดงซอย
กลิ่นหอมของมะยงชิดยั่วให้ตักชิม กัดเนื้อปูไปคำแรก ความแน่นนุ่มของเนื้อปูบวกกับความชุ่มฉ่ำได้รสชาติความหวานของมะยงชิดและความมันของอะโวคาโดยิ่งเข้ากันได้ดี
จานที่สองคือ เซียร์ สแกลลอป กับสลัดผลไม้ เป็นสลัดผลไม้ตามฤดูกาล 5 ชนิด มีมะยงชิด แก้วมังกร มะม่วงสุก (น้ำดอกไม้) มะม่วงดิบ (มะม่วงเขียวเสวย) และชมพู่ หั่นเป็นลูกเต๋า เอามายำราดด้วยน้ำซอส เป็นน้ำตาลเคี่ยวกับน้ำปลา “ลักษณะคล้ายกับน้ำปลาที่ใช้ราดบนปลาทอดน้ำปลา” เชฟมิตรอธิบาย
...
รสชาติน้ำยำออกเปรี้ยวหวานกินกับหอยเชลล์จากยูเอสเอที่ย่างเนยให้หอม รสชาติดีทีเดียว
ต่อกันจานที่สาม ต้มข่าฟักทอง ดูๆเหมือนต้มข่าทั่วไป แต่เชฟบอกว่าเราใช้ฟักทองมาต้มกับกะทิแล้วเอามาปั่นกรองเอาแต่น้ำ ใส่ในโถแก้วใส ตัวเนื้อเป็นลูกซุปทอดมันกุ้งของอาหารจีน ทำเป็นก้อนใส่เห็ดแชมปิญอง ถึงเวลาเสิร์ฟพนักงานยกจานที่มีก้อนเห็ด ข่า ตะไคร้ ใบผักชีเคียงมาด้วย
จากนั้นจุดตะเกียงลนไปยังโถแก้วใสที่มีซุปฟักทอง พอความร้อนได้ที่ก็ดันน้ำฟักทองในโถขึ้นไปด้านบนสุด พนักงานดึงตะเกียงออกน้ำซุปก็ไหลกลับลงโถแก้ว แล้วก็เทลงชาม ต้องรีบชิมตอนร้อนๆน้ำซุปเป็นเนื้อครีมข้น รสชาติเหมือนกับต้มข่าไก่ ความเผ็ดติดปลายลิ้น ถึงกับยกนิ้วให้กับความอร่อย
จานที่สี่พิซซ่ากะเพราเนื้อวากิว เนื้อวากิวนำเข้าจากออสเตรเลีย ตัวแป้งพิซซ่าเป็นแป้งสดทำขึ้นใหม่ อบให้กรอบ ความแตกต่างของแป้งพิซซ่าจะบางและกรอบมาก ถือเป็นซิกเนเจอร์ และยืนยันว่ามีที่เดียวในชลบุรี
...
น้ำกะเพรา เชฟมิตรจะเคี่ยวจนข้นเป็นสูตรเฉพาะที่ใช้ใบยี่หร่าเสริมความหอมลงไปให้ในน้ำกะเพรา แล้วเอาเศษของกระเทียมและยี่หร่ามาวางบนแป้งพิซซ่า ทาด้วยน้ำซอสกะเพรา วางเนื้อวากิวสดที่สไลซ์เป็นแผ่นๆบนแป้งพิซซ่าอีกที ก่อนเข้าเตาอบด้วยอุณหภูมิ 200 องศา ราว 7 นาที
...
คุณชาย 4 เห็นแป้งพิซซ่าทำให้นึกถึงข้าวเกรียบว่าว คือบางจริงๆ กัดไปคำแรก กลิ่นความหอมของซอสกะ-เพราและเนื้อวากิวเข้ากันได้ดี เนื้อนุ่ม เคี้ยวไปเจอยี่หร่าและกระเทียมยิ่งเพิ่มความอร่อย
แล้วเราก็มาถึงจานที่ห้า ขาหมูเยอรมัน เสิร์ฟพร้อมมันม่วงหวานบด กะหล่ำปลีดอง ราดซอสเกรวี่ และน้ำจิ้มสูตรเด็ด 4 ประเภท ได้แก่ น้ำจิ้มดีจองมัสตาร์ดเข้มข้น น้ำจิ้มเทอริยากิสูตรต้นตำรับ น้ำจิ้มแจ่ว และสำหรับคนไทยจะเพิ่มน้ำจิ้มซีฟู้ด
วิธีทำต้มขาหมูจนนิ่มแล้วซูวีอีกครั้ง เพื่อให้เนื้อหลุดออกจากกระดูกได้ง่าย แล้วจากนั้นเอาไปทอดในน้ำมันให้กรอบเฉพาะหนัง จานนี้เรียกว่าเด็ดที่หนังหมูกรอบและหอม ยิ่งได้กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้วต้องขอเพิ่มอีกจาน
มาถึงเมนูอาหารหวานกันบ้าง เค้กช็อกโกแลตลาวา เชฟมิตรจะอุ่นซอสช็อกโกแลตไว้ในถ้วยจนร้อน เสิร์ฟพร้อมช็อกโกแลตลาวาที่จัดไว้อย่างสวยงาม มีไอศกรีมวานิลลา สับปะรด แก้วมังกร และอัลมอนด์ ราดด้วยซอสช็อกโกแลตที่อุ่นร้อนๆลงไป ความเข้มข้นของช็อกโกแลตเรียกว่าฟิน จบได้สวยงามกับจานสุดท้าย
เรื่องราคาคุณเจตบอกว่า เราจะไม่ถูกเหมือนบางแสนและไม่แพงเท่าพัทยา แต่จะอยู่ตรงกลาง ยืนยันว่าสิ่งที่ลูกค้าได้มากกว่าราคาคือรสชาติอาหารที่ไม่เคยกินมาก่อน กินเสร็จแล้วก็จะตอบโจทย์ได้ว่าไม่ธรรมดา
เรื่องของฝีมือปรุงอาหาร เชฟมิตรไม่ธรรมดาอีกเช่นกัน เพราะผ่านเวทีการแข่งขันระดับเอเชีย และระดับโลกมาแล้ว เช่น ปี 2016 แชมป์ระดับเอเชียในเวที Baked Dish ประเภท Free Style ณ งาน Thaifec เมืองทองธานี ปี 2018 แชมป์ภาคใต้ เวที Makro Horeca Challenge ปี 2019 รองแชมป์ภาคอีสาน Makro Horeca Challenge
สำหรับผู้สนใจร้านอาทาระ สกายบาร์ แอนด์ บิสโทร (Atara Sky Bar & Bistro) ห้องอาหารสุดหรูบนชั้น 48 เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป โทรศัพท์ 0-3832-7999
หากต้องการชิมอาหารรสดี มีวิวงามๆ และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ “คุณชาย 4” เชิญให้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง.
คุณชาย 4