การแปรรูปและถนอมอาหารประเภทผัก ผลไม้ เป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทำเองได้โดยง่าย

สำหรับการหมักดอง แค่ใช้เกลือกับน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก ส่วนการแช่อิ่มจะใช้น้ำตาลและน้ำเป็นหลัก ซึ่งทั้ง 2 วิธี สามารถทำให้เก็บรักษาผักและผลไม้ได้นานมากขึ้น

ถ้าทำทานเองในครัวเรือนอาจไม่ต้องกังวลอะไร เพราะเลือกวัตถุดิบและส่วนผสมได้เอง อีกทั้งมีคุณภาพและความปลอดภัย

ปัจจุบันพ่อค้า แม่ขายมีการดัดแปลงกระบวนการหรือกรรมวิธีการผลิตด้วยวิธีใดๆก็ตาม หรือเลือกใช้วัตถุดิบที่ทำให้ต้นทุนต่ำ ได้กำไรมากขึ้นจนลืมนึกถึงความปลอดภัยของผู้บริโภค เช่น มะม่วงและฝรั่งแช่บ๊วย รสชาติแท้ๆ ที่ได้จากส่วนผสมของน้ำ น้ำตาล และบ๊วย จะมีความหวานกลมกล่อมไม่หวานแหลม

แต่การใช้บ๊วยดอง น้ำบ๊วยและน้ำตาลราคาก็แสนจะแพง คนขายเลยดัดแปลงด้วยการผสมแซ็กคาริน หรือเรียกกันแบบบ้านๆว่า ขัณฑสกร เพื่อให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งมีความหวานมากกว่าน้ำตาลถึง 300-700 เท่า ฉะนั้นใส่ลงไปเพียงเล็กน้อยก็ทำให้มีรสหวานแล้ว

แม้ว่ากฎหมายไทยจะอนุญาตให้ใช้แซ็กคารินผสมลงในอาหารได้บางชนิด แต่หากผู้บริโภคอย่างเราๆได้รับแซ็กคารินเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก หรือบ่อยๆติดต่อกัน จะทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายได้

การทานอาหารที่มีแซ็กคารินอยู่ในปริมาณ 100 กรัมในครั้งเดียว จะทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปวดท้อง ซึมและชักได้ บางคนที่แพ้แซ็กคาริน เมื่อได้รับเข้าสู่ร่างกายแม้ในปริมาณน้อยจะทำให้อาเจียน ท้องเดิน ผิวหนังเป็นผื่นแดง

วันนี้สถาบันอาหารได้สุ่มตัวอย่างฝรั่งและมะม่วงแช่บ๊วยจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 4 ย่านการค้าในเขตกรุงเทพฯ เพื่อนำมาวิเคราะห์ปริมาณแซ็กคาริน

ผลปรากฏว่า พบแซ็กคารินในฝรั่งและมะม่วงแช่บ๊วยทั้ง 5 ตัวอย่าง

ขอย้ำว่า หากท่านเป็นผู้ที่ชื่นชอบผลไม้แช่อิ่ม แช่บ๊วย ควรเลือกซื้อจากแหล่งหรือร้านที่มั่นใจได้ว่าสะอาด ปลอดภัย ใช้วัตถุดิบที่ไม่อันตราย.

...

ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัย