นับเป็นอีกหนึ่งก้าวแห่งความสำเร็จของ “SIRIVANNAVARI” แบรนด์แฟชั่นระดับหรูสัญชาติไทย ที่ได้รับการคัดเลือกจาก “Camera Nazionale della Moda Italiana” องค์กรหลักที่กำกับดูแลและส่งเสริมอุตสาหกรรมแฟชั่นของประเทศอิตาลี ให้เข้าสู่ตารางโชว์ล่าสุดของ “มิลาน แฟชั่น วีก” (Milan Fashion Week) อย่างเป็นทางการสร้างสีสันใหม่ให้วงการแฟชั่นโลก ท่ามกลางการนำเสนอผลงานออกแบบแฟชั่นจากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมากมาย ที่ตบเท้ามารวมตัวกันอยู่ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลีในเดือนกันยายน เพื่อจัดแสดงคอลเลกชันสปริง/ซัมเมอร์ 2025

...

อพาร์ตเมนต์สุดหรู “Residenza Duomo” ในย่านศูนย์กลางธุรกิจและแฟชั่นของเมืองมิลาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กสำคัญ “มหาวิหารดูโอโม” (Duomo di Milano) ถูกเลือกเป็นสถานที่ในการจัดพรีเซนเทชันของแบรนด์ “SIRIVANNAVARI” เพื่อเปิดตัวคอลเลกชันเสื้อผ้าสำหรับสุภาพสตรี, สุภาพบุรุษ และเครื่องประดับประจำซีซันล่าสุด “สปริง/ซัมเมอร์ 2025”

ในโอกาสนี้ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา” ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ (Creative Director) แห่งแบรนด์ “SIRIVANNAVARI” ทรงแนะนำคอลเลกชันใหม่ด้วยพระองค์เอง พร้อมทรงเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนท้องถิ่น, แฟชั่นสไตลิสต์ ตลอดจนแฟชั่นอินฟลูเอนเซอร์จากทั่วทุกมุมโลก ได้พูดคุยและสัมภาษณ์อย่างใกล้ชิด

สำหรับเบื้องหลังของคอลเลกชัน “สปริง/ซัมเมอร์ 2025” ได้แรงบันดาลใจจากยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการของอิตาลี (Italian Renaissance) ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นงานสร้างสรรค์ที่ยกย่องสรีระอ่อนช้อยของอิสตรี อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญของแบรนด์ “SIRIVANNAVARI” ดังจะเห็นได้จากผลงานสร้างชื่อของเหล่าศิลปินระดับตำนานอิตาลี ไม่ว่าจะเป็น “มิเกลันเจโล” (Michelangelo) ที่เนรมิตผลงานชิ้นสำคัญอย่างประติมากรรมหินอ่อนขนาดเท่าคนจริง และ “บอตติเชลลี” (Botticelli) ที่ใช้เฉดสีอ่อนโยนแต่งแต้มลงบนงานจิตรกรรมชิ้นเอกของโลกในผลงานลือลั่น “Birth of Venus”

...

...

...

เจาะลึกในรายละเอียดของคอลเลกชัน “สปริง/ซัมเมอร์ 2025” ยังพบว่า เป็นการผสมผสานลงตัวระหว่างเส้นสายอันโค้งเว้าและเหลี่ยมมุมในงานกราฟิก โดยใช้ความโปร่งของผ้าออแกนซาตัดกับหนัง สื่อถึงความเข้มแข็งและความอ่อนโยนในคราเดียว

ขาดไม่ได้คือ งานฝีมือและงานปักชั้นครูจาก “SIRIVANNA VARI Atelier & Academy” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ ยังคงร้อยเรียงได้อย่างครบถ้วน ผ่านงานร้อยลูกปัดและคริสตัล, การจับเดรปและอัดพลีตบนผืนผ้าอย่างประณีต ดุจผลงานประติมากรรม รวมถึงการใช้เทคนิคเฉพาะตัว เช่น การเคลือบเรซิ่น และงานถักโครเชต์ ที่สลักเสลาอยู่บนสรีระของสุภาพสตรี

ในขณะที่ “เสื้อผ้าสำหรับสุภาพบุรุษ” ก็ล้อไปกับชุดผู้หญิง มาในโทนสีโรแมนติก เช่น สีชมพูและสีฟ้า ส่วนเนื้อผ้ามีทั้งผ้าโปร่งที่ให้ความรู้สึกอ่อนโยน และผ้าเดนิมที่ดูแข็งแกร่งสมมาดแมน

ในส่วนของ “แอคเซสเซอรี” ยังคงใช้เครื่องหนังคุณภาพ “Made in Italy” ทั้งกระเป๋าและรองเท้า โดยมีดีไซน์ที่ต่อยอดมาจากฤดูกาลก่อนหน้า พร้อมเติมซิลูเอ็ตใหม่ที่เหมาะกับการใช้งานอย่างคล่องตัวในระหว่างวัน ถือเป็นอีกหนึ่งคอลเลกชันที่ “รองเท้า” โดดเด่นสะดุดตา ด้วยการใช้วัสดุโครงตาข่าย (Mesh Mules) ที่เผยสรีระเท้าและดูโปร่งเบา โดยส้นรองเท้ามีรูปแบบที่ไม่สูงมากนัก เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ในช่วงซีซันรับลมร้อน สำหรับ “แว่นกันแดด” ผสมผสานสไตล์ร็อกเข้ากับความงามสง่าสไตล์คนเมืองในแบบยูนิเซ็กซ์ ในคอลเลกชันนี้ยังมีเครื่องประดับชิ้นเก๋ อย่างเช่น สร้อยคอ, ต่างหู, กำไล และแหวน ที่เข้ามาเพิ่มความสนุกในการแต่งตัว มีการสลักวลีอมตะ “Love Equals Dangerousness” ในรูปแบบฟรีฟอร์ม ดุจการสลักแพสชันลงบนงานประติมากรรมหินอ่อนของประติมากร สะท้อนความไร้ขีดจำกัดของศิลปินในการสร้างสรรค์ชิ้นงาน เพื่อเผยสุนทรียะที่หลอมรวมทั้งศาสตร์และศิลป์เข้าเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างน่าอัศจรรย์.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่