.....ธรรมใด สิ่งใด...ที่มันถูกใจเรา...จิตมันจะรู้สึกสุขและราบรื่น

.....ธรรมใด สิ่งใด...ที่มันไม่ถูกใจเรา...จิตมันจะรู้สึกขัดเคือง

.....ดูมันสิ...ดูที่มันราบรื่น...มันจะลื่นล้ม รึไม่

.....ดูมันสิ...ดูที่มันขัดเคืองใจ...มันจะขัดจนหกล้ม รึไม่

.....ดูมันให้เห็น...มีสติดูมัน

.....ดูจิตให้เห็นจิต ที่มันมีอาการเช่นนั้นๆ

.....ดูและพิจารณา ให้มันเข้าใจ ในเรื่องของจิต...ให้เห็นว่าจิตมันไม่เที่ยงแปรปรวนตลอดเวลาตามธรรมชาติมัน...แล้วฝึกจิตให้มีสติรู้ทันมัน...อย่าไปหลงตาม อย่าไปมีไปเป็นกับมัน...จนหลงว่ามันเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวเป็นตนของเรา...จนเป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่มีเหตุผล จนทำให้อะไรถูกใจชอบ ไม่ถูกใจไม่เอา

.....เมื่อเราเข้าใจจริงในเรื่องของจิตแล้ว ...เราจะไม่มีเราเข้าไปในความถูกใจ หรือไม่มีเราเข้าไปในความไม่ถูกใจนั้นๆ...มันจะแค่รู้อยู่เป็นปกติอย่างผู้รู้

.....นั้นแหละ...คือ รู้เห็นอย่างถูกต้อง...ที่ไม่มีถูกใจหรือไม่ถูกใจ ที่มีเราเข้าไปเป็นเข้าไปยึด...(ถูกใจ รึไม่ถูกใจ เกิด...ก็สักแต่ว่าถูกใจรึไม่ถูกใจ) แค่นั้น...รู้มันอยู่แค่นั้น...เราก็จะไม่ไปลื่นล้มเพราะหลงตามถูกใจ...เราก็จะไม่ไปหกล้มเพราะโกรธขัดเคืองในสิ่งที่ไม่ถูกใจ.....เอวัง...หลวงปู่อุดร พลศีล (โชติปัญโญ ภิกขุ)

ธรรมะข้างต้นนี้แชร์ส่งต่อมาทางไลน์ส่วนตัว “หลวงพี่เอ” ศิษย์เอกอาจารย์ผู้มีวิทยาคมด้านเมตตามหานิยม “กุมารทอง”...“สักยันต์”

...

O O O O

คลื่นกระแสศรัทธายังมีมากมายต่อเนื่อง ไม่ว่าจะอยู่ในยุคนิวนอร์มอลหรือไม่ ศรัทธาความเชื่อที่ว่านี้มีต่อ “หลวงพ่อนิลมณี” ปางมารวิชัย แห่ง “วัดบางกุ้ง” วัดเก่าแก่ตั้งอยู่ในเขตตำบลบางกุ้ง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม อาจจะกล่าวได้ว่าใครที่คิดดี...ทำดี...พูดดี มีศรัทธาแรงกล้า ตั้งจิตขอสิ่งใดก็สมปรารถนาได้

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆ หรือ...หากทุกข์ร้อนใจก็ขอให้ได้ไปกราบไหว้ขอพร สักการะได้สักครั้งหนึ่งก็จักรู้สึกสงบเย็น ไม่หวั่นไหวต่ออารมณ์รุ่มร้อนใดๆ ด้วยความเย็นที่ว่านั้น...เย็นมาจากภายใน จากหัวใจให้รู้สึกเย็น

ตามประวัติกล่าวว่า วัดบางกุ้งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ราวปี 2308 กองทัพพม่ายกเข้ามาตีกรุงศรีอยุธยา

สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์จึงมีพระราชดำรัสสั่งให้หัวเมืองปากใต้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งที่ตำบลบางกุ้ง เมืองสมุทรสงคราม เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง”

กองทัพพม่าซึ่งยกทัพเข้ามาตามลำน้ำแม่กลองและบุกลงมาจนถึงค่ายบางกุ้ง โดยที่กองทัพของกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ค่ายบางกุ้งจึงแตก หลังจากพม่าตีกรุงศรีอยุธยาแตกในปี 2310 “ค่ายบางกุ้ง” ก็ตกอยู่ในสภาพค่ายร้าง เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชสถาปนากรุงธนบุรีแล้ว โปรดให้ชาวจีนรวบรวมสมัครพรรคพวกมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่ายเก่าที่บางกุ้ง จึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “ค่ายจีนบางกุ้ง”

ในปี 2311 หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาไปประมาณ 8 เดือน กองทัพพม่านำโดยเจ้าเมืองทวายยกทัพบกและทัพเรือลงมาล้อมค่ายจีนบางกุ้งไว้ ทหารจีนที่รักษาค่ายบางกุ้งสู้รบอย่างเต็มที่แต่มีกำลังน้อยกว่าเกือบจะเสียค่ายแก่พม่า กรมการเมืองสมุทรสงครามจึงมีหนังสือกราบทูลไปยังกรุงธนบุรี

สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงทราบจึงยกกองทัพมาตีทัพพม่าแตกพ่ายไป และต่อมาในปี 2317 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชยกกองทัพเรือนำทหารไปออกศึกที่บางแก้ว เมืองราชบุรี ในระหว่างการเดินทางได้หยุดกองทัพพักพลเสวยพระกระยาหารที่วัดกลางค่ายบางกุ้ง

ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์นี้จึงมีความเข้มขลังอย่างมาก หลักฐานโบราณสถานที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ พระอุโบสถก่ออิฐถือปูนปัจจุบันถูกต้นไทรขึ้นปกคลุมทั้งหลังหน้าบันของพระอุโบสถ มีปูนปั้นลวดลายพรรณพฤกษาประดับด้วยเครื่องถ้วยซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย

O O O O

“คนโบราณ” จะเตือนกันอยู่เสมอๆว่า อย่าตัดต้นไม้ใหญ่ทิ้ง แม้นว่าถ้าจำเป็นจะต้องตัดจริงๆ จะต้องมีการทำพิธีขอขมาขออนุญาตเสียก่อน เพราะถือว่า ต้นไม้ใหญ่จะมีเทพารักษ์สิงสถิตอยู่

“...บอกกล่าวกับต้นไม้นั้นว่า ให้ไปหาที่อยู่อาศัยใหม่ บางทีอาจจะปลูกต้นไม้ขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทน หรือตั้งศาลเจ้าที่ให้ ข้อสังเกตสำคัญจะต้องขุดรากถอนโคนให้หมด อย่าเหลือตอไม้เอาไว้เด็ดขาดเพราะการสร้างบ้านคร่อมตอไม้ถือว่า อัปมงคลยิ่ง”

แม้นหาก...ใครคิดจะตัดทำลายโดยไม่บอกกล่าว กล่าวกันว่าอาจจะต้องตายสถานเดียว

คนไทยแต่โบร่ำโบราณมีความเชื่อว่า... บ้านใดปลูก “ต้นไทร” ไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดความร่มเย็น เพราะคนโบราณได้กล่าวว่า ร่มโพธิ์ร่มไทร ช่วยทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข นอกจากนี้ ยังช่วยคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง เพราะบางคนเชื่อว่าต้นไทรเป็นต้นไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์

...

“เทพารักษ์” จะคอยพิทักษ์คุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข เป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นไทรไว้ทางทิศตะวันตก ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคารเพราะโบราณเชื่อกันอย่างนั้น

“หลวงพ่อนิลมณี” ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถที่ถูกต้นไทรปกคลุม ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อโบสถ์น้อย” ที่ฝาผนังของพระอุโบสถมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอดีตพระพุทธเจ้า และภาพพุทธประวัติ

นอกจากนี้ยังมีสระน้ำโบราณรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดความกว้างประมาณ 5 เมตร ความยาว 7 เมตร ที่ขอบสระมีกำแพงเตี้ยกั้น กรุด้วยอิฐถือปูนลักษณะสอบลงไป ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระอุโบสถ
กรมศิลปากรได้ประกาศขึ้นทะเบียน “วัดบางกุ้ง” เป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 113 ตอนพิเศษ 50 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ.2539

เชื่อศรัทธา “หลวงพ่อนิลมณี” ตั้งจิตอธิษฐาน สวดคาถาบูชา ตั้งนะโม 3 จบ อะหัง พุทธนิลมณี สิระสา นะมามิ ชะยะ ตุภะวัง สัพพะศัตรู วินาศสันติ...มีศัตรูจงแคล้วคลาดปลอดภัย อย่าได้มากล้ำกรายใดๆ

...

“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.

รัก-ยม