พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ “องค์อธิบดี” สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังฯ ของธีรพล นพรัมภา.
วันนี้เข้าสนามกันอย่างสบายตัวขึ้น เพราะความร้อน 40 กว่า เริ่มลดดีกรีลงเรื่อยๆ เหลือร้อนสุดราวๆ 35 องศา และฝนเริ่มมา ซึ่งทำให้หลายคนโล่งใจว่าปรากฏการณ์ เอลนีโญ ที่รุนแรง จนโลกปั่นป่วน เกิดไฟป่า แห้งแล้ง และมีคลื่นความร้อนแผ่ไปทั่วทุกทวีป อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นจะจบลง แต่องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ หรือ NOAA เผยว่า จะมี “ลานีญา” มาแทน--จะโย่ๆย่าๆก็ไม่ดีสักอย่าง เพราะคราวนี้จะทำให้ธรรมชาติเปลี่ยนเป็นตรงข้ามกับ เอลนีโญ--ก็รอลุ้นว่าจะเกิดอะไรกับเมืองไทย
ยังไงก็ขอบารมีหลวงพ่อช่วยด้วยให้พ้นวิกฤติ องค์แรกคือ พระสมเด็จ พิมพ์ใหญ่ (องค์อธิบดี) สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังฯ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ ซึ่งหายเงียบไปนานมาก แต่สายตรงจำได้ว่าเป็นองค์ที่วงการยกย่องว่ามีความงามสมบูรณ์ ระดับท็อปเทน พระสมเด็จ ที่ได้ชื่อว่า “องค์อธิบดี” ซึ่งหมายถึง คุณแม่น ชลานุเคราะห์ เจ้าของพระ
ซึ่งเข้าใจผิดถึงตำแหน่งว่าท่านเป็นอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์สมัยนั้น ทั้งที่เป็นข้าราชการชั้นเอก (โฆษก) ของกรมประชาสัมพันธ์แต่ด้วยผลงานที่โดดเด่นในการทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าวการปราบกบฏแมนฮัตตัน ของรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม และเป็นผู้ประกาศผลการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล มีเสียงเป็นที่คุ้นหู หน้าตาคุ้นเคย ทำให้เข้าใจผิดในตำแหน่ง
เมื่อรัฐบาลปราบกบฏราบคาบ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ก็ได้เป็นผู้แทนรัฐบาลมอบ “แหวนเพชรอัศวิน” ให้ คุณแม่น ที่ทำหน้าที่รายงานความเคลื่อนไหวของกบฏอย่างเข้มแข็ง ทำให้รัฐบาลปราบกบฏได้สำเร็จลุล่วง--และโดยส่วนตัวที่มีความคุ้นเคย ยังได้มอบ พระสมเด็จวัดระฆังฯ องค์นี้ให้ด้วย
...
คำบอกเล่าจากนักนิยมพระสมเด็จกลุ่มเดียวกับ คุณแม่น สมัยนั้นที่มี ครูเอื้อ สุนทรสนาน คุณบุญยงค์ นิ่มสมบุญ ว่า นามฉายา “องค์อธิบดี” นั้นจริงแล้วน่าจะมาจากความที่เป็นพระที่ “อธิบดีเผ่า” มอบให้ ทำให้พระสมเด็จองค์นี้ มีชื่อเสียงโด่งดังเคียงคู่มากับ “องค์ครูเอื้อ” ด้วยความงามสมบูรณ์ที่ใกล้เคียงกับ “องค์ครูเอื้อ” มีฟอร์มทรงสมส่วน พิมพ์พระลึกชัด ผึ่งผายสง่างามและมวลสารเข้มข้นเป็นที่สุด
องค์อธิบดี พิมพ์พระติดตื้น เป็นรอง เพราะมีเปลือกผิวเป็นแป้งโรยพิมพ์ “เปลือกไข่” จับติด แบบเต็มร้อยและผิวเนื้อด้านหน้ามีลายปริแบบ “ลายสังคโลก” ด้านหลังมีรอยปริ รอยปาด เป็นเอกลักษณ์พระฝั่งวัดระฆังฯ แบบเห็นหลังบอกได้เลยว่าเป็นพระฝั่งไหน
สรุปเป็นพระที่มีความงามครบเครื่องได้รับยกย่องเป็น ๑ ใน ๑๐ พระสมเด็จ “องค์ครู” ของแผ่นดิน
เมื่อ คุณแม่น เสียชีวิต ราวปี พ.ศ.๒๕๑๖ ชื่อเสียงและพระสมเด็จองค์นี้จึงเลือนหายไปหลายปี ต่อมามีข่าวว่าถูกนิมนต์กลับสู่รังพระของผู้ยิ่งใหญ่ ซอยราชครู จนท่านเสียชีวิต พระองค์นี้จึงถูกผ่องถ่ายสู่วงการนักเสี่ยงโชค ก่อนตกมาอยู่ในครอบครองของเจ้าสัว โป๋–ธีรพล นพรัมภา นักนิยมพระเครื่อง ผู้รู้คุณค่าพระสวย พระแชมป์ องค์เยี่ยม ที่มีนามฉายาเป็นตำนานวงการ
องค์ที่สอง เป็นพระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ไสยาสน์ วัดใหม่อมตรส เขตพระนคร กรุงเทพฯ องค์นี้เป็นพระพิมพ์พิเศษ พบขึ้นจากกรุเมื่อคราวพิธีเปิดกรุ พ.ศ.๒๕๐๐ มีแค่หลักหน่วย ทางวัดกำหนดราคาทำบุญบูชาไว้แพงสุดถึงองค์ละ ๕,๐๐๐ บาท ในขณะพระพิมพ์ใหญ่ พิมพ์อื่นๆ สภาพสวยพิเศษราคา ๓,๕๐๐ บาท
ถึงปัจจุบันมีปรากฏในวงการเพียง ๔-๕ องค์ องค์ในภาพนี้ของ นพ.มาณพ โกวิทยา เป็น ๑ ในจำนวนนั้น สภาพพระสมบูรณ์สวยงามเดิมๆ ส่วนราคาค่า มีข่าวว่าองค์งามแชมป์ ซื้อ-ขายกันไปล่าสุดหลักสิบล้าน
ต่อด้วย พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์อกครุฑ (กลาง) วัดใหม่ อมตรส เขตพระนคร กรุงเทพฯ ของ เสี่ยเบียร์ นครปฐม
เป็นพิมพ์ที่มีใบสั่งเข้าคิวรอทุกสนาม เพราะเชื่อกันว่าเป็นพิมพ์ที่มีอานุภาพหนุนนำผู้มีอาชีพเป็นข้าราชการ ให้มีความเจริญก้าวหน้าในตำแหน่ง โดยเฉพาะทหาร ตำรวจ นิยมใช้บูชากันมาก โดยเฉพาะองค์สภาพสมบูรณ์พองามเดิมๆ แบบองค์นี้ ที่ราคาพอจ่ายไหว แต่ก็หาไม่ง่ายในปัจจุบัน
...
อีกองค์ยังคงเป็นพระสมเด็จ มาเติมเต็มให้ชมแบบครบสูตร “พระ ๓ สมเด็จ” ที่ได้ชื่อเป็น “จักรพรรดิพระเครื่อง” คือ พระสมเด็จเกศไชโย พิมพ์ ๖ ชั้น อกตลอด วัดไชโยวรวิหาร อ.ไชโย อ่างทอง ของ เสี่ยฐิการ ศุภวิรัชบัญชา นักนิยมพระผู้มีรสนิยมและภูมิความรู้ในการแสวงหา
เป็นพระสภาพสมบูรณ์ สวยแชมป์เดิมๆ ด้วยฟอร์มทรงที่เป็นมาตรฐาน พิมพ์พระที่ติดเต็มคมชัดเสมอกันทั่วองค์ ทุกเส้นศิลป์ติดเต็มสมบูรณ์ สีเนื้อสะอาดตา สม่ำเสมอ ทุกจุดตำหนิถูกต้องตามตำรา ผิวเนื้อเพอร์เฟกต์ ไร้รอยสัมผัสใช้ รู้ได้ว่า เป็นพระที่ถูกเก็บรักษามาอย่างดีเยี่ยม ที่ยากจะหาพบได้ในปัจจุบัน แบบนี้ราคาต้องว่ากันถึงหลักมากล้าน
...
ยังอยู่ในสนามเบญจภาคี เพราะถัดไปคือ พระนางพญา พิมพ์ใหญ่เข่าตรง วัดนางพญา อ.เมือง จ.พิษณุโลก องค์นี้ของ ณัฐปคัลป์ อินวงศ์
พระมีสภาพผ่านใช้อย่างถึงเนื้อถึงตัว ผิวดูเข้มขลัง ด้วยความเข้มข้นของสีเนื้อที่ฉ่ำจากการเจอเหงื่อ เพราะการเลี่ยมใช้แบบโบราณ บอกอายุความเก่าถึงยุคอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ยังคงสภาพความสมบูรณ์ของฟอร์มทรง
เป็นพระแท้ดูง่าย ที่ส่องเห็นเนื้อในที่อัดแน่นด้วยมวลสารครบสูตร (สีเนื้อรูปทรงขนาดของเม็ดกรวด เม็ดทรายคู่ควรกับการจดจำเป็น ๑ ในจุดพิจารณาที่สำคัญ) สรุป เป็นพระแท้ทุกอณู ที่คู่ควรกับการใช้บูชาพิจารณาเป็น “พระองค์ครู” ที่ดูมีความเข้มขลัง
...
รายการต่อไป เป็น พระรูปเหมือน หน้าตัก ๑๒ นิ้ว สมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทวมหาเถร) วัดสุทัศน์ กรุงเทพฯ
องค์นี้เจ้าของ เสี่ยทนันท์ ยอดศรีมงคล อุ้มองค์จริงมาให้ดูจะจะ บอกได้ว่าเป็นรูปหล่อจำลอง ท่านเจ้า ประคุณสมเด็จพระสังฆราช (แพ ติสฺสเทว มหาเถร) วัดสุทัศน์ ตามรูปลักษณ์และอักษรที่มีสลักบอกไว้ที่ขอบฐานหน้าหลัง
ผิวเนื้อมีธรรมชาติความเก่า บอกอายุความเก่าทันพอดู แต่ไม่สามารถบอกว่าสร้างในวาระใด ใครเป็นผู้สร้าง
บอกได้ว่าเป็นฝีมือช่างชาวบ้านชั้นเยี่ยม ที่ดูแล้วเหมือนองค์ท่าน ตามภาพ ถ่ายตอนรับสถาปนา เป็นสมเด็จพระสังฆราช มากๆ ก็เอาภาพมาลง เผื่อมีผู้รู้ข้อมูลลึกๆ จะได้ถ่ายทอดกัน
องค์ที่ ๗ เป็น พระปิดตาพิมพ์ข้างรัศมี เนื้อผงคลุกรัก พระครูวิมลคุณากร (หลวงปู่ศุข เกสโร) วัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ ชัยนาท
องค์นี้บอกได้ว่าเป็นพระพิมพ์แปลกตา ที่มีเนื้อมวลสารเป็นผงคลุกรัก เหมือนเนื้อพระปิดตาพิมพ์พุงป่อง และพระพิมพ์แจกแม่ครัว หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ตามที่ อาจารย์ณัฐธัญ มณีรัตน์ เจ้าของพระ เขียนบอกมา
ซึ่งก็ต้องว่าไปตามนั้น เพราะ อาจารย์ณัฐธัญ ได้ชื่อเป็นนักนิยมพระเครื่องที่เรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ลงลึก ถึงพื้นที่ พื้นถิ่นมีความรู้แบบครอบคลุม และมักได้พบพระพิมพ์ที่แปลกตา ซึ่งมีเนื้อหาเป็นมาตรฐานมาให้ชมกันเสมอ
องค์สุดท้ายเป็นพระใหม่ แต่น่าสนใจ จาก เสี่ยเต่า พระเครื่อง คือ รูปเหมือน เนื้อทองคำ รุ่น ๑๐๐ ปี หลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต วัดกาญจนสิงหาสน์ (วัดทอง บางพรม) เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ สร้างเป็นที่ระลึก ในวาระปี ครบรอบอายุ ๑๐๐ ปีของหลวงพ่อชาญณรงค์ อดีตเจ้าอาวาส
ท่านมีชื่อเสียง เป็นพระเกจิ อาจารย์ที่มีวิชาอาคมเข้มขลัง ครั้งมีชีวิตอยู่ได้สร้างวัตถุมงคลพระเครื่องของขลังออกหาทุนบูรณะวัด ก็ได้รับความนิยมมาก จนสามารถสร้างวัดมีความเจริญมั่นคงด้วยถาวรวัตถุมาถึงทุกวันนี้
ผู้สนใจทำบุญบูชาได้ที่วัด ซึ่งในวันที่ 22 พ.ค.67 ซึ่งเป็นวัน “วิสาขบูชา” ทางวัดได้จัด พิธีสวดมนต์พระอิติปิโส ๑๐๘ เสริมสิริมงคล และพิธีลอดซุ้มประตูวิหารแก้ว หลวงพ่อทองเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อชะตา
ลากันด้วยเรื่องปิดท้าย ในตลาดสดราชบุรี ยามบ่าย ที่ยังไม่มีลูกค้ามากนัก พ่อค้าแม่ค้าจึงมีเวลาคุยกัน ก็มีการข่มกันนิดหน่อยถึงเรื่องรายได้ คนหนึ่งขายผักก็คุยว่า ตั้งแต่เปลี่ยนมาขายผักออแกนิกรายได้ดี มีเงินไปดาวน์รถกระบะคันใหม่ อีกคนก็ว่า ตั้งแต่เปิดร้านขายกาแฟแฟรนไชส์มีรายได้เพิ่มเยอะ กะว่าอีกสองเดือนจะมีเงินพอไปเซ้งตึกเปิดร้านกาแฟสวยๆ
อีกคนเข้ามาใหม่บอกขายอาหารสด ของทะเล เงินทองไหลมาเทมา นี่กะว่าจะสร้างแบรนด์บรรจุแพ็กส่งห้าง หาเงินซื้อคอนโดหรูๆสักห้อง
ลุงบุญ เจ้าของร้านพระเครื่อง นั่งฟังก็นึกสนุก พูดว่า ฟังพวกเอ็งคุยกันก็อิจฉา เพราะระยะนี้ซื้อขายไม่ค่อยดีทั้งเดือนนี้เพิ่งขายพระได้องค์เดียว ได้กำไรมาไม่กี่แสน ยังไม่พอซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมให้กิ๊กเลยว่ะ--คนอื่นเลยหุบปาก วงแตก แยกไปขายผักขายปลากาแฟต่อ เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.
สีกาอ่าง